รีเซต

ทนายเจมส์ พาลูกความไกล่เกลี่ย หลังเข้าดำเนินคดี 'ท็อป ณฐกร' ทำร้ายร่างกาย

ทนายเจมส์ พาลูกความไกล่เกลี่ย หลังเข้าดำเนินคดี 'ท็อป ณฐกร' ทำร้ายร่างกาย
ข่าวสด
4 ตุลาคม 2564 ( 22:07 )
80

ทนายเจมส์ พาลูกความไกล่เกลี่ย หลังเข้าดำเนินคดี 'ท็อป ณฐกร' ทำร้ายร่างกาย

ทนายเจมส์ พาลูกความไกล่เกลี่ย / วันที่ 4 ต.ค. ที่ ศาลแขวงพระนครเหนือ อาคารเอ ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ นายนิติธร แก้วโต หรือทนายเจมส์ และ น.ส.ณัฐฐา (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ผู้เสียหายที่ถูก “ท็อป ณฐกร ไตรกิศยเวช” นักแสดงชื่อดังทำร้ายร่างกาย เดินทางมาตามที่ศาลนัดการคุ้มครองสิทธิ์ของผู้เสียหายและจำเลย ในคดีทำร้ายร่างกาย และ กักขังหน่วงเหนี่ยว

สืบเนื่องจากกรณีที่โซเชี่ยลแชร์เรื่องของหญิงสาวรายหนึ่ง วัย 25 ปี ที่อ้างว่าโดนดาราชายชื่อดัง คบหากันเป็นแฟนอยู่ 2 ปี พร้อมเผยว่าฝ่ายชายเป็นคนเซ็กซ์จัด และมารู้ทีหลังว่าฝ่ายชายมีภรรยาอยู่แล้ว และมาหลอกเธอ ภายหลังเกิดมีปากเสียงกันเรื่องรูปถ่ายในโทรศัพท์มือถือ ทำให้ฝ่ายชายเกิดอารมณ์ฉุนเฉียว ทำร้ายร่างกายด้วยการบีบคอ จนเข้าแจ้งความดำเนินคดี

หลังจากได้ทำการไกล่เกลี่ย ทนายเจมส์ และ นางสาวณัฐฐา (นามสมมติ) ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยทนายเจมส์เผยว่า “วันนี้เป็นนัดคุ้มครองสิทธินะครับ ซึ่งศาลท่านจะอธิบายให้ฟังว่าในสิทธิของผู้เสียหายมีอะไรบ้าง สิทธิของจำเลยในคดีมีอะไรบ้าง แล้วแนวทางจะเป็นยังไง ทั้งทางบวกและทางลบนะครับ และอาจจะไปเจรจาในส่วนของอะไรที่ทำให้คดีจบลงด้วยดีทั้งสองฝ่าย”

“ครั้งนี้เป็นนัดแรกเลยที่ได้เจอกันครับ หลังจากที่เลื่อนมาเพราะโควิด วันนี้ทางฝั่งจำเลยก็มาครับ ศาลท่านก็เปิดโอกาสให้เจรจากัน ปรับความเข้าใจกัน แต่ยังไม่ลงตัวในบางเรื่องครับ แต่ผมขออนุญาตไม่เปิดเผยนะครับ เนื่องจากศาลท่านขอไว้ เป็นรายละเอียดที่ละเอียดอ่อนนิดนึงครับ”

“ก็อาจจะมีแนวทางที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายสมประโยชน์กันทั้งคู่ และเดินคู่กันได้ในสังคมต่อไปครับ ก็คือมีอยู่หลายอย่าง แต่ยังตอบไม่ได้ตอนนี้ ส่วนศาลจะนัดอีกทีเมื่อไหร่ เดี๋ยวผมแจ้งให้ทราบกันอีกที เพราะศาลท่านกำชับมาว่ากลัวเรื่องของข่าวที่จะออกไปในทางผลเสียของทั้งสองฝ่าย แต่แนวโน้มค่อนข้างดีเลย เพราะอย่างหนึ่งคือได้ปรับความเข้าใจกัน อันนี้เป็นหัวใจสำคัญครับ”

ทนายคนดังกล่าวต่ออีกว่า “ถามว่าเคลียร์กันลงตัวที่นัดนี้และจบได้เลยไหม ก็ยังต้องอีกนัดหนึ่ง นัดนี้อาจจะแค่เกริ่นๆ ไปก่อนว่าแนวทางจะเป็นยังไง และอาจจะต้องกลับไปตัดสินใจกันทั้งสองฝ่ายอีกทีหนึ่งว่าจะเอายังไง จะเดินต่อหรือจะพอแค่นี้หรือจะยังไง แต่ถึงจะเคลียร์กันหลังไมค์ได้ เราก็ต้องมาขึ้นศาล เพราะมันเป็นคดีอาญาแผ่นดินที่ยอมความไม่ได้”

“ถามว่าบรรยากาศวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง ทางฝั่งทีมผมก็ต้องคุยกันไว้ก่อน คือเรามาศาล มาแสวงหาความยุติธรรม ไม่ได้มาแสวงหาความสะใจ ถ้าอยากได้ความสะใจต้องไปที่อื่น วันนี้เรามาเพื่อจบ ไม่ได้มาเพื่อมีเรื่อง อันนี้คือคุยกันตั้งแต่ตอนต้นแล้ว และที่หายเข้าไปนานเกือบ 3 ชั่วโมง พอคดีนี้เป็นคดีอาญา พลาดไปนิดนึงก็ไม่ได้ มันคืออิสรภาพของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เบื้องต้นคดีของจำเลยคือข้อหาทำร้ายร่างกาย ทำอันตรายต่อกายและจิตใจ และ กักขังหน่วงเหนี่ยวครับ ทั้งหมด 2 ข้อหา”

ทั้งนี้ทางด้าน น.ส.ณัฐฐา (นามสมมติ) ได้เผยว่า “วันนี้ได้มาเจอคู่กรณี จริงๆ ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยค่ะ ไม่ได้คุยอะไรกัน เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมค่ะ ถามว่าเขามาพูดคุยกับเราไหม ไม่ได้มาพูดคุยอะไร ถามว่ามีอะไรจะเคลียร์กับเขาส่วนตัวไหม ก็ไม่มีค่ะ มันผ่านจุดตรงนั้นมาแล้ว เกือบปีแล้ว เดือนหน้าก็ครบปีแล้ว จริงๆ เหมือนเราอยู่กับบาดแผลตรงนี้มานาน มันก็เครียดมานาน โชคดีที่มีทนายเจมส์ที่เป็นคนที่มีความยุติธรรมด้วย และเป็นจิตอาสาที่ช่วยฟื้นฟู ให้กำลังใจเราด้วยค่ะ เราเครียดยังไงเขาก็ให้คำปรึกษาที่ดีมาก ถามว่ามีอะไรที่เรากังวลมากที่สุด ตอนนี้ก็อยู่ที่ขั้นตอนทางกฎหมายค่ะ”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องคาดว่าผลน่าจะออกมาทางไหน? ทนายเจมส์ได้บอกว่า “คงยังตอบไม่ได้ วันนี้น้องเขาก็คงกลับไปตัดสินใจอีกทีหนึ่ง เพราะศาลท่านก็บอกแล้วว่าเดินทางซ้ายจะเป็นยังไง เดินทางขวาจะเป็นยังไง ตรงไปจะเป็นยังไง เพียงแต่วันนี้มันกะทันหันนิดนึง ยังตัดสินใจไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องกลับไปปรึกษาพ่อแม่พี่น้องก่อน ว่าจะจบลงตรงไหนที่ทำให้น้องเขาสบายใจมากที่สุด สำหรับเรื่องตัวเลขค่าเสียหาย ผมขออนุญาตไม่เปิดเผยนะครับ เพราะอยู่ในส่วนหนึ่งที่ศาลท่านกำชับว่าอย่าไปให้ข่าวนะ”

“ถามว่า 2 ข้อหาที่แจ้งไปเขายอมรับหรือปฏิเสธ ตรงนี้ยังไม่ได้ให้การครับ อันนี้ผมยังไม่ได้ยินว่าทางเขารับหรือปฏิเสธ เรายังไม่รู้ครับ พอดีคุยกันเฉพาะเรื่องนี้เฉยๆ ในส่วนที่เขาแจ้งข้อหากลับมาก็มีเรื่องของหมิ่นประมาท แต่ถ้าจบกันได้ก็คือจบหมดเลยครับ เขาก็แจ้งความไว้แล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ทางอัยการท่านก็ขออนุญาตฟ้องอยู่ครับ แต่ถ้าเคลียร์กันได้เขาก็จะถอนแจ้งความ วันนี้ท่านผู้พิพากษาท่านก็อยากให้เคลียร์กันให้จบ ไม่ต้องมีเรื่องกันต่อ”

“ถามว่ามันมีคอมเมนต์ที่พาดพิงฝั่งน้องผู้เสียหายเยอะ คือพอเป็นข่าวดัง ประชาชนให้ความสนใจ เวลาวิพากษ์วิจารณ์ก็ให้อยู่ในขอบเขตนะ แต่ถ้าไปพูดอะไรที่มันเกินขอบเขต ถ้าน้องเขาติดใจก็สามารถดำเนินคดีได้ แต่ผมบอกน้องมาโดยตลอดเลยว่าสังคมนี้มันก็เป็นอย่างนี้แหละ มีทั้งบวกและลบ จะให้เขาเข้าใจเราทั้งหมดมันเป็นไปไม่ได้”

“เพราะฉะนั้นอะไรผ่านได้ก็ต้องผ่านครับ ผมก็ฝากผู้ที่จะคอมเมนต์ด้วยว่าการที่เราจะคอมเมนต์อะไรใคร มันเป็นบาดแผลลึกที่อยู่ในใจนะ บาดแผลที่อยู่บนร่างกายยังหายได้ แต่บาดแผลในใจพอมันฝังแล้วมันฝังเลย คำพูดเราเจ็บยิ่งกว่าบาดแผลที่อยู่บนร่างกายอีก จะคอมเมนต์ใครก็แล้วแต่ ให้นึกถึงใจเขาใจเราด้วย ให้มีขอบเขต วิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรร ไม่ใช่ไปด่าพ่อล่อแม่เขา”

ด้าน ณัฐฐา บอกบ้างว่า “(ร้องไห้) มันเหมือนฝันร้ายทุกวันค่ะ อย่างที่พี่เจมส์บอกเลย แผลข้างนอกมันหายหมดแล้ว เหลือแต่บาดแผลในใจเรา บาดแผลที่เรายังรักษาไม่ได้ มันยังฝันร้าย ยังกลัว ยังระแวง”
ทนายเจมส์ เสริมขึ้นว่า “น้องเขายังต้องไปพบหมอทุกเดือนอยู่นะ เหมือนเป็นโรคหวาดผวาไปแล้ว”

ณัฐฐา กล่าวต่อว่า “ก็ไม่ถึงกับทานยาทุกวันค่ะ หมอเขาจะให้ยาคลายเครียด คือตอนนี้เหมือนค่อนข้างกลัวผู้ชายไปเลย ไม่กล้ามีเรื่องความสัมพันธ์ใหม่ กลัวไปเลย กลัวถ้าจะเริ่มต้นอีกมันจะเป็นยังไง จะเป็นอย่างนี้อีกหรือเปล่า มันก็ยังเป็นบาดแผลอยู่ จริงๆ อยากจะบอกว่าทุกคนเวลาจะเมนต์อะไรก็อย่างที่พี่เจมส์บอก ว่านึกถึงสภาพจิตใจของคนนั้นด้วย”

“บางคนสนุก คอมเมนต์หยาบๆ คายๆ เราไม่ได้ไปทำความเดือดร้อนให้พวกคุณเลย คุณดูกรณีเราเป็นกรณีศึกษา หรือเป็นอุทาหรณ์หรืออะไรก็ได้ ที่เอาไปใช้กับชีวิตตัวเองก็ได้ เป็นข้อคิดหรืออะไรก็ได้ แต่คุณไม่ต้องมาด่าเรา เราไม่ได้ไปทำความเดือดร้อนอะไรให้พวกคุณ คุณด่าเราหยาบๆ คายๆ ด่าเราทำไม บางคนไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยก็ด่า อยากให้สังคมมีทัศนคติที่บวกขึ้น ไม่ใช่ทัศนคติที่ลบ ต้องด่า ต้องอะไรตลอด”

ทนายเจมส์ กล่าวว่า “ถามว่าทางเขาจะเยียวยายังไงบ้าง อันนี้เป็นเรื่องของอนาคตครับ ผมเชื่อว่าถ้ามีการคุยตกลงกันด้วยดีน่าจะทำให้ปมที่อยู่ในใจมันหายไปได้บางส่วนแหละ ผมขอระยะเวลานิดนึงครับ วันนี้ก็แค่ครั้งแรกที่เจอกัน นัดหน้าอาจจะมีอะไรที่ดีขึ้นก็ได้ แต่วันนี้ก็ยังไม่ได้คุยอะไรกันจริงจังมากมายครับ เพิ่งเจอกันครั้งแรก”

เมื่อถูกถามว่ามีอะไรอยากบอกคู่กรณีไหม? น.ส.ณัฐฐา บอกว่า “ถามว่าจริงๆ มีอะไรอยากจะคุยกับเขาไหม ไม่มีอะไรจะพูดกับเขาเลยจริงๆ มันผ่านช่วงเวลามาแล้ว”

แล้วทนายเจมส์ได้คุยกับคู่กรณีไหม? ทนายเจมส์ เผยว่า “ผมเองก็คุยกับทนายความของเขา ผมไม่ได้คุยกับคุณท็อป เราก็ไม่มีเบอร์กัน ผมก็เป็นทนายความเนอะ ต่างฝ่ายตามทำหน้าที่ ก็พยายามจะหาทางออกร่วมกันมากกว่า เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสบายใจและจบด้วยดี อย่างว่ามันเป็นคดีอาญา ก็เลยค่อนข้างจะละเอียดนิดนึงในการที่จะจบในทางไหนที่จะเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่ายครับ”