เซ็นเดยา เล่าประสบการณ์เป็นฮีทสโตรก ระหว่างถ่ายทำ "Dune: Part Two" เพราะกลัวจะปัสสาวะใส่ชุด

เซ็นเดยา (Zendaya) นักแสดงสาวมาแรงวัย 28 ปี จากแฟรนไชส์บล็อกบัสเตอร์อย่าง ‘Spider-Man’ ในจักรวาล Marvel และ ‘Dune’ ได้เล่าถึงประสบการณ์ที่เธอเป็น ‘ฮีทสโตรก’ (โรคลมแดด) ในระหว่างถ่ายทำ ‘Dune: Part Two’ (2024)

เซ็นเดยาได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร W Magazine เปิดเผยว่า ตอนนั้นเป็นการถ่ายทำในทะเลทรายของประเทศจอร์แดน ซึ่งเป็นภูมิประเทศที่โหดร้าย โดยเธอได้เป็น ‘ฮีทสโตรก’ ระหว่างที่อยู่ในกองถ่าย เพราะดื่มน้ำไม่เพียงพอ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่เธอไม่ต้องการเข้าห้องน้ำระหว่างการถ่ายทำ เพราะชุดคอสตูมนั้นถอดออกยากเหลือเกิน

"เราอยู่ใน (ประเทศ) จอร์แดน มันเป็นช่วงที่อากาศร้อนมาก และฉันจำได้ว่าห้องน้ำนั้นอยู่สูงและไกลเหลือเกิน ซึ่งถ้าคุณต้องการจะปัสสาวะ ก็ต้องใช้เวลาในการถอดชุดคอสตูมอีกอย่างน้อย 10 นาที ฉันจึงไม่ค่อยดื่มเท่าไร เพราะกลัวว่าจะต้องเข้าห้องน้ำแล้วถอดชุดนี้ไม่ทันจนทำให้ปัสสาวะรดตัวเองในกองถ่าย"

"วันหนึ่ง ฉันดื่มน้ำไม่พอ แล้วฉันก็เป็น 'ฮีทสโตรก' ฉันรู้สึกแย่มาก จำได้ว่าโทรหาแม่ตอนที่ฉันนอนอยู่บนพื้นห้องน้ำ แล้วพูดกับแม่ว่า "หนูรู้สึกแย่มาก" แม่ก็พูดขึ้นมาประมาณว่า "แล้ววันนี้ลูกดื่มน้ำไหม?" ฉันก็ตอบไปว่าไม่ ฉันเคยคิดว่าฉันฉลาด แต่ฉันก็ได้รู้แล้วว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ ฉันได้บทเรียนแล้วล่ะ"

เซ็นเดยารับบทเป็น Chani หญิงคนรักของ Paul Atreides (รับบทโดย ทิโมธี ชาลาเมต์; Timothée Chalamet) ผู้นำคนใหม่ของชาว Freman บนดาว Arrakis ที่เต็มไปด้วยทะเลทราย ใน ‘Dune’ (2021) และ ‘Dune: Part Two’ (2024) ของผู้กำกับ เดอนีส วีลเนิฟว์ (Denis Villeneuve) ซึ่งตัวภาพยนตร์ทำรายได้ทั่วโลกรวมกันสูงถึง 1,136.3 ล้านเหรียญ และได้รับคำชื่นชมมากมายจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชม

วีลเนิฟว์ได้สร้างสรรค์ฉากทะเลทรายบนดาว Arrakis ในนิยาย ‘Dune’ ต้นฉบับของ แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต (Frank Herbert) ออกมาได้สมจริงอย่างที่นักอ่านและผู้ชมคาดหวัง โดยได้เลือกถ่ายทำในทะเลทรายในหลายประเทศ เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามใกล้เคียงกับที่บรรยายไว้นิยายมากที่สุด ซึ่งส่งผลให้การถ่ายทำ ‘Dune’ ทั้ง 2 ภาค เต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่ผลตอบรับนั้นคุ้มค่า เนื่องจาก ‘Dune’ ภาคแรกนั้น สามารถคว้ารางวัลออสการ์ได้ถึง 6 ตัว

สำหรับ ‘Dune: Part Two’ นั้น ได้คะแนนบน Rotten Tomatoes สูงถึง 92% จากนักวิจารณ์ 454 คน และ 95% จากผู้ชมมากกว่า 5,000 คน พร้อมทั้งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์ดราม่ายอดเยี่ยม และประพันธ์ดนตรีประกอบดั้งเดิมยอดเยี่ยม ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ต่อไปด้วย