รีวิวหนังสือ ไข่ย้อย ดากานดา 9 ปีต่อมาหลังจาก เพื่อนสนิท... เป็นเวลากว่า 15 ปีมาแล้วนับตั้งแต่ภาพยนตร์ไทยที่มีทั้งความอบอุ่น ตลก เฮฮา และน่าจดจำเรื่องหนึ่งถูกนำมาฉายให้ชม ผมกำลังพูดถึงภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนสนิท นั่นเอง ผมเชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังฝังอยู่ในความทรงจำและเป็นหนังในดวงใจของใครหลายๆ คน หนังที่เกี่ยวกับช่วงชีวิตวัยมหาลัย ความรักอันแสนหวานชื่น กลิ่นอายของเพลงเชียร์ ชมรม การเรียนรู้ และการเติบโตสู่ความเป็นผู้ใหญ่ มาวันนี้ เจ้าของหนังสือ กล่องไปรษณีย์สีแดง หนังสือที่เป็นต้นฉบับของภาพยนตร์ไทยเรื่องนี้ ได้ตัดสินใจเขียน ภาคต่ออีก 9 ปีต่อมา ของ ไข่ย้อย ดากานดา พยาบาลนุ่น และ ฟุเหยิน โดยเป็นหนังสือขนาดสั้นที่จะเปลี่ยนมาเล่าชีวิตในวัยที่กลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแทนภาพถ่ายโดยผู้เขียน : ปกหนังสือ กล่องไปรษณีย์สีแดง โดย อภิชาติ เพชรลีลา ฉบับปกแข็ง โดยสำนักพิมพ์ นกดวงจันทร์ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน : ชื่อเรื่อง กล่องไปรษณีย์สีแดง ต้องขอเล่าย้อนกลับไปที่ กล่องไปรษณีย์สีแดง กันก่อน หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานการเขียนของคุณ อภิชาติ เพชรลีลา ที่กลั่นกรองประสบการณ์และความรู้สึกของการอาศัยในเมืองเชียงใหม่ และบรรยากาศของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แล้วใส่ตัวละครลงไปให้โลดแล่นและสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่หลงผ่านเข้ามา โดยท้องเรื่องนั้น เป็นเรื่องของ หมู เด็กหนุ่มจากกรุงเทพมหานครที่ถูกเล่าเรื่องราวผ่านสองไทม์ไลน์ คือ ในตอนที่ได้ไปเป็นนักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และหลังจากเรียนจบและไปใช้ชีวิตอยู่ที่เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเนื้อเรื่องนั้นจะดำเนินไปอย่างคู่ขนานโดยที่เชียงใหม่ หมูได้พบกับ ดากานดา หญิงสาวที่เข้ามาเรียนในคณะเดียวกัน ซึ่งเป็นผู้ตั้งฉายา ไข่ย้อย จากเหตุการณ์ขโมยไข่ไก่ของคณะเกษตร ให้กับหมู หญิงสาวซึ่งแรกพบก็ทำให้หมูตกหลุมรัก แต่กลับไม่กล้าพูดเอ่ยความจริงออกไป ตลอดระยะเวลา 4 ปีในรั้วมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขณะที่เรื่องราวบนเกาะพะงันนั้น กลับสลับกัน เมื่อหมูบังเอิญเกิดอุบัติเหตุตกจากดาดฟ้าเรือที่กำลังโดยสารไปเกาะพะงัน และทำให้เขาได้พบกับนางพยาบาลสาวใต้ อย่างนุ่น หรือนุ้ยตามที่นางพยาบาลเพื่อนสนิทเธอเรียก ที่ก็แอบมีใจให้กับหมูอยู่ตลอดระยะเวลาที่เจอกัน ธีมของเรื่องจะเป็นเรื่องราวของการแอบชอบ จังหวะเวลา และสอดแทรกไปด้วยบรรยากาศของเชียงใหม่และเกาะพะงัน ความน่าสนใจของเรื่องนี้ก็คือ การที่มันดำเนินเรื่องไปแบบละเอียดอ่อน ผ่านบรรยากาศความงดงามในวันวานของทั้งเมืองเชียงใหม่และเกาะพะงัน ไม่มีเรื่องราวฟูมฟาย แต่เป็นลักษณะของการหวนคิดถึงอดีตอันแสนหอมหวานเสียมากกว่า ภาพถ่ายโดยผู้เขียน : หน้าปกหนังสือไข่ย้อย ดากานดา โดย อภิชาติ เพชรลีลา จากสำนักพิมพ์ นกดวงจันทร์ย้อนกลับมาที่ ไข่ย้อย ดากานดา เรื่องราวภาคต่อนี้ถูกเขียนขึ้นโดยดำเนินเรื่องต่อจากฉบับภาพยนตร์ ผมคิดว่าน่าจะเพราะว่า ตัวฉบับภาพยนตร์นั้นเข้าถึงคนหมู่มากได้มากกว่าฉบับนิยาย ทำให้การดำเนินเรื่องต่อจากบทดัดแปลงอาจจะเหมาะสมแก่การสร้างมากกว่า เนื้อเรื่องย่อๆ จะว่าด้วย 9 ปีต่อมา นับจากวันที่ไข่ย้อย บอกรักดากานดา ใต้ต้นชงโค และนุ่นบอกรักหมู ที่หาดท้องนายปาน ไข่ย้อยหรือหมูนั้น จากเกาะพะงันมาเพราะแม่ป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต เมื่อแม่เสียชีวิตลง เขาตัดสินใจขายบ้านและเดินทางไปตั้งต้นชีวิตใหม่ที่ กรุงปราก ในฐานะศิลปินที่วาดภาพเหมือนภาพของศิลปินดังและนำไปขายให้พ่อค้าเร่ที่คอยนำรูปพวกนั้นไปหลอกขายนักท่องเที่ยวอีกทีหนึ่ง ชีวิตในกรุงปรากนั้นออกจะเหงาๆ หน่อย แต่ก็ดำเนินไปได้ด้วยดี พร้อมๆ กับพัฒนาการด้านการวาดภาพของไข่ย้อยที่ดีขึ้นจนงานภาพส่วนหนึ่งเป็นที่ต้องตาตรงใจสาวนักศิลปะของเมืองอย่างโรเซล ที่ไม่เพียงแค่งานศิลปะของเขา แต่คือตัวเขาด้วย ขณะเดียวกันนั้น ดากานดา ได้กลับไปเป็นอาจารย์ประจำคณะวิจิตรศิลป์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากเดินทางกลับจากการเรียนที่กรุงปราก ที่เดียวกันกับที่ไข่ย้อยอาศัยอยู่ หากแต่โชคชะตาไม่ได้พาให้พวกเขาพบกัน แต่กลับเป็นชายอีกคนหนึ่งที่ชื่อพี่ต้อง ทั้งคู่ตกลงคบหาดูใจกัน แต่แล้ววันหนึ่ง งานศิลปะของไข่ย้อยกลับได้มาจัดแสดงที่เชียงใหม่อีกครั้ง การพบกันระหว่างไข่ย้อยและดากานดา ดูเหมือนจะจุดถ่านไฟที่ไม่เคยลุกโชนขึ้นให้มีควันขึ้นมา ** จากตรงนี้จะเป็นการสปอยล์เนื้อหาบางส่วนจากหนังสือ ** ความรู้สึกแรกหลังจากอ่านจบก็คือ ทำไมมันสั้นจัง ฮ่าๆ หนังสือมีความหนาประมาณ 150 หน้าเท่านั้น แต่กลับดูเหมือนมีเรื่องราวมากมายที่อยากจะเล่า เป็นการกลับมาเจอเพื่อนเก่าที่ดูเร่งรีบไปหน่อย พอบทสนทนาเริ่มออกรสชาติ ก็เหมือนมีโทรศัพท์ดังและต้องหยุดกึ่งกลางบทสนทนานั้นแล้วผล่ะออกจากวงไป อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ต้องขอชื่นชมมากๆ ก็คือ ภาษาเขียน ภาษาเขียนในเรื่องนี้มันให้ความรู้สึกเหมือนอ่านงานเขียนของนักเขียนเก่าๆ ของฝรั่ง ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะผู้เขียนเขียนให้ตัวละครใช้คำพูดหรือข้อความบางอย่างจากหนังสือหรือกวีของฝรั่งในการบรรยายความรู้สึก แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นภาษาเขียนที่รู้สึกถูกจริต โดยเฉพาะการพรรณนาถึงบรรยากาศรอบตัวในแต่ละฉาก อย่างฉากในกรุงปราก ที่ทำให้รู้สึกเหมือนรอบตัวมีฟ้าหม่น อากาศหนาวชื้นอยู่ตลอดเวลา เป็นการพรรณนาที่ใช้ภาษาที่ให้ความรู้สึกนั้นจริงๆ กับผู้อ่าน ซึ่งส่วนตัวไม่ค่อยได้อ่านนิยายของไทยมากนัก แต่กับเล่มนี้ รู้สึกว่าเป็นงานเขียนที่เป็นเอกลักษณ์ น่าอ่านและน่าติดตามต่อไปเรื่อยๆ เรื่องพัฒนาการของตัวละคร เป็นส่วนสำคัญมากที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามอายุที่มากขึ้น และการเติบโตผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ของตัวละคร ตัวละครไข่ย้อยนั้น ยังคงความเป็นไข่ย้อย ที่จะมีความติสต์แตก บวกกับการเป็นคนเทาๆ การเปิดเรื่องด้วยการที่เขาทิ้งนุ่นมาเพื่อมาดูแลแม่และไม่เคยกลับไปหาเธออีกเลย เป็นตัวอย่างที่แสดงได้ชัดถึงตัวละครนี้ในแง่ของด้านมืดที่ซ่อนอยู่ ซึ่งความสดใสสวยงามของ เพื่อนสนิท หรือ กล่องไปรษณีย์สีแดงเอง อาจไม่เคยได้พูดถึง ขณะเดียวกันนั้น ดากานดา ก็เช่นกัน เหตุการณ์ฝังใจอย่างอุบัติเหตุรถชนที่ทำให้เธอคิดถึงไข่ย้อยอยู่เสมอ แต่ขณะเดียวกันนั้นเธอก็กำลังคบหากับชายที่แต่งงานแล้ว หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ ยังไม่หย่าร้างให้เสร็จสมบูรณ์ ก็เป็นการนำเสนอความหมิ่นเหม่ของศีลธรรมต่อตัวละครนี้ ที่น่าเสียดายก็คือ ตัวละครนุ่น ถูกพูดถึงเพียงแค่บทเดียวตลอดทั้งเล่ม เธอผู้น่าสงสารทั้งกับโชคชะตาในหนังสือที่ต้องถูกทิ้งให้รอจนสิ้นหวังในความรัก และถูกพูดถึงเพียงน้อยนิดโดยนักเขียนเอง นอกจากตัวละครสามตัวนี้แล้ว ตัวละครอย่าง นางพยาบาลสาวเพื่อนสนิทของนุ่น และฟุเหยินที่กลายเป็น หมวดฟุเหยิน ก็กลับมาพอให้หายคิดถึงบ้าง แต่ก็มาเพียงเป็นตัวประกอบเท่านั้น การดำเนินเรื่อง ถือว่ากระชับฉับไวไปเร็วพอตัว ด้วยความที่มีระยะการเล่าอยู่ที่ 150 กว่าหน้าเท่านั้น ทำให้เราซึมซับเรื่องราวในอดีตช่วง 9 ปีที่หายไปนั้น และการดำเนินเรื่องปัจจุบันตัดกลับไปมาได้ดี ออกจะกลมกล่อม แต่อย่างที่กล่าวไป มันสั้นไปหน่อยสำหรับเรื่องราวที่น่าประทับใจแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ถ้าคนที่รักในหนังเพื่อนสนิทและอยากทิ้งให้มันเป็นความทรงจำอันหอมหวาน อาจจะไม่จำเป็นต้องอ่านเล่มนี้ก็ได้ ไม่ใช่เพราะมันไม่สนุก แต่เพราะหนังสือเล่มนี้ เหมือนเป็นการทำลายภาพจำเก่าๆ ลงและก้าวหน้าเดินต่อไปในทางที่สีหม่นลงจากเรื่องเล่าในเล่มแรกอยู่มากนัก จริงๆ แล้ว ผมรู้สึกประหลาดใจปนดีใจทีเดียว ตอนที่รู้ว่า จะมีภาคต่อเล่มนี้ออกมา ผมสั่งซื้อตั้งแต่ล็อตแรกพร้อมลายเซ็นต์นักเขียนด้วยซ้ำ และไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไรกับเรื่องราวต่อจากนั้นและบทสรุปที่ไม่ได้ดี แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรในตอนท้าย ใครที่รักในหนังเรื่องเพื่อนสนิท หรือ หนังสือ กล่องไปรษณีย์สีแดง ก็อยากลองให้หามาอ่านกันดูนะครับ ชื่อหนังสือ: ไข่ย้อย ดากานดาสำนักพิมพ์: นกดวงจันทร์ราคาปก: 190 บาท เครดิตภาพถ่ายทั้งหมด โดยผู้เขียนเอง