Short CommentVigilante (2023)ดุ เดือด ดิบ ดิ่ง ดาร์ค เถื่อนเฉือนระห่ำเร่งแรงอย่างสาสมใจไม่มียั้งตั้งแต่ต้นจนจบอย่างที่เคยเขียนถึงมาหลายครั้งว่าปัจจุบันการมาของระบบสตรีมมิ่งที่เป็นการดูโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกนับวันจะแผ่ขยายอิทธิพลมากขึ้นจนอาจเรียกได้ว่าเป็นความบันเทิงหลักสำหรับความบันเทิงภายในบ้าน และการมีทางเลือกที่หลากหลายการแข่งขันก็สูงโดยเฉพาะเรื่องคอนเทนต์ที่จะมาให้คนดูทางบ้านเลือกหาดูชมกันซึ่งมีทั้งที่ซื้อมาจากต่างประเทศและปัจจุบันนี้มีการสร้างงาน Original ออกมาแข่งขันกัน กำไรจึงตกกับคนดูทางบ้านที่มีงานดีๆมาให้เลือกดูกันมากมายดูกันแทบไม่ทันและที่สำคัญการมีอิสระในการสร้างงานก็มีส่วน เพราะการที่สามารถใส่อะไรลงไปก็ได้ไม่ต้องพะวงกับการถูกกรอบของการออกอากาศสดในเวลาที่สุ่มเสี่ยงกับคนดูบางกลุ่มก็ทำให้เนื้อหาออกมามีความเข้มข้นและบางครั้งสามารถใส่ความรุนแรงเพื่อให้งานออกมาถึงใจถึงอารมณ์ด้วยความสมจริงได้ เพราะระบบสตรีมมิ่งสามารถเลือกระดับการรับชมได้งาน Original ที่ออกมาจึงค่อนข้างได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นได้รับความบันเทิงที่สะใจมากขึ้นเช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่ถ้าออกอากาศทางฟรีทีวีดีกรีความสนุกคงไม่ทะลุปรอทได้ขนาดนี้แน่นอนคิมจียง (นัมจูฮยอก) คือนักเรียนตำรวจชั้นแนวหน้าที่ใครๆก็คาดว่าเขาจะกลายมาเป็นตำรวจที่ดี แต่คิมจียงก็มีอดีตที่ไม่มีวันลืมเมื่อแม่ของเขาถูกทำร้ายโดยอันธพาลขี้เมาจนเสียชีวิตข้างถนนแต่มันผู้นั้นกลับได้รับโทษเพียงไม่กี่ปี จนในปัจจุบันคิมจียงได้มาเจอกับอันธพาลคนนั้นอีกครั้งที่ยังไม่กลับตัวกลับใจอย่างที่กฎหมายต้องการด้วยความคับแค้นเขาจึงจัดการซัดอย่างโหดเหี้ยม จนเมื่อจัดการรายที่หนึ่งได้รายที่สองสามก็ตามมาแถมกระแสสังคมยังเข้าข้างเมื่อการเสนอข่าวของนักข่าวชเวมีรยอ (คิมโซจิน) ที่พบว่าเหยื่อความรุนแรงที่คิมจียงก่อนั้นคือพวกชั่วที่กฎหมายไม่ได้จัดการอย่างสาสม ศาลเตี้ยอย่างเขาจึงเข้ามาจัดการโดยที่นักข่าวชเวมีรยอตั้งฉายาให้เขาว่า Vigilante กระนั้นทุกความรุนแรงก็คืออาชญากรรมสำนักงานตำรวจจึงส่งตำรวจพันธุ์หมาบ้าคือโจฮอน (ยูจีแท) ให้มาสืบเพื่อจับ Vigilante แต่มันก็ไม่ง่ายเมื่อ Vigilante ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ร่วมอุดมการณ์ที่เป็นมหาเศรษฐีคือโจกังอ๊ก (อีจุนฮยอก) แล้วการกำจัดพวกชั่วเดนสังคมจะไปได้สวยหรือไม่เมื่อ Vigilante อาจเสพติดความรุนแรงเข้าแล้วเหมือนดูหนังเรื่องยาวที่เน้นความบันเทิงที่สาสมใจแต่เดินเรื่องเร็วเร่งมิดไมล์จนลืมรอยแผลที่มีประปรายไปได้ สร้างจากเว็บตูนที่เอาจริงผู้เขียนก็ไม่รู้หรอกว่าเนื้อหาเป็นอย่างไรสั้นยาวขนาดไหน แต่ที่เห็นในความเป็นซีรีส์ขนาดไม่สั้นไม่ยาวจำนวนแปดตอนเรื่องนี้คือเจตนาชัดที่จะมาเพื่อความบันเทิงที่มีเป้าประสงค์ที่ความสาสมใจ เพราะการทิ้งน้ำหนักระหว่างเทา (ไม่ใช่ขาว) กับดำสนิทคือถ่วงไปข้างดียวคือการผลักคนดูให้เลือกข้างไปเลยจะๆว่าเป็นฝั่งไหนไม่มีกลางๆ ด้วยการสร้างตัวร้ายที่ชั่วช้าเกินเยียวยากันทุกคนที่อารมณ์รังเกียจจะมาเพื่อความอยากเห็นจุดจบของพวกชั่วๆว่าจะเป็นอย่างไร แล้วก็ใส่วิธีการที่มุ่งเน้นที่ความสาแก่ใจที่ได้เห็นพวกชั่วต้องโดนจัดการอย่างสาสมส่วนหนึ่งอาจเพราะสังคมตั้งคำถามกับกฎหมายเป็นทุนอยู่แล้ว แล้วเมื่อใช้เรื่องแบบนี้ออกหน้าเรื่องจึงเดินไปอย่างเร็วแรงจนลืมไปเลยว่าจุดเริ่มต้นกับตอนท้ายเป็นเหมือนคนละเรื่องความเชื่อมโยงกันต่อไม่ติด และการไปเร็วโดยที่จำนวนตอนน้อยแบบนี้มันดีตรงที่ความบันเทิงลื่นไหลแต่ก็ต้องแลกมากับรอยแผลในตัวบทประปรายตลอดทางดุ เดือด ดิบ ดิ่ง ดาร์ค เถื่อนเฉือนระห่ำอุดมไปด้วยความรุนแรงที่มาเพื่อความสะใจ เมื่อมุ่งเน้นความสาสมใจที่จะได้เห็นศาลเตี้ยจัดการกับคนชั่วสิ่งที่ต้องมีคือความสะใจ ดังนั้นจึงเห็นการระดมความรุนแรงมาเต็มพิกัดอัดหนักๆต่อยกันแรงๆเสียงหมัดกระแทกเนื้อดังแน่นๆเน้นๆสะใจยิ่ง ซึ่งก็คือความดุและเดือดที่ใส่มาในฉากต่อสู้หรือฉากที่ต้องการความสะใจที่มีความเถื่อนมาเฉือนความระห่ำด้วยตัวละครที่คาแรกเตอร์ชัด แม้ว่าพื้นหลังของตัวละครจะเป็นปริศนาก็หาสนใจไม่เพราะเรื่องลื่นไหลไปอย่างดิบไม่สนว่าใครจะเห็นเป็นความรุนแรงเบอร์ไหน ทั้งยังเล่าในโทนมืดเน้นเวลากลางคืนที่เข้ากันดีกับความดิ่งลึกและดาร์คหรือมืดหม่นของอารมณ์ที่ถูกกดไว้ไม่ไห้โงหัวขึ้นมาด้วยการถูกกระทำของคนดีคนบริสุทธิ์ผสมกับการลุ้นว่า Vigilante จะจัดการพวกชั่วยังไงหรือจะรอดเงื้อมมือกฎหมายทางไหน ซึ่งเมื่อเรื่องเดินทางมาถึงตอนท้ายๆสิ่งที่เป็นคือกล้าทำร้ายจิตใจแม้ว่าจะอิงความเป็นจริงทว่าเมื่อให้รางวัลมาตลอดทางแต่กลับมาจบแบบที่เห็นก็อาจเป็นได้ว่า Vigilante จะกลับมาจัดการพวกชั่วๆอีกครั้งเมื่อกฎหมายไม่ได้คุ้มครองเหยื่ออย่างที่ควรจะเป็น Vigilante จึงเกิดขึ้นและที่น่าสนใจคือต่อให้รู้ว่าผิดก็ยังได้ใจ ของมันต้องมีในงานแนวนี้คือทางแยกของหัวใจเรื่องเส้นแบ่งระหว่างกฎหมายและมโนธรรมในใจมนุษย์แต่เรื่องนี้เลือกโยนสิ่งนี้ลงชักโครกแล้วกดน้ำทิ้งอย่างไม่ใยดี เพราะเลือกแบ่งขั้วชัดไปเลยว่าเมื่อกฎหมายไม่ฟังเสียงของเหยื่ออาชญากรรมและคนที่ต้องเผชิญหน้ากับอาชญากรรมกลับต้องใช้ชีวิตที่แหลกสลายเสียเอง ซึ่งมันคือความจริงที่สังคมปฏิเสธไม่ได้และมันทำให้จินตนาการในสมองส่งไปถึงหัวใจที่จะมีบ้างที่อยากลงโทษพวกชั่วที่กฎหมายทำอะไรไม่ได้อย่างสาสมด้วยความรุนแรงอย่างที่พวกมันทำกับเหยื่อ จึงหยิบเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นเพื่อสร้างทางเดินร่วมกันไม่ใช่ทางแยกให้เลือกเพราะคนดูถูกบังคับให้เลือกแล้วกลายๆด้วยหัวใจ ทำให้น่าสนใจว่าไม่ใช่ว่าคนดูจะไม่รู้ว่าสิงที่ศาลเตี้ยอย่าง Vigilante ทำคืออาชญากรรมที่เป็นความรุนแรงและแน่นอนว่าผิดกฎหาย แต่ทั้งที่รู้ทั้งรู้คนดูกลับเอาใจช่วย Vigilante เข้าให้ทำให้สารที่ต้องการสื่อออกมาในเรื่องนี้ได้ผลอย่างตรงประเด็นการแสดงระดับแนวหน้าในบทที่ไม่มีอะไรมากแต่สร้างฉากที่ทรงพลังมากมาย เอาจริงเรื่องนี้นอกจากตัวละครคิมจียงของนัมจูฮยอกแล้วคนอื่นเป็นตัวละครตามสูตรที่มาแบบลอยๆทั้งนั้นซึ่งก็ว่าไม่ได้เพราะดูก็รู้ว่าหลุดมาจากการ์ตูน และด้วยความที่บทไม่ได้ตั้งใจมามีความซับซ้อนเชิงลึกแต่มีคาแร็กเตอร์ตัวละครที่ชัดเป็นของใครของมันที่เป็นสีสัน แล้วเมื่อได้นักแสดงระดับแนวหน้ามาให้การแสดงในระดับแนวหน้าในบทที่อาจจะธรรมดาๆด้วยซ้ำแต่กลับกลายเป็นสร้างพลังให้กับเรื่องได้อย่างล้นเหลือ ทั้งนัมจูฮยอกที่มีปูมหลังมีพื้นฐานมีแรงจูงใจที่ชัดหรือตัวละครตามสูตรของทั้งยูจีแท,คิมโซจินและอีจุนฮยอกที่ไม่ได้มีอะไรให้สัมผัสได้ถึงเบื้องลึกเลยแต่อย่างที่บอกคือคาแร็กเตอร์มันชัด ทำให้เมื่อการต้องเผชิญหน้ากันในบทสนทนากลายเป็นว่าสร้างฉากที่ทรงพลังมากมายไม่ว่าใครจะเผชิญหน้าเพื่อปะทะกันทางคารมและทางอารมณ์กับใคร ทำให้ในบทละครที่ค่อนข้างซื่อตรงแบบนี้ได้การแสดงมายกระดับให้เป็นความบันเทิงให้สูงขึ้นได้อีกระดับอย่างเหลือเชื่อเพราะคนดูเชื่อไปเลยว่าพวกเขาคือตัวละครนั้นๆนี่คือซีรีส์ที่เหมาะกับการดูรวดเดียวมากกว่าเพราะที่ผ่านมาสร้างอารมณ์ค้างคามาตลอดสี่อาทิตย์ สำหรับเรื่องนี้ยอมรับว่าอัตราความน่าติดตามอยู่ในระดับทะลุจุดเดือดจึงเห็นควรว่าถ้าเลือกดูรวดเดียวจะทั้งแปดตอนหรือค่อยๆดู (ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้) จะดีว่า เพราะเมื่อตอนที่ผู้เขียนดูเป็นรายสัปดาห์เมื่อจบตอนที่สองของสัปดาห์อาการค้างคาจะเกาะกุมและมันเป็นแบบนี้มาถึงสี่อาทิตย์ แม้ว่าการดูรวดเดียวจะต้องแลกมากับการเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นนั่นคือริ้วรอยความต่อเนื่องเชื่อมโยงในในหลายประเด็นที่เป็นบาดแผลที่การดูเป็นรายสัปดาห์เวลาที่ทิ้งช่วงจะสามารถทำให้ลืมไปได้นอกจากจะดูแล้วคิดตามเกินไปอย่างผู้เขียนที่ไม่แนะนำ แต่ถ้ามองข้ามไปได้เรื่องนี้ก็คือการเดินเรื่องที่รวดเร็วปานเยียบคันเร่งมิดไมล์ตั้งแต่ตอนแรกและค้างไว้อย่างนั้นไม่มีเบรคหรือผ่อนเพราเส้นทางของเรื่องก็เป็นทางตรง ทำให้กลายเป็นความคุ้มค่าสมราคาวันพุธที่มักมีซีรีส์ชั้นยอดมาให้ดูต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ Moving มาถึง The Worst of Evil จึงเป็นความบันเทิงที่ถ้าดูเพื่อความบันเทิงก็สะใจสมใจไม่ใช่น้อยดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram portalstarplus ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/qjr0yavWNpMkhttps://entertainment.trueid.net/detail/DPN4OYzDjoedhttps://entertainment.trueid.net/detail/zY7P2dNnj05Vhttps://entertainment.trueid.net/detail/NbJjQeQqpMnbคอมมูนิตี้ “โลกคนรักหนัง” ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน