เป็นหนังที่มาได้ถูกจังหวะกับกระแสความเคลื่อนไหวโลกจริงๆ ท่ามกลางการชุมนุมรณรงค์ Black Lives Matter ที่ยังลุกโชนเป็นประเด็นที่พูดถึงไปทั่วโลก บ้านเราก็กำลังจะได้ดูหนังดราม่าที่สร้างมาจากเรื่องจริงที่ปลุกพลังให้กับชีวิต ปรับทัศนคติมุมมองใหม่ ด้วยการใช้ความรักและศรัทธาเข้ามาเยียวใจจิตใจคนคนหนึ่ง หนังเรื่องนี้คือ "Burden" เรื่องเล็กๆ ของผู้ชายคนหนึ่งที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับอีกหลายๆ คน
ไมค์ เบอร์เดน เขาเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกชุบเลี้ยงมาโดยสมาชิกกลุ่มคลูคลักซ์แคลน (KKK) หรือ ลัทธิเหยียดผิวหัวรุนแรง ทำให้เขาถูกปลูกฝังความคิดให้จงเกลียดจงชังคนผิวสีมาตั้งแต่เด็กๆ แต่หลังจากที่เขาได้มาพบกับ จูดี้ หญิงสาวที่เขาหลงรักอย่างเต็มหัวใจ และเธอยังได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงแนวความคิดและปรับทัศนคติใหม่ๆ ให้กับเขา โดยที่เขาเองต้องแลกมากับการเสียศักดิ์ศรีและตกอยู่ในอันตราย เพราะความคิดที่ยังไม่ยอมรับความจริง
ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างลัทธิเหยียดผิวกับคนผิวสีในเมือง ไมค์ เบอร์เดน กลายเป็นคนที่ไม่มีใครต้อนรับ ชาวเมืองรู้ประวัติของเขาดี และยังไม่พร้อมที่จะเปิดใจรับให้เขาได้กลับตัวใหม่ มีเพียง สาธุคุณเคนนาดี ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาและครอบครัว ด้วยความเห็นใจ แม้ว่าจะทำให้เขาเอาตัวเองเขาไปสู่ปัญหา แต่เขาก็ยืนหยัดที่จะช่วยเหลือผู้ชายคนนี้อย่างไม่มีข้อแม้ ด้วยความเชื่อและศรัทธาที่หวังว่าคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองได้
หนังมาพร้อมกับเรื่องราวที่ทรงพลังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นำเสนอออกมาอย่างง่ายๆ ชัดเจน มีความเป็นอเมริกันชัด เหยียดสีผิวชัด แต่ยังสอดแทรกประเด็นทางศาสนาเข้ามาประปรายในฐานะตัวเลือกในการเยียวยาและทางเลือกในชีวิต แต่น่าเสียดายนิดหน่อยที่หนังยังคงทำไปได้ไม่ถึงจุดที่ควรทรงพลังอย่างที่ควร กลายเป็นหนังดราม่าที่ร้อยเรียงเรื่องราวไปตามเส้นเรื่องธรรมดาๆ เท่านั้น
หนังมีประเด็นค่อนข้างสุ่มเสี่ยงที่นำมาตีแผ่ การนำเสนอพฤติกรรมสุดโต่งของลัทธิหนึ่งที่เคยเรืองรองในสังคมอเมริกา ปัจจุบันลัทธินี้ก็ยังคงมีอยู่ แม้ว่าจะค่อยๆ เสื่อมคลายลงไปตามยุคสมัย แต่ในสังคมอเมริกันในปัจจุบันก็ยังคงมีแนวคิดเหยียดสีผิวปะปนอยู่ในทุกหัวเมือง เพียงแต่กลายเป็นในรูปแบบทัศนคิตส่วนตัวมากกว่าจะมารวมตัวเป็นกลุ่มก้อนเหมือนในอดีต
"แอนดูรว์ เฮกเลอร์" นักแสดงหนุ่มผู้คร่ำหวอดมาจากผลงานทีวีซีรีส์มาหลายปี แต่มาหยิบจับกำกับหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของเขา ในมุมมองการถ่ายทอดหนังเรื่องนี้ออกยังไม่สมบูรณ์แบบเท่าที่ควร หนังยังคงมีกลิ่นอายความเป็นหนังที่เหมาะฉายทางทีวีอยู่ในบางมุม แต่เพราะการค้นหาศึกษาข้อมูลประเด็นนี้ที่ใช้เวลามาถึง 2 ทศวรรษ ทำให้เขามีข้อมูลค่อนข้างแน่นที่จะถ่ายทอด เพียงแต่มีข้อจำกัดในการนำเสนออยู่พอสมควร
เห็นได้ชัดจากการที่หนังเลือกที่จะไม่เน้นและขยายความเกี่ยวกับลัทธิคลูคลักซ์แคลน (KKK) เลือกแค่เพียงนำเสนอแบบผิวเผิน จึงทำให้ส่งไปถึงบทสรุปของหนังที่ออกมาค่อนข้างตื้นเขินและไม่หนักแน่นสักเท่าไหร่ แต่โดยภาพรวมก็ถือว่า Burden เป็นหนังดราม่าที่ตอบโจทย์ของประเด็นเหยียดสีผิวเอาไว้ได้ค่อนข้างน่าพอใจ
หนังยังมาพร้อมกับทีมนักแสดงที่ไว้วางใจได้ ไม่ว่าจะเป็น "การ์เรต เฮดลันด์" ที่ได้ชื่อว่าเป็นดาราหนุ่มองค์ลง เขามักจะทุ่มเทกับทุกบทบาทที่ได้รับ หนังเรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน เขาศึกษาและทำการบ้านเก็บรายละเอียดของตัวละครได้เป็นอย่างดี ดีจนบางทีก็รู้สึกว่าสมจริงเกินไปด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่บทนี้ของเขาออกจะดูซ้ำซากไปสักหน่อย เพราะเขาเองก็เพิ่งจะรับบทในหนังเหยียดสีผิว "Mudbound" ที่เป็นผลงานเรื่องก่อนหน้านี้
ขณะที่ "ฟอเรสต์ วิตเทกเกอร์" คนนี้ไม่ต้องพูดมาก เล่นได้สมราคารางวัลออสการ์ที่ได้มาครอง เขาจองเล่นบทนี้มาหลาย 10 ปีแล้ว แม้จะเป็นบทที่ไม่ได้มีมิติอะไรมากมาย แต่พวกเขาก็สามารถตีโจทย์ให้แตกและขยี้คาแรกเตอร์ออกมาได้อยู่หมัด นอกจากนี้ก็ยังมี "แอนเดรีย ไรซ์โบโรห์" และ "ทอม วิลคินสัน" มาร่วมสมทบที่ช่วยเสริมให้หนังทรงพลังขึ้นยิ่งขึ้นๆ
ถึงแม้ว่า Burden จะไม่ใช่หนังดราม่าประเด็นเหยียดสีผิวที่ดีที่สุด แต่ก็ถือว่ามีประเด็นที่ทรงพลังเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน การถ่ายทอดเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่เลือกที่จะเปลี่ยนทัศนคติและแนวคิดที่เขาเชื่อมาตลอดทั้งชีวิต การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากที่จะเปลี่ยนเพียงแค่เชื่อที่จะเปลี่ยนแปลงในตัวเอง
หนังสะท้อนปัญหาด้านทัศนคติในสังคมออกมาได้ค่อนข้างลงตัว ไม่มีใครสมควรที่จะถูกเหยียดหยาม ดูหมิ่นดูแคลน หรือกลั่นแกล้งใดๆ เพราะทุกคนล้วนเป็นมนุษย์เหมือนกัน ไม่ว่าจะเชื้อชาติหรือสีผิวใด ทุกคนก็มีศักดิ์ศรีและความเป็นคนไม่ต่างกันเลย หนังเรื่อง Burden จึงได้ทำหน้าที่สะท้อนสภาวะความขมขื่นของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตออกมาได้น่าพอใจ
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Burden
ประเภท : ดราม่า / ชีวประวัติ
ผู้กำกับ : แอนดรูว์ เฮกเลอร์
นำแสดงโดย : การ์เรต เฮดลันด์, ฟอเรสต์ วิตเทกเกอร์, แอนเดรีย ไรซ์โบโรห์, ทอม วิลคินสัน
ความยาว : 117 นาที
จัดจำหน่ายโดย : มงคล เมเจอร์ (Mongkol Major)
เข้าฉาย : 25 มิถุนายน 2020 (ไทย) / 28 กุมภาพันธ์ 2020 (อเมริกา)
----------------------------------------------------