รีเซต

เปิดโผ 10 อันดับหนังทุนสร้างสูงปรี๊ดแห่งยุค 2020s หรือในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา

เปิดโผ 10 อันดับหนังทุนสร้างสูงปรี๊ดแห่งยุค 2020s หรือในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา
Jeaneration
7 สิงหาคม 2566 ( 16:00 )
197

ดูเหมือนว่าหนังฮอลลิวูดในยุคปัจจุบันนี้ ที่แม้ว่าจะมีช่องทางที่หลากหลายในการปล่อยผลงานออกสู่สายตาคนดู แต่ถือว่าเป็นงานที่ใช้งบประมาณลงทุนในการสร้างต่อผลงานชิ้นเดียวที่ค่อนข้างสูงขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะแค่ในช่วงยุคปี 2020s ที่เพิ่งเริ่มต้นมาแค่ 3 ปีนิด ๆ ก็พบว่ามีผลงานหนังมากมายที่ลงทุนลงแรงด้วยงบประมาณที่สูงลิ่ว

สถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ก็นับว่าเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้งบประมาณการสร้างหนังสักเรื่องของฮอลลิวูดต้องบานปลายเพิ่มขึ้น เนื่องจากการทำงานบนเส้นทางที่ขรุขระและล่าช้ากว่ากำหนด ทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการลงทุนเพิ่มเติม อีกทั้งผลลัพธ์ผลตอบแทนที่กลับคืนมาก็อาจจะไม่เป็นตามไป เพราะผลพวงจากการฟื้นตัวของวงการหลังโรคระบาดนั้น และนี่คือตัวเลข 10 อันดับของกลุ่มหนังที่ใช้งบสร้างที่สูงที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทาง The Numbers ได้ทำการประมวลเอาไว้ในเบื้องต้น

อันดับที่ 10 "Tenet" (2020) - หนังที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ "คริสโตเฟอร์ โนแลน" ออกอาการน้อยอกน้อยใจค่ายหนังยักษ์ใหญ่ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ที่นำหนังของเขาไปออกฉายทางสตรีมมิ่งควบคู่กับฉายโรงหนัง จนทำให้เขาตีจากจากสตูดิโอแห่งนี้ไป สืบเนื่องเพราะหนังต้องฉายในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 กำลังหนักหน่วงไปทั่วโลก ทำให้ค่ายหนังต้องมองหาช่องทางที่จะปล่อยผลงานได้

โดยหนังเรื่องนี้ก็ใช้ทุนสร้างไปมากถึง 205 ล้านเหรียญ โดยที่ยังไม่รวมงบประชาสัมพันธ์ แต่กระนั้นหนังก็ทำเงินกลับไปได้เพียง 360 ล้านเหรียญทั่วโลก ที่ถือว่าค่อนข้างขาดทุนอยู่ และจัดได้ว่าเป็นหนังที่ไม่ประสบความสำเร็จทางด้านรายได้อีกเรื่อง ซึ่งหากจะคำนวณให้ชัด ๆ หนังน่าจะต้องทำเงินให้ได้มากกว่า 500 ล้านเหรียญขึ้นไป ถึงจะสามารถคืนทุนได้ แต่น่าเสียดายที่หนังเรื่องนี้มาได้ผิดหวังไปสักหน่อย

อันดับที่ 9 "No Time to Die" (2021) - นี่คือหนังภาคที่ 25 จากแฟรนไชส์ เจมส์ บอนด์ และยังเป็นการอำลาตำแหน่งและบทบาท 007 ของ "แดเนียล เคร็ก" ที่ต้อเลื่อนฉายอยู่หลายครั้ง กว่าจะมาลงเอยได้ฉายทั่วโลกช่วงปลายปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่การแพร่ระบาดของโรคยังค่อนข้างปกคลุมไปทั่วโลกอยู่ แต่หนังเรื่องนี้ใช้ทุนสร้างไปค่อนข้างสูงถึง 250 ล้านเหรียญ แบบที่ยังไม่รวมงบประชาสัมพันธ์ นับว่าเป็นหนัง 007 ที่ใช้ทุนสร้างสูงเป็นอันดับที่ 2 ตลอดกาล รองจาก Spectre ในปี 2015 ที่เรื่องนั้นใช้ทุนไปถึง 300 ล้านเหรียญ

อันดับที่ 8 "The Little Mermaid" (2023) - ดิสนีย์ลงทุนลงแรงไปกับโปรเจกต์ไลฟ์แอคชั่นจากเทพนิยายของตัวเองแบบสุด ๆ ในช่วงระยะหลังมากนี้ และนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องทำงานท่ามกลางโรคระบาดที่แพร่กระจายไปทั่วโลก และนั่นก็ทำให้เป็นส่วนหนึ่งที่งบประมาณของหนังจะบานปลาย ใช้ไปถึง 250 ล้านเหรียญ โดยจัดว่าเป็นหนึ่งในหนังดิสนีย์ที่ใช้ทุนสร้างมาก ๆ อีกเรื่อง และผลลัพธ์ของหนังก็ยังไม่ปังเท่าที่ควร เพราะท้ายที่สุดก็เก็บเงินทั่วโลกไปได้ที่ 550 ล้านเหรียญ จากเป้าที่ควรจะต้องแตะระดับ 700-800 ล้านเหรียญเป็นอย่างต่ำ เพื่อการันตีได้ว่าหนังจะไม่ขาดทุน

อันดับที่ 7 "Guardians of the Galaxy Vol. 3" (2023) - หนังมาร์เวลย่อมมาพร้อมกับงบประมาณการสร้างที่สูงอยู่แล้ว และนี่ก็คือหนังที่อัปเกรดงบสร้างที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยภาคล่าสุดใช้ทุนสร้างไปมากกว่า 250 ล้านเหรียญ ที่ถือว่าสูงเกือบตัวเท่าตัวจาก 130 ล้านเหรียญ ที่ถือว่าเรตงบประมาณที่ต่ำที่สุดของหนังมาร์เวล แน่นอนว่าส่วนใหญ่งบไปอัดให้กับงานสร้างเทคนิคพิเศษและซีจีต่าง ๆ ที่เป็นส่วนประกอบอันสำคัญขอหนังฮีโร่ในยุคนี้ แต่กระนั้นภาคนี้ก็ยังถอนทุนคืนได้อยู่ เพราะกวาดรายได้มาได้ทั้งสิ้น 845 ล้านเหรียญ

อันดับที่ 6 "Thor: Love and Thunder" (2022) - อีกหนึ่งเรื่องจากมาร์เวล ที่ใช้ทุนสร้างไปประมาณ 250 ล้านเหรียญ เพราะงานสร้างเทคนิคพิเศษและซีจีต่าง ๆ ในหนัง นับว่าเป็นภาคที่ใช้งบสูงถึงจากภาคที่แล้วไปพอประมาณ แต่ยังทำรายได้ภาพรวมกลับคืนมาที่ลดลงน้อยไปหน่อย เพราะหนังกวาดไปได้ 760 ล้านเหรียญจากทั่วโลกในท้ายที่สุด ที่ถือว่าหมิ่นเหม่กับค่าใช้จ่ายไปพอสมควร แต่ก็ถือว่าหนังออกฉายในช่วงที่กำลังฟื้นตัวจากโควิด-19 ด้วย

อันดับที่ 5 "Black Panther: Wakanda Forever" (2022) - การกลับมาของเสือดำในภาคใหม่ ที่ใช้งบสร้างสูงขึ้นจากภาคแรกมาอีกนิด อยู่ที่ 260 ล้านเหรียญ แต่ถือว่าก็ยังทำผลลัพธ์กลับคืนมาให้กับดิสนีย์ได้ค่อนข้างน่าพอใจ แม้ว่าจะไม่สามารถสร้างสถิติหนังพันล้านให้ได้อีกเหมือนกับภาคที่เคยทำเอาไว้ แต่หนังก็ฟันรายได้มาได้ทั้งหมดที่ 850 ล้านเหรียญ ยังนับว่าเป็นตัวเลขที่ใช้ได้ เมื่อนำไปหักกับค่าใช้จ่ายในการโหมโรงโปรโมตของหนังก็ถือว่ายังคุ้มทุนได้อยู่

อันดับที่ 4 "Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One" (2023) - แน่นอนว่าถึงขนาดมีประเด็นทะเลาะกับผู้บริหารค่ายกันเลยทีเดียว เพราะนี่คือหนังแอคชั่นที่ทุนสร้างเกือบจะบานปลายมากสุด ๆ ในยุคนี้ กับทุนสร้างแค่ภาคเดียวที่สูงถึง 290 ล้านเหรียญ โดยที่ยังไม่ได้รวมงบประมาณประชาสัมพันธ์ของหนังเข้าไป ถือว่าเป็นหนังที่ราคาแพงที่สุดในอาชีพนักแสดงของ "ทอม ครูซ" เลย สาเหตุที่หนังใช้งบเยอะขนาดนี้ เพราะการทำงานในช่วงโรคระบาดนั่นเอง ทำให้แผนงานล่าสุดและยืดเยื้อ โดยหนังต้องเปิดกล้องต่อเนื่องกว่า 2 ปีกว่าจะปิดจ็้อบลงไป และยังมีหนัง Part 2 รออยู่ ที่งบสร้างก็สูงไม่ธรรมดาอีกเช่นกัน

อันดับที่ 3 "Indiana Jones and the Dial of Destiny" (2023) - ที่ถูกแซวว่าหมดเงินไปกับการใช้เทคนิค De-Aging ลดอายุให้นักแสดงก็น่าจะไม่เกินจริง เพราะการกลับมาของอินดี้ในครั้งนี้ ต้องใช้งบประมาณสูงถึง 300 ล้านเหรียญ แบบที่ยังไม่รวมค่าประชาสัมพันธ์หนัง ที่ถือว่าเป็นการลงทุนที่สูงและเสี่ยงเป็นอย่างมาก ภาคนี้ถือว่าใช้งบเพิ่มมากขึ้นจากภาคก่อนเกือบเท่าตัว และผลลัพธ์ที่ออกมาในตอนนี้ก็ถือว่ายังแย่ เพราะเพิ่มทำเงินผ่านหลัก 300 ล้านเหรียญไปหมาด ๆ ทั้งที่หนังควรจะกวาดเงินให้ได้มากกว่า 700 ล้านเหรียญขึ้นไป ถึงจะได้ชื่อว่าคุ้มทุน

อันดับที่ 2 "Fast X" (2023) - เพราะนอกจะขนกองทัพดารามาทั้ง 'ครอบครัว' แล้ว ความเว่อวังในฉากแอคชั่นก็แลกมาด้วยราคาที่สูงด้วยเช่นเดียวกัน กลายเป็นการอัปเกรดทุนสร้าง ที่ยิ่งสร้างก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ของแฟรนไชส์หนังเรื่องนี้ ที่ภาคล่าสุดใช้เม็ดเงินไปมากกว่า 340 ล้านเหรียญ ในการสร้างเฉพาะหนังภาคนี้ สูงกว่างบจากภาคที่แล้วกว่าร้อยล้านเหรียญ โดยผลลัพธ์ล่าสุดหนังทำเงินผ่าน 700 ล้านเหรียญไปได้สวย ๆ ซึ่งอาจจะยังพูดได้ไม่เต็มปากว่าคุ้มทุน เพราะเป้าหมายจริง ๆ ของพวกเขาก็อยากจะให้มันแตะถึงระดับพันล้านเหรียญ แต่มันได้คืนกลับมาน้อยกว่าที่หวัง

กดดูหนัง Fast X แรง..เร็วทะลุนรก 10 ได้แล้ววันนี้ที่ทรูไอดี

อันดับที่ 1 "Avatar: The Way of Water" (2022) - แน่นอนว่าตำแหน่งทุนสร้างสูงที่สุดประจำยุค 2020s ในเวลานี้ก็ต้องเป็นผลงานการกลับมาของตัวพ่อ "เจมส์ คาเมรอน" ที่ยังคงเซอร์ไพรส์วงการอย่างต่อเนื่อง โดยในภาคต่อเรื่องนี้ใช้งบประมาณสร้างไปมากถึง 460 ล้านเหรียญ แบบที่ยังไม่ได้รวมงบประชาสัมพันธ์ ซึ่งเม็ดเงินส่วนใหญของหนังก็ต้องเน้นที่เทคนิคงานสร้างด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยในแบบที่วงการหนังยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน อันเป็นเอกลักษณ์ของทีมผู้สร้างชุดนี้

แต่หนังก็ถือว่าทำผลลัพธ์กลับคืนมาได้ค่อนข้างน่าพอใจมากที่เดียว เพราะในท้ายที่สุดหนังก็ฟันรายได้ทั่วโลกเยี่ยงราชันย์ไปได้มากกว่า 2.32 พันล้านเหรียญ เป็นตัวเลขกำไรแบบเน้น ๆ ที่มีเพียงแค่ เจมส์ คาเมรอน คนเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ได้ในยุคสมัยนี้ ซึ่งผู้ชมก็ต้องอดใจรอไปอีกยาว ๆ เพราะมันจะยังมีความตระการของหนังภาคต่อเรื่องอื่น ๆ ตามมาอีกตลอดในช่วงทศวรรษนี้

-------------------------------------

>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa