ผลงานส่งท้ายปีจากค่ายหนังอารมณ์ดีอย่าง GDH ที่ได้เจ้าพ่อหนังอินดี้แห่งยุคอย่าง เต๋อ นวพล ธำรงค์รัตนฤทธิ์ มากำกับ โดยหนังก็มาพร้อมคอนเซ็ปต์ที่แสนเรียบง่าย และใกล้ตัวอย่าง "การจัดบ้าน" ซึ่งสิ่งที่ทำให้กิจกรรมที่ดูเหมือนจะธรรมดา กลายเป็นเรื่องราวดราม่า โรแมนติกได้ ก็คือความทรงจำในอดีต ที่มีต่อสิ่งของต่าง ๆ ที่ต้องตัดสินใจที่จะ ทิ้ง หรือ เก็บมันไว้หนังจะเล่าเรื่องราวของ จีนหญิงสาวที่พึ่งกลับมาจากสวีเดน พร้อมได้ไอเดียที่จะรีโนเวต ชั้น 1 บ้านของเธอเอง ให้กลายเป็นออฟฟิศสไตล์มินิมอล ซึ่งอุปสรรคใหญ่ของเธอในครั้งนี้คือ การต้องจัดบ้านครั้งใหญ่ เนื่องจากของส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่ไม่ได้ใช้แล้ว จนกระทั่งเธอได้ไปพบกับกล้องฟิล์มของ เอ็มคนรักเก่าที่เธอทิ้งไปอย่างไม่ไยดีเมื่อ 3 ปีก่อน ทำให้ จีนต้องรวบรวมความกล้าที่จะกลับไปคืนกล้องให้กับ เอ็มอีกครั้ง พร้อมขอโทษต่อเรื่องในอดีต นอกจากนี้จีนยังต้องทะเลาะกับแม่ เรื่องการขายเปียโนของพ่อเธอ ที่ทิ้งไปตั้งแต่เด็ก เรื่องราวความสัมพันธ์มากมายระหว่างคน และสิ่งของที่เต็มไปด้วยความทรงจำก็ได้เริ่มขึ้นเป็นอีกครั้งของ เต๋อ นวพล ที่สามารถหยิบเรื่องราวใกล้ตัวของคนในยุคนี้ มาถ่ายทอดออกมาได้อย่างเฉียบคม และน่าประทับใจ ครั้งนี้ นวพล ได้พยายามเล่นกับอารมณ์คนดูมากกว่าเคย ด้วยการขยี้ประเด็น "การทิ้ง" และ "การเก็บ" ของสิ่งของต่าง ที่เชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นล้วนมีความทรงจำ และอดีตบางอย่างนอกจากเรื่องความทรงจำผ่านสิ่งของแล้ว หนังยังได้พูดถึงการ Move on ของชีวิตคนเราที่ต้องการจะเดินหน้าต่อ แต่ทว่าการเดินหน้า หรือการเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่ง ล้วนแลกมาด้วยการทิ้งบางสิ่งบางอย่างไว้ข้างหลัง ซึ่งเป็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์เมื่อพลอต และประเด็นหนังดังกล่าวนี้เอง ที่ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ได้ออกมาเป็นหนังโรแมนติก ชวนซึ้งอย่างที่ตัวอย่างหนังนำเสนอ แต่นี่คือหนังดราม่าชั้นดี ที่ตีประเด็นออกมาได้หนักแน่นไม่แพ้ 36 ,ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ หรือ Die Tomorrow โดยตลอดทั้งเรื่องหนังจะเล่าผ่านชีวิตของตัวละครจีน เป็นหลัก โดยสิ่งที่ตัวละครจะต้องประสบพบเจอตลอดเรื่อง คือการฝ่าฟันความทรงจำในอดีตมากมาย เพื่อสร้างออฟฟิศมินิมอล อย่างที่เธอหวัง ซึ่งอุปสรรคสำคัญคือเอ็ม ชายที่เผ็นแฟนเก่า และแม่ของเธอ ที่ยังอยากเก็บเปียโนของพ่อ ที่ทอดทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่จีนยังเด็กหากเทียบกับหนังกระแสเรื่องก่อนของนวพล อย่าง ฟรีแลนซ์ฯ ใน ฮาวทูทิ้ง กลับมีการเล่าเรื่องที่ลึกกว่า และค่อนข้างมีความดูยากกว่าพอสมควร เริ่มตั้งแต่หนังได้ลดขนาดภาพให้เหลือเป็น 3:2 เพื่อให้คนดู สามารถโฟกัสไปที่การแสดงของนักแสดงมากที่สุด พร้อมทั้งตัวบทหนังยังเต็มไปด้วยการเปรียบเปรยถึงประเด็นต่าง ๆ ออกมาได้อย่างมีชั้นเชิง ในขณะที่บทบาท เอ็มที่รับบทโดย ซันนี่ สุวรรณเมทานนท์ ก็แทบมีบทบาทไม่ต่างจาก ใหม่ ดาวิกา ใน ฟรีแลนซ์ฯ ที่ไม่ได้มีบทบาทเยอะ หรือโดดเด่นอย่างที่หลายคนหวัง แต่เป็นเพียงตัวละครที่เข้ามาช่วยให้ประเด็นของหนังออกมาหนักแน่นมากยิ่งขึ้น ดังนั้นใครที่หวังไปดูซันนี่ อาจผิดหวังหน่อย แต่บอกเลยว่าการแสดงเรื่องนี้ของเขา น้อยแต่มากจริง ๆแต่หากให้พูดถึงการแสดงที่แบกรับหนังเรื่องนี้ไว้ ต้องขอยกให้กับ ออกแบบ ชุติมณฑน์ในบทจีน และอุ๋ม อาภาศิริ ในบทแม่ ที่แทบทุกฉากที่สองคนนี้แสดงคู่กัน จะสามารถรับส่งบทบาทได้อย่างดุเดือด สมจริง เพราะสองตัวละครนี่ คือตัวแทนความขัดแย้งระหว่างคนรุ่นเก่า และรุ่นใหม่ ที่มีมุมมองชีวิตต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะการแสดงของออกแบบ ที่ได้ถ่ายทอดให้เห็นถึงพัฒนาการการแสดงบทร้องไห้ ออกมาได้สะเทือนอารมณ์ยิ่งกว่าตอน ฉลาดเกมส์โกงหลายเท่าอย่างไรก็ตามแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะถูกโปรโมทว่าเป็นหนังมอบความสุขส่งท้ายปีเก่าก็ตาม แต่เนื้อแท้ หนังกลับไม่ได้ฟีลกู้ดหากเทียบกับหนังเครือ GTH หรือ GDH ที่ผ่านมา หนังเรื่องนี้กลับมอบข้อคิดทีใกล้ตัวที่สุดให้กลับคนดูในแบบที่ขมขื่นที่สุดเท่าที่หนังเรื่องนี้จะมอบให้ได้ ซึ่งความขมขืนนั่นเองก็ทำให้ข้อคิด และประเด็นที่หนังต้องการจะเล่าส่งผลต่อจิตใจ ความรู้สึกได้อย่างประสิทธิภาพที่สุดไปโดยปริยายโดยรวม ฮาวทูทิ้ง ก็ยังคงเป็นหนังสไตล์ของ เต๋อ นวพล ที่อาจไม่ได้ออกมาเข้าถึงคนทุกกลุ่ม แต่ก็ยังเป็นอีกหนึ่งผลงานที่สามารถถ่ายทอดประเด็นออกมาได้อยากหนักแน่นชัดจน ที่ดูแล้วชวนให้เรารู้สึกอยากกลับไปดูรายการ Tidying up with Marie Kondo บน Netflix หรืออยากกลับไปจัดบ้าน เพื่อหาความทรงจำในอดีตของสิ่งต่าง ๆ เรานั้น ขึ้นมาทันที ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.imdb.com/ลิ้งต้นฉบับบทความ https://www.facebook.com/IWatchmoviesalot/photos/a.1124639924276323/3288762254530735/?type=3&theaterสามารถติดตามอ่านรีวิวหนัง และข่าวสารหนัง เพิ่มเติมได้ที่(เพจของผู้เขียน) https://www.facebook.com/IWatchmoviesalot