ขอบคุณภาพปกประกอบบทความจาก สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ปกติผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบดูหนังแนวผี ๆ ซักเท่าไหร่เพราะเบื่อการใช้เทคนิค JumpScare ในหนังหลาย ๆ เรื่อง และรู้สึกว่าบางทีมันก็ถูกนำมาใช้พร่ำเพรื่อเกินไป เอะอะก็หลอก ๆ ให้เราตกใจอยู่เรื่อยทั้ง ๆ ที่บางฉากก็ไม่จำเป็นเท่าที่ควร จนมาถึงเรื่องนี้ "The Closet ตู้นรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด" ก็ยังคิดว่าน่าจะเป็นผีที่ไม่ค่อยมีเหตุผลในการหลอกหลอนซักเท่าไหร่ เท่าที่ดูจาก Trailer และโปสเตอร์ของตัวหนังขอบคุณภาพประกอบบทความจาก สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลสิ่งที่สะดุดตาสิ่งแรกเลยคือตัวนักแสดงนี่เองครับ ผมจำได้ว่าตัวนักแสดงนำอย่าง "ฮาจองอู" เคยเล่นเรื่อง "ฝ่า 7 นรกไปกับพระเจ้า" เมื่อปี พ.ศ. 2560 ตอนดูเรื่องนี้ชอบมาก ๆ และรู้สึกว่าหนังเกาหลีเค้าทำดีแฮะ โปรดักชั่นต่าง ๆ ดีมาก พอเห็นมาเล่นเรื่องนี้ก็เลยรู้สึกสนใจขึ้นมาในระดับหนึ่ง ว่าถ้าพี่แกสลัดคราบยมทูตแล้วมาเล่นแนวผี ๆ แบบนี้แล้วมันจะเป็นยังไงหนังเล่าเรื่องราวของ "พ่อ" ที่พยายามจะสานสายสัมพันธ์ และเรียกความรักความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างลูกให้กลับมาเหมือนเดิม หลังจากที่ต้องสูญเสียภรรยาสุดที่รักไปในอุบัติเหตุทางรถยนต์ จนเวลาสร้างความห่างเหินให้เกิดขึ้นภายในใจ ของทั้งพ่อและลูกแบบไม่รู้ตัว แต่ถึงผู้เป็นพ่อจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ จนกระทั่งทั้งคู่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังใหม่ ที่พ่อหวังว่าจะเยียวยาจิตใจของลูกสาวได้ แต่ทุกอย่างยิ่งกลับแย่ลงกว่าเดิม จน "อีนา" ลูกสาวได้พบกับตู้ไม้ใบหนึ่งภายในบ้าน แล้วก็หายตัวไปอย่างลึกลับ จนผู้เป็นพ่อต้องออกตามหา แม้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตามขอบคุณภาพประกอบบทความจาก สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลหนังมาในโทนหม่น ๆ แต่เล่าเรื่องราวได้แบบไม่ยืดเยื้อ ทำให้ไม่รู้สึกเบื่อเลยเวลาดู แต่กลับอยากรู้เหตุการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป อารมณ์ลื่นไหล ตัวละครแต่ละตัวเล่นได้ดีสมบทบาท โดยเฉพาะบทหมอผี ที่มารับบทโดย "คิม นัมกิล" ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแบบไม่รู้ที่มาที่ไป แต่พี่แกเล่นได้เนียนมาก แต่ก็นะผมรู้สึกว่าหมอผีคนนี้ มีปูมหลังอะไรบางอย่างที่มากกว่าจุดประสงค์ที่แกทำอยู่ ทำให้ตัวละครตัวนี้ดูมีเสน่ห์ลึกลับแบบบอกไม่ถูกหนังสะท้อนปัญหาทางครอบครัวที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันได้เป็นอย่างดี จนทำให้ผมแอบรู้สึกสงสารผีที่อยู่ในเรื่องเลย มันมีที่มาที่ไปในตัวของมันแบบสมเหตุสมผล ไม่ใช่ผีที่นึกจะหลอกก็โผล่มาแบบไม่มีเหตุผล อันนั้นมันไร้สาระเกิน กลายเป็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้ขาย JumpScare เลยครับมีแต่เนื้อหาล้วน ๆ ให้เราได้ดูกันขอบคุณภาพประกอบบทความจาก สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลตัวหนังนี่ดูไปดูมา ผมยังนึกว่านี่เรากำลังดู Conjuring อยู่หรือเปล่า รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ เหมือนเค้ากำลังจะสร้างจักรวาลของตัวเองขึ้นมาในหนัง โดยใช้สองคนนี้เป็นตัวหลัก แล้วนี่อาจเป็นแค่พาร์ทแรก ๆ ปูพื้นเพื่อเข้าสู่ภาคต่อไปในอนาคต ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นอย่างที่ผมคิดจริง ๆ ก็ได้ แล้วเราอาจจะได้เห็นจักรวาลหนังผีของเกาหลีบ้างก็ได้ใครจะไปรู้ปกติเวลาดูหนังผีแล้วมันไม่ใช่ ผมจะหลับตั้งแต่ต้นเรื่องเลยครับ ตามันจะหนักลงไปเอง แต่เรื่องนี้ทำเอาต้องดูจนจบ เพราะอยากรู้เหตุการณ์ต่อไปในเรื่อง หนังผูกปมไว้แบบกำลังพอดี ไม่มากจนเกินไป ทำให้คนดูอินได้ ถือว่าทำมาได้ดีในระดับหนึ่ง อันนี้ต้องยกความดีให้ผู้กำกับ ที่เล่าเรื่องราวในหนังได้แบบไม่เอื่อยเฉื่อย ไม่สะดุด และไม่ใช้เทคนิคให้เรารำคาญ ถือว่าเป็นหนังผีที่น่าดูอีกเรื่องของเกาหลี ที่ไปดูแล้วรับรองว่าจะต้องไม่เสียดายเงินแน่นอนครับขอบคุณภาพประกอบบทความจาก สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลติดตามข่าวสารหนังใหม่ ๆ ได้ที่ เว็บไซต์ sahamongkolfilm.com