กลับมาแล้วกับ Avatar 2 หลังจากการรอคอยของแฟนๆอวตารมาเป็นเวลายาวนานเกือบ 13 ปี หนังมีความยาว 3 ชั่วโมง 12 นาที สามารถรับชมได้แล้วทางโรงภาพยนตร์ ซึ่งขอบอกว่าเป็นหนังและแอนิเมชันภาพ 3D Graphic ที่เด็กๆดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี เหมาะสมสำหรับทุกวัยและคุ้มค่าเวลาสำหรับการรอคอยเป็นเวลา 13 ปีกับการกลับมาที่ต้องขอบอกว่าประทับใจมากๆ แถมหนังยังชนะรางวัลกว่า 200 เรื่องในหนังที่น่าดูที่สุดของปีนี้ด้วย เรื่องย่อ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02aGbDMPZPyxCg4ZMj4t64XfuwRGKGu7YUBUMrr5Fo2DA4R4J332xD1HUCNCraBAAtl&id=171345406093&eav=AfYMuhonHekgl2_rknRMHIN0WQooKzw7wV7NNvl2H5_Cx35fAGKiUlXfNkMAfH2Y_II&m_entstream_source=timeline&paipv=0 เล่าเรื่องราวต่อจากภาคที่แล้ว ครอบครัวซัลลีต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามครั้งใหม่ที่เข้ามาในโลกของอวตารและต้องปกป้องครอบครัวจากโลกนั้นให้พ้นจากความอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่เกิดสงครามขึ้นระหว่างชาวนาวีและเผ่ามนุษย์ ความรู้สึกที่ดู ก็ขอบอกไว้ว่าไม่มีหนังเรื่องไหนที่ดีเท่ากับหนังเรื่องนี้อีกแล้วในปีนี้ที่ดูมา เพราะว่าภาพอนิเมชั่น 3D Graphic ทำออกมาได้สมจริงมากๆ เหมือนกำลังดูหนังที่เกิดขึ้นในอนาคต และฉากหลังก็มีการเก็บรายละเอียดของงานภาพ งานอาร์ทได้ดี มีการเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้รวมไปถึงมีการนำ Art Digital เข้ามาทำให้ภาพดูสมจริงดูเนี้ยบ ทำให้คนดูสงสัยว่านี่เราลองดูอะไรอยู่ เป็น 3 ชั่วโมงที่คุ้มค่าและเต็มอิ่มมากๆเป็นผลงานการสร้างหนังที่เป็นตำนานที่ดีที่สุดและน่าจดจำที่สุดในปีนี้เลย แถมพล็อตเรื่องก็เป็นอะไรที่น่าประทับใจมากๆ แบบที่เราเดินออกมาจากโรงแล้วก็ยังต้องพูดถึงเรื่องนี้ ตอนจบก็ทำออกมาได้ดีมากๆด้วยรู้สึกว่าเป็นหนังในวัยเด็กที่เราชื่นชอบในดวงใจพี่ทำให้เราตกตะลึงและภาคภูมิใจรวมถึงประทับใจกับความสวยงามของเนื้อเรื่องและภาพกราฟิก ฉากหลัง รวมถึงการออกแบบคาแรคเตอร์ การลงสีและทุกอย่างในเรื่อง ราวกับได้เข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริงด้วยตัวเองเคยมีคำกล่าวเมื่อสิบปีที่แล้วว่าคนเราอ่ะจะอยู่ในโลกเสมือนไปตลอดได้ยังไง เรามีเวลาตื่น 16 ชั่วโมง และเวลาเรานอนแค่ 8 ชั่วโมง ซึ่งในยุคนั้นยังเป็นอินเทอร์เน็ตแค่ 2G 3G เอง แต่มาในยุคนี้มันมีแอปต่างๆที่ภาพกราฟิกออกแบบมาสมจริงมากๆ และเวลาหลังเลิกงานเราก็แชทคุยกับคนใน Discord หรือ Telegram ทุกวัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารหรือสิ่งทีตัวเองสนใจ ที่เรามีไว้ใช้คุยกับแปลกหน้าที่เราก็ไม่รู้จักหน้าตาว่าเขาเป็นใครมีชีวิตยังไงในอินเทอร์เน็ต ที่ๆซึ่งเราจะสร้างตัวตนหรือเล่าเรื่องอะไรก็ได้ ซึ่งเรื่องบางเรื่องเราก็แชร์กับคนในครอบครัวหรือไม่สบายใจที่จะให้เพื่อนในชีวิตจริงรู้ได้ด้วย ก็มองว่าตอนนี้คนเริ่มแยกไม่ออกแล้วนะว่าชีวิตจริงกับชีวิตในโลกเสมือนแตกต่างกันยังไงและบางครั้งเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เราคิดอยู่หรือรู้สึกอยู่มันคือความคิดหรือความรู้สึกจริงๆของเราหรือเปล่าด้วย หรืออาจจะมีหุ่นยนตร์ A.I. Bot อัลกอริทึมชักจูงให้เราคิดแบบนั้นอยู่ เราก็ไม่รู้เลย มันคือโลกของอนาคตอย่างแท้จริงอะ ตัวละครที่ผู้เขียนชอบที่สุดในเรื่องคงเป็นตัวละครของ zuko ค่ะ มองว่าเป็นตัวละครสุดแย่งซีนในเรื่องเลยและการที่คนในโลกเสมือนในโลกอวตารนั้นมีความเป็นเชื้อชาติหลายๆเชื้อชาติและเป็นคนอเมริกา คนจีน หรือคนเอเชียตะวันตก คนเอเชียตะวันออก คนเอเชียใต้ หรือคนจากโลกใหม่ที่เราไม่รู้จัก ก็ถือว่าเป็นการเริ่มเรื่องได้ดีหรือการวางเรื่องได้ดีพอสมควรที่เราจะเป็นใครหรือเราจะเป็นอะไรก็ได้ในโลกเสมือนจริง และบางครั้งเราก็เริ่มแยกไม่ออกแล้วว่าโลกไหนกันแน่ที่เป็นเรื่องจริง เพราะเราอินกับมัน ก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดที่ดูมาในปี 2022 เลยที่เราจะดูคนเดียว ดูกับพ่อแม่ หรือดูกับเพื่อน ดูกับลูกๆก็ได้ ขอแนะนำเลยเรื่องนี้ ปกติผู้เขียนจะรู้สึกเบื่อนะกับหนังที่มีความยาวตั้ง 3 ชั่วโมงแต่กับหนังเรื่องนี้เรากลับไม่รู้สึกเบื่อเลย แล้วเราอาจจะต้องการเวลาเพิ่มอีก 2 หรือ 4 ชั่วโมงในการเก็บรายละเอียดของเรื่องทั้งหมดด้วยซ้ำคะแนนรีวิว 100/10 บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิว Wednesday (2022) พบกับความสยองขวัญสุดเพี้ยนของน้อง Wednesday จากบ้าน Addams จากบ้าน Addamsรีวิว The Crown Season 5 กลับมาอีกครั้งกับครอบครัวราชวงศ์จากประเทศอังกฤษรีวิว ANNA (2022) เมื่อเธอต้องโกหกว่าเป็นคนอื่นจนได้ใช้ชีวิตหรูหราอู้ฟู่รีวิว Do Revenge (2022) เจ็บลึกกับบาดแผลเหมือนรอยสักของคนที่โดนเพื่อนแกล้งเลยวางแผนซ้อนแผนรีวิว Sky Castle (2018) เสียดสีเรื่องตลกร้ายของวงการการศึกษาประเทศเกาหลีใต้ ขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปก / Canva รูปประกอบภาพหน้าปกที่ 1 โดย Major Groupรูปภาพประกอบที่ 1 / 2 / 3 / 4 โดย Major Group จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !