เบบี้ดอล (Emily Browning) คือเด็กผู้หญิงที่ถูกพ่อเลี้ยงทำร้าย หนักหนาสาหัสจนต้องเข้ารับการรักษาและบำบัดจิตใจในสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งแทบไม่ต่างจากซ่อง ส่วนหมอผู้หญิงก็แทบจะเปรียบเหมือนแม่เล้า ที่นี่จะสอนให้เต้นรำที่มีท่วงท่าเซ็กซี่ และต้องคอยเอาใจแขกที่มาใช้บริการ ตัวเบบี้ดอลรู้สึกว่าการถูกจองจำนี้มันนานเกินไปแล้ว เธอจึงรวมมือกับเพื่อนอีก 4 คนในสถานที่แห่งนี้ เพื่อวางแผยหลบนี้ พวกเธอมีความจำเป็นต้องค้นหาไอเทมที่สำคัญ 5 ชนิด เพื่อใช้ในการหลบหนีหนังมีการนำเสนอค่อนข้างน่าประหลาดใจ รูปแบบการนำเสนอดูไม่เหมือนหนังทั่วไป อย่างเช่นในเรื่องครั้งแรกที่นางเอกมาอยู่ที่นี่สถานบำบัด มันเป็นเพียงสถานบำบัดปกติทั่วไป แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นซ่องที่มีนางโชว์คอยให้บริการได้อย่างไร หรือยังไม่รวมถึงมังกรไฟสงคราม นินจาที่รวมตัวกันมาจะสร้างฉากแอ็กชั่นที่อัดแน่นไปด้วยวิชวนเอฟเฟคแบบเต็มที่ แต่หนังดันมาหักมุมว่าสิ่งนี้เป็นเพียงจินตนาการของเบบี้ดอลซะงั้นจินตนาการนี้ สร้างความตื่นเต้นให้คนดูในช่วงแรกเท่านั้น จากนั้นคนดูก็จะเริ่มจับทางได้ เป็นเพียงจินตนาการและไม่ใช่เรื่องจริง ส่งผลให้การต่อสู้ด้วยจินตนาการที่ถูกค่อย ๆ ปล่อยออกมาไม่สามารถดึงคนดูได้อยู่หมัดเหมือนช่วงแรก ไม่สามารถสร้างความตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจได้อีกต่อไป การดูหนังเรื่องนี้ไม่ต่างอะไรจากการดูคนเล่นเกม ทำให้เราไม่รู้สึกสนุกและลุ้นระทึกไปกับคนที่เล่น สิ่งที่ได้รับมีเพียงแค่ไปชวนเอฟเฟคที่สวยงามเท่านั้นและหนังก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก ๆ และหนังเน้นไปที่ดนตรีที่ประกอบที่มีความตื่นเต้นและลุ้นระทึก นี่ก็เป็นส่วนดีของหนังที่พอจะมีหนังเน้นไปที่ effect จนทำให้ลืมให้ความสำคัญไปกับเนื้อหาและบทของภาพยนตร์ หนังเปิดเรื่องด้วยคำพูดและบทภาพยนต์ที่แฝงไปด้วยความน่าสนใจ แต่น่าแปลกที่ไม่ยอมขยายความและบอกคนดูให้ชัดเจน แต่เลือกที่จะไปสรุปในตอนท้ายทั้งหมดผ่านคำพูดของตัวละคร เพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้จากการดูภาพยนตร์เรื่องนี้คือ "งง"เชื่อว่ามีหนังหลายเรื่องที่มีจุดพีค คือเรื่องทุกอย่างกลายเป็นจินตนาการของตัวละครตัวเอง แต่ถ้าจะเดินเรื่องหรือพล็อตแบบนี้ก็ควรจะมาเฉลยตอนท้ายถูกไหมครับ ไม่ใช่ทำให้คนดูเสียอรรถรสตั้งแต่แรกขนาดนี้ แล้วส่งผลให้ไม่อยากติดตามต่อ แต่หนังเรื่องนี้จะตอบโจทย์คนที่ชอบดูวิชวลเอฟเฟคต์ เพราะแทบจะตลอดทั้งเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้หนังอัดแน่นด้วย effect และฉากแอ็กชั่น หากใครไม่ซีเรียสเกี่ยวกับตอนจบหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้น่าเกลียดเท่าไหร่คะแนนเนื้อเรื่อง 6/10 Effect ที่ตระการตาคือเหตุผลเดียวที่ผมยังดูภาพยนตร์นี้จนจบเรื่องนะครับ เสียดายมาก ๆ ที่หนังเฉลยจุดไคล์แม็กซ์ตั้งแต่ช่วงไม่ถึงกลางเรื่อง ปกติไม่ใช่คนที่เรื่องมากในการดูหนังแต่แล้วในรู้สึกว่าไม่ชอบจริง ๆ แต่ก็จะมีคนอีกหลายคนที่ชอบซึ่งอันนี้ก็คงแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้1. บางครั้งอุปสรรคก็เข้ามาในชีวิตแบบที่ยังไม่ทันตั้งตัว และหนังเรื่องนี้ที่อุปสรรคแทบจะทุกอย่างเข้ามาพร้อมกันจนกลายเป็นความหนักหนาสาหัสและยากที่จะรับมือ และเป็นเหตุผลที่คนเราต้องสร้างโลกสมมติ หรือสิ่งที่เรียว่าจินตนาการขึ้นมาเพื่อหลบหลีกจากความเป็นจริงและปัญหาที่โหดร้าย2. บางครั้งจินตนาการก็เป็นแรงขับเคลื่อนที่ดี เหมือนอย่างนางเอกในเรื่องเธอมีจินตนาการเป็นของตัวเอง เลยทำให้เธอมีแรงสู้ที่จะพยายามหนี อย่างน้อยก็ยังมีความสุขที่ได้ดิ้นรนในช่วงเวลาสั้น ๆหนังอาจจะดูงงในการนำเสนอขมวดปมไม่เก่งแถมยังเฉลย จุดไคลแม็คตั้งแต่ช่วงกลางเรื่อง แต่ถ้าใครชอบหนังที่ภาพสวยเอฟเฟคเยอะเยอะเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับคนที่ดูหนังได้หมด ไม่สนใจบทภาพยนต์ว่าจะดีหรือไม่ดีขอบคุณเครดิตภาพทั้งหมด Sucker Punch Facebook Officialภาพปก Facebook Official / ภาพที่1 WarnerBros/ ภาพที่2 Facebook Official / ภาพที่3 Facebook Official