ถ้าหากให้พูดถึงซีรีส์ฮีโร่ที่ไม่ได้อยู่ตรงกลางระหว่างความเป็นยอดวีรบุรุษดีสุด ๆ แบบฮีโร่จ๋า ๆ สดใสฟ้าสว่างหรือชั่วสุดมีปมอดีตดาร์คก่อนจะผันตัวเป็นวายร้ายมืดมนเหมือนค่ายเพื่อนบ้านอย่าง Marvel และ DC ในภาพจำผ่านเลนส์ของโลกภาพยนตร์ ยังมีอีกหนึ่งแฟรนไชส์ที่ใช้ความเป็นฮีโร่มาขายในโทนที่แตกต่างได้อย่างลงตัวและเป็นเอกลักษณ์ที่ทั้งซาดิส บ้า โรคจิต มืดมนแต่ไม่ใช่ดำมืดแต่มันคือความเทาที่บาลานซ์กันทุกตัวละครไม่มีใครสว่างหรือถ้าให้พูดในอีกแง่ฉบับในซีรีส์ ไม่มีใครปกติสักคนในเรื่องนี้ คงไม่มีใครจะไม่นึกถึงซีรีส์ฮีโร่ The Boys จากทาง Prime Video ที่สร้างสรรค์มาแล้ว 4 ซีซั่นท่ามกลางกระแสความชื่นชอบของแฟนคลับที่ต่างชมว่ามันคือทิศทางที่แตกต่างเหมือนได้ดูความเป็นฮีโร่ที่ไม่ฮีโร่ที่แหวกแนว จนกระทั่งได้ฤกษ์เข็นซีรีส์แยกในจักรวาลเดียวกันออกมาอย่าง Gen V ซีรีส์คนพลังซุปคล้ายสไตล์ฮีโร่ในโลกที่ไม่ได้สว่างจ๋าในมูดโทนมินิมอลแบบวัยรุ่นเจน Z มาขยายเรื่องราวของจักรวาลจนเดินมาทางถึงซีซั่น 2 ที่น่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะพาไปสู่บทสรุปอันยิ่งใหญ่ของ The Boys ในซีซั่น 5 ที่ใกล้จะมาถึงในอีกไม่นานและนี่คือความรู้สึกของเราหลังชมสามตอนแรกหลังรอคอยมาประมาณ 2 ปีนิด ๆ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! Gen V ซีซั่น 2 กลับมาตอกย้ำความเกรียนและบันเทิงในแบบเสน่ห์ดั้งเดิมจักรวาล The Boys ได้ดีอยู่หมัด ตัวซีรีส์ไม่ได้อารัมบทนานด้วยความขึ้นต้นเป็นซีซั่นสองมาถึงก็พุ่งราวใส่เนื้อหาจริง ๆ จัง ๆ ของซีซั่นนี้ ที่มีกลิ่นความฮีโร่ไฮสคูลค่อนข้างจะสูง ที่นำเสนอการสืบค้นค้นหาความจริงของความลับอันดำมือของตัวมหาลัยท่ามกลางการแนะนำตัวละครใหม่ ๆ ในซีซั่นนี้และเหตุการณ์แปลกประหลาดที่สร้างความบันเทิงในแบบของ The Boys แบบเลือดสาด สกปรก ทะลึ่ง หยาบคายได้ดีมาก ๆ แต่ทว่าเรากลับมองว่าความทะลึ่งสุดขีดของซีรีส์ในเรื่องนี้มันพอดิบพอดีกำลังพอเหมาะกับโทนภาคนี้ที่ไม่ทะลุเกินไป ยังอยู่ในระดับที่ดีอาจจะด้วยความเป็นเจน Z วัยรุ่น ๆ พอดีไม่ได้ดาร์คมากจนเกินไป ทรงคุณค่าด้วยการบอกนักแสดงหลักจากซีซั่นแรกได้อย่างเมคเซ้นส์และทรงพลัง แม้จะมีอาการไม่ค่อยประติดประต่อในแง่พาร์ทอารมณ์จากตอนจบซีซั่นที่แล้ว ที่สร้างบาร์ไว้สูงปรี๊ดชนิดที่ว่าเปิดซีซั่นมาต้องสนุกแบบ้าระห่ำแน่นอน แต่ด้วยสถานการณ์น่าเศร้าที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับนักแสดงหลักของซีรีส์ชุดนี้อย่าง Chance Perdomo ในบทอังเดร ที่ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันในโลกนอกจอ ตัวละครของเขามีสำคัญของเรื่องราวที่น่าจะมีความสำคัญไม่น้อยแน่ ๆ ในซีซั่นนี้ทำให้ค่อนข้างเปิดซีซั่นด้วยความไทม์สคริปเล็กน้อยและไม่ประติดประต่อเท่าไหร่อย่างจำเป็นอย่างเลี่ยงไม่ได้หลังมีการปรับบทใหม่อยู่พักหนึ่ง ซึ่งทุกอย่างกลับถูกบอกเล่าผ่านคำพูดตัวละครแทน ซึ่งทำออกมาได้ค่อนข้างแบน ๆ ในช่วงแรก ๆ และยังไม่อิมแพ็คมากพอจนกระทั่งใช้เวลาไปทั้งหมดสามตอนกับการใช้พล็อตเรื่องราวที่เปลี่ยนให้เขาเสียชีวิตไปเลยในเรื่องราวก็ดันผูกพล็อตให้ความสัมพันธ์ตัวละครและเรื่องราวหลักของซีรีส์ดันเดินหน้าไปต่อได้แบบน่าสนใจมากๆ ทั้งแรงจูงใจอยากจะแฉตัวมหาลัย ส่งผลให้นี้เป็นการบอกลานักแสดงที่ดีมาก ๆ แบบคาดไม่ถึง ทางเราขอคารวะทีมงานที่ปรับเปลี่ยนบทออกมาได้เป็นฉบับนี้แม้จะยังไม่เพอร์เฟ็คแต่ล้วนแล้วเป็นเส้นทางซีซั่นนี้ในแบบใหม่ที่ทรงพลังมาก ๆ และกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับซีซั่น 2 ในสามตอนแรกไปได้เลย สะท้อนโลกการเมืองและอิสรภาพในการแสดงความเห็นได้ดิบดีและแสบสรรค์ได้คม จุดเด่นที่ขาดไปไม่ได้ของโลกในซีรีส์ The Boys คือการมีภาพสะท้อนขายภาพฮีโร่อันสวยหรูให้ประชาชนที่แฝงความชั่วร้ายเละเทะไว้เบื้องลึกเบื้องหลัง และการจิกกัดระบบทุนนิยมแบบแสบสันหลัง ที่ทุกเทรนที่ซีรีส์นำเสนอก็ยังคงทันสนุกและทันบริบทในโลกจริงได้อย่างสนุก ซึ่งเสน่ห์ตรงนี้ที่ The Boys กล้าแซะกล้าพูดตรง ๆ ผ่านตัวเรื่องราวยังคงทำได้ดีเช่นเดิม แต่คราวนี้มาครบทุกแนวทั้งแนวคิดเผด็จการ ประชาธิปไตย ศาลเตี้ย การแสดงความเห็น จิตเสรีภาพ โลกมายาอาจจะยังไม่ได้คมระดับเรื่องราวหลักแต่การประโคมประเด็นต่าง ๆ ภายใต้ตัวละครที่มีพลังหลากหลายและเชื่อมโยงกับการใช้ที่ลึก ๆ สะท้อนตัวตนของพวกเขาเหล่านี้ที่เป็นวัยรุ่นเจน Z เรากลับมองว่าถือว่าเสิร์ฟเปิดซีซั่นได้ดีไม่อ่อมเลยและไม่ล้นมือมากไปแบบตอน The Boys 4 สนุก สมการรอคอยแต่ยังขาดความว้าวโมเมนต์แบบตอนเปิดตัวซีซั่นแรกไปอยู่ แม้ภาพรวมสามตอนแรกจะไม่อ่อมและออกไปทางเพลิน ๆ ดูสนุกใช้ได้ ปูเรื่องราวของซีซั่นนี้ได้ชัดเจนตรงไปตรงมา คาแร็กเตอร์ตัวละครชัด มีปมแต่ละตอนที่น่าสนและใช้จังหวะเล่าเรื่องได้ดีไม่หนักไปหรือเบาไปที่แตกต่างจาก The Boys แต่ยังกลับขาดสีสันความละมุนละไมแบบกลิ่นอายไฮสคูลจ๋า ๆ ที่ชวนนึกถึงแบบตอนซีซั่นแรกไปเสียสักนิด อาจจะด้วยจังหวะที่เดินเรื่องสับจนไม่มีความผ่อนจนดูเหมือนซีรีส์มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนและรัดกุมในแอร์ไทม์แต่ละตอนที่เร่งไปนิดหน่อย ทำให้เราไม่ได้เห็นโมเมนต์เล็ก ๆ น้อย ๆ ของเหล่าตัวละครแวดล้อมมากขนาดนั้นแบบซีซั่นแรกไปเสียนิด แต่ถือว่าเป็นสามตอนที่เปิดมาพร้อมใจที่สามารถหวังได้ว่าซีซั่นสองของ Gen V จะไม่อ่อมแน่นอน ซึ่งหวังว่าห้าตอนหลังที่จะปล่อยมาจากนี้ ตัวซีรีส์ก็จะยังสามารถบาลานซ์ความสนุกไปได้ยันจบ ขอบคุณแหล่งที่มาของภาพ ภาพหน้าปก 1 จาก Facebook : Prime Video TH ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 จาก Facebook : Prime Video TH จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !