Series Full Review18 Again : ย้อนรัก ย้อนวัยฝันโอกาสที่สอง หลากหลายแง่มุมให้มอง อยู่กับคนที่มองเข้าไปจะได้สัมผัส เหนือธรรมดาในการต่อยอดจากของตะวันตกมาเป็นตะวันออก และไม่ได้ทิ้งแก่นที่พึงมีNETFLIX , viu : 1 Season 16 Episodes (2020)บางครั้งซีรีส์เกาหลีก็คล้ายกับตะวันตกบ้าง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะการใช้ไอเดียที่ดีอยู่แล้วมาเป็นแรงบันดาลใจหรือต่อยอดออกมามันเป็นเรื่องปกติ หรือถ้าจะเอาให้ชัดกว่าคือบางทีก็มีงานรีเมคจากของตะวันตกแบบยกมาทั้งโครงก็ยังไม่แปลก และส่วนตัวแล้วผู้เขียนมองว่าเกาหลีดูเจนจัดด้านนี้จริงเพราะไม่ค่อยเห็นงานที่เอามารีเมคออกมาน่าสาปส่ง อาจเป็นเพราะบริบททางสังคมเกาหลีที่เป็นวัตถุดิบชั้นดีในการเขียนบท ความกล้าที่จะเล่นแรงแบบไม่ต้องเกรงใจอะไรเลยทำให้หลายต่อหลายครั้งได้เห็นบทที่เล่นแรงเล่นใหญ่ และมันทำให้เรื่องออกมาสนุก สมจริง น่าติดตามซึ่งต้องบอกว่าอาจเพราะความเปิดกว้างในการตั้งคำถามบนความคับแคบบางอย่างทางสังคมบ้านเขา ทำให้หลายครั้งที่งานทางเกาหลีเอามาต่อยอดหรือรีเมคใหม่กลายเป็นความสมูธกว่างานต้นฉบับ มีอะไรให้จับต้องสัมผัสได้มากกว่าต้นฉบับเช่นเดียวกับงานซีรีส์เรื่องที่ผู้เขียนหยิบบกมาในวันนี้ ที่ทางเกาหลีให้เครดิตว่าสร้างจากหนังฮอลลีวูดสุดฮิตในปี 2009 เรื่อง 17 Again ที่นำแสดงโดย Zac Efron , Matthew Perry และ Leslie Mann ด้วยการยกมาเติมมิติเชิงลึกเข้าไป ซึ่งคงต้องชื่นชมให้บทที่ถูกต่อยอดและขยายความจากหนังความยาวประมาณร้อยนาทีให้มีความลงตัว มอบความหลากหลายทางด้านอารมณ์ หลากหลายมุมมองในการมองเข้าไปในแก่นของเรื่องที่ยังคงไว้อย่างครบถ้วน 18 Again เรื่องย่อฮงแดยอง (อีโดฮยอน) คือเด็กหนุ่มนักเรียนมัธยมปลายสุดฮอตแห่งมัธยมปลายเซริม เขากำลังจะแข่งบาสเกตบอลนัดสำคัญเพื่อกรุยทางเข้าสู่มหาวิทยาลัย แต่การมาของจองดาจอง (ฮันโซอึน) เพื่อบอกอะไรกับแดยองบางอย่างทำให้แดยองทิ้งการแข่งขันวิ่งออกไป แล้วเรื่องก็ตัดมาที่อีกสิบแปดปีให้หลังเมื่อฮงแดยอง (ยุนซังฮยอน) และจองดาจอง (คิมฮานึล) กลายเป็นพ่อและแม่ที่มีลูกแฝดชายหญิงสองคนคือฮงชีอา (โนจองอี) ลูกสาว และฮงชีอู (รยออุน) ลูกชายวัยสิบแปดปีที่อยู่ชั้นมัธยมปลายโรงเรียนเซริมเช่นเดียวกับพ่อและแม่ชีวิตคู่ของแดยองและดาจองกำลังอยู่บนปากเหวเมื่อดาจองต้องการจะหย่าและกำลังอยู่ในขั้นตอนการไกล่เกลี่ยในศาล แดยองในปัจจุบันที่กลายเป็นมนุษย์ลุงผู้ไม่ประสบความสำเร็จใดๆ ส่วนดาจองก็กำลังจะตกงาน ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาเมื่อแดยองที่ทุ่มเททำงานมานานถูกรุ่นน้องปาดหน้าเลื่อนตำแหน่งไปเพราะเขาจบแค่มัธยมปลาย เมื่อชีวิตกำลังถึงจุดต่ำสุดแดยองที่ไม่รู้จะหาทางออกยังไงเลยไปชู๊ตบาสพร้อมกับอธิษฐานอะไรบางอย่าง แล้วปาฏิหาริย์ก็บังเกิดเมื่อเขากลายมาเป็นเด็กหนุ่มน้อยวัยสิบแปดอีกครั้ง และเมื่อได้รับโอกาสที่สองสิ่งที่แดยองใฝ่หาคือการตามล่าความฝันที่เคยหลุดมือแดยองจึงกลับไปโรงเรียนเซริมอีกครั้งเพื่อเริ่มต้นใหม่และที่นั่นเขาได้เจอกับชีอาและชีอูที่ต่างฝ่ายต่างมีปัญหาบางอย่าง จนกระทั่งแดยองได้พบว่าที่ผ่านมาเขาอาจไม่ใช่พ่อที่ดีนักสำหรับลูกๆและมันส่งผลให้ลูกๆต้องมามีปัญหาในโรงเรียน แล้วการได้คุยกับลูกในฐานะเพื่อนนักเรียนได้ทำให้เขารู้อะไรที่ไม่เคยรู้ในฐานะพ่อ ในขณะที่ดาจองก็ได้ผ่านการคัดเลือกเข้าไปเป็นผู้ประกาศข่าวฝึกหัดตามความฝันของตนเอง แต่ความที่เธออายุมากและมีลูกกลายเป็นปัญหาที่กั้นขวางความก้าวหน้าในการทำงาน แล้วดาจองก็ต้องทนทุกอย่างเรื่อยมาแต่เมื่อมีปัญหาเธอกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไป กระนั้นการกลับมาโสดอีกครั้งของคุณแม่ยังสาวทำให้มีผู้ชายมาพัวพัน จนกระทั่งแดยองที่กลายมาเป็นเพื่อนของลูกได้รับรู้ทั้งเรื่องปัญหาและเรื่องของผู้ชายที่เข้ามา แดยองกลับเริ่มรู้ว่าแท้จริงแล้วในหัวใจเขายังมีดาจองอยู่ข้างในเสมอมา ความฝันของเขาอาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปและแดยองก็ใช้ความพยายามทุกอย่างเพื่อแก้ไขในสิ่งที่บิดเบี้ยวนั้น แต่แดยองในวันนี้คือเด็กมัธยมปลายอายุสิบแปดเรื่องเลยพัลวันชวนจั๊กกะจี้หัวใจเมื่อมนุษย์ป้ารู้สึกบางอย่างกับเด็กรุ่นลูก ที่มอบให้ทั้งเสียงหัวเราะ ซาบซึ้ง ตื้นตันในทุกตอนก่อนจะถึงบทสรุปที่ทุกคนก็รู้ แต่ระหว่างทางนั้นมีอะไรสวยงามให้มองมากมายเรื่องของโอกาสที่สองที่ยังคงขายได้หลายครั้งที่การเอาของเก่ามาเล่าใหม่ถูกตีความและมองในมุมใหม่ แต่สิ่งที่พึงมีคือการคงไว้ของแก่นซึ่งหลายครั้งเช่นกันที่มักจะได้เห็นงานที่ออกมาดีแต่แก่นของเรื่องหายไปเหลือเพียงเปลือกแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้เป็น เพราะเรื่องนี้คือการรีเมคและต่อยอดจากเรื่องที่ที่จริงก็ไม่ได้สดใหม่อะไร คือเรื่องของคนที่ได้โอกาสที่สองที่จะแก้ไขบางอย่างผ่านการย้อนวัยลงไป แต่สิ่งที่ยังทำให้มันขายได้ทั้งที่เรื่องต้นฉบับออกฉายก็ผ่านมานาน แถมยังไม่พอยังเป็นหนังที่เดาว่าผู้ชมส่วนใหญ่ได้ผ่านตามา เพราะเป็นหนังที่ฮิตพอตัวในความเยี่ยมของมิติที่หลากหลายแต่การต่อยอดจากร้อยนาทีของหนังที่แก่นของเรื่องคือการได้รับโอกาสที่สองโดยการย้อนวัยกลับไปเป็นวัยรุ่น ที่เป็นหนึ่งในพล็อตคลาสสิคแต่กลับไม่ดูเหมือนเก่าหรือล้าสมัย กลับกันคือเหมือนกับมีความร่วมสมัยด้วยการใส่เรื่องราวตามยุคสมัยเป็น ทั้งเรื่องสังคมและการกระชากหน้ากากโซเชียลมีเดีย ประเด็นที่ใส่มาที่อาจจะเยอะแต่ก็ไม่กลวง แรกคือความพยายามเติมเต็มความฝันของตัวเองที่ขาดหายไปเพราะความผิดพลาดในอดีต แต่เมื่อได้รับรู้อีกมุมหนึ่งของบ้านที่ไม่เคยได้เห็นก็ได้เรียนรู้ว่า แท้จริงแล้วสิ่งที่คิดว่าผิดพลาดนั้นกลายเป็นรางวัลจากพระเจ้าและจากความฝันเมื่อครั้งยังเยาว์ก็ไม่ได้เป็นความฝันของตนอีกต่อไป แล้วการแก้ไขในสิ่งที่ผิดเพื่อปรับจูนความต่างให้ลงตัวก็เริ่มจนบรรลุ และนี่คือแก่นที่ยังคงอยู่ในงานด้านบทที่ต่อยอดออกมาอย่างสวยงาม เพราะจากของเดิมที่มีแค่นี้ก็ได้ขยายขอบเขต เพิ่มมิติ เพิ่มเรื่องราวดราม่า มุมมองในเรื่องของครอบครัว การทำงาน ความรักและความรับผิดชอบในมุมที่หลากหลาย ใส่การตั้งคำถามต่อสังคม ฉีกหน้ากากความจอมปลอม ปรับให้มาเป็นอัตลักษณ์ของเกาหลีที่มีบริบททางสังคมแตกต่างได้อย่างลงตัว แม้จะมีประเด็นมากมายให้ได้สัมผัส แต่ทุกประเด็นก็ยังคงเป็นกิ่งก้านสาขาให้กับต้นไม้ที่เป็นแกนหลักของเรื่องให้ดูร่มรื่นนั่นคือแม้จะถูกแต้มแต่งอย่างมากมายแต่แกนหลักหรือแก่นของเรื่องยังคงชัดเจนดังเดิมไม่มีถูกลบเลือนไป ด้วยบทสนทนาที่ไม่พยายามฝากความหมายหรือคำคม คือถึงมีแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าถูกยัดเยียด และมันได้ผลดีเมื่อทุกอย่างสัมพันธ์เกื้อหนุนกันให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกได้ตามที่บทตั้งธงไว้ คือตลกขบขันได้ ซาบซึ้งกินใจได้ และแน่นอนน้ำตาไหลได้ ไม่ว่าคุณจะมองเข้าไปในมิติของใคร ซึ่งผู้เขียนมองว่าน่าประทับใจอย่างที่สุดบางสิ่งที่มองไม่เห็นใช่ว่าไม่มีอยู่ อาจไม่เห็นด้วยตาแต่ต้องใช้ใจสัมผัสบทความนี้เขียนจากมุมมองของมนุษย์ลุง มองในมุมของคนเป็นพ่อลูกสองที่อาจจะมองในมุมของผู้ใหญ่ที่มองเข้าไปและมันอาจจะไม่ตรงใจท่านผู้อ่านบ้าง แต่ที่ผู้เขียนสัมผัสได้คือเมื่อบทฉลาดในการเลือกวางเรื่องของมุมที่ไม่เคยมองเห็นในสายตาของทั้งฮงแดยองและจองดาจอง นั่นหมายความว่าความฉลาดของบทคือการสื่อไปจนถึงจุดที่ชีวิตคู่ต้องมีความเข้าใจกันและการที่จะไปถึงความเข้าใจกันมันต้องเปิดอกหรือเปิดใจคุยกัน เพราะการใช้ชีวิตคู่คือการหลอมรวมจุดร่วมสงวนจุดต่างจึงจะไปสู่การเป็นคู่ชีวิตได้ และชีวิตจริงไม่มีการย้อนวัยไปเป็นคนอื่นเพื่อเข้าไปสัมผัสในสิ่งที่ไม่เคยได้เห็นอีกสิ่งที่มีอยู่แต่อาจมองไม่เห็นด้วยตาคือมิติทางครอบครัวกระทั้งความรู้สึกของลูกๆ ด้วยภาวะทางสังคมปากกัดตีนถีบและการไม่เคยได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างเต็มที่ของพ่อกับแม่ มันกลายมาเป็นกำแพงกั้นขวางระหว่างพ่อแม่กับลูกๆอย่างช่วยไม่ได้ เพราะบางมุมมองของวัยรุ่นไม่เคยผ่านมาในประสบการณ์ชีวิตของพ่อกับแม่ ความห่างเหินจึงตามมาเพราะไม่เข้าใจ บางสิ่งที่คิดว่าทำเพื่อลูกกลับคล้ายยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง เพราะถึงที่สุดแล้วคนที่ลูกเปิดใจคุยปัญหาด้วยคือพ่อที่อยู่ในฐานะเพื่อนที่ชื่อโกอูยองไม่ใช่ฐานะพ่อที่ชื่อฮงแดยอง และการยืนอยู่ข้างลูกคือสิ่งที่พึงกระทำเหมือนกับที่จองดาจองเจอความฝันของฮงชีอาและโดยเฉพาะสำหรับคนเป็นพ่อที่โดยมากมักจะมีกำแพงหนามากั้นความรู้สึกหรือบังสายตาที่ต้องมองให้ลึก อาจจะเพราะอะไรก็ตามแต่คนเป็นพ่อมักจะห่างจากลูก แต่สิ่งที่ฮงแดยองมีโอกาสคือการได้มองเข้าไปในการใช้ชีวิตของลูก ได้มองเห็นมุมที่ลูกซ่อนเร้น ได้เห็นความฝันที่ไม่กล้าเปิดเผยของลูก และแน่นอนว่าเขามองเข้าไปในฐานะเพื่อนวัยเดียวกันสิ่งที่ตามมาคือความเข้าใจ การยอมรับและการเปิดใจที่จะรับฟัง เมื่อสิ่งที่ไม่เคยได้รู้ก็ได้รับรู้การเรียนรู้ที่จะแก้ไขก็ตามมาเหมือนกับ “พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่แม้จะเห็นเพียงครึ่งเดียว แต่อีกครึ่งไม่ใช่ว่าไม่มี มันยังคงอยู่ตรงนั้น แค่เรามองไม่เห็นเท่านั้น”เหตุเพราะฮงแดยองและจองดาจองที่เป็นพ่อแม่วัยเยาว์ ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่เพราะการต้องก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ก่อนเวลาและมาพร้อมกับความยากลำบาก และการที่เรารักใครอย่างมากมายสักคนได้ก่อร่างความกลัวที่จะสร้างความกังวลให้คนที่เรารัก ซึ่งมันอาจกลายเป็นผลร้ายเมื่อกลายเป็นต่างฝ่ายต่างปิดบังและไม่อยากเอ่ยถึงเหตุแห่งความล้าทางกายใจ เมื่อไม่ได้พูดกันมันยิ่งสร้างช่องว่าง เพราะในความเป็นจริงการให้กำลังใจกันต่างหากที่สำคัญ อาจบางทีคำพูดง่ายๆที่ว่า “ไม่เป็นไร ได้นี้ก็เก่งแล้ว” อาจเป็นน้ำทิพย์ที่ชโลมใจอย่างดีที่สุดก็เป็นได้และนี่คือหนึ่งมิติที่ผู้เขียนประทับใจการกระชากหน้ากากสังคมอย่างแรง กับสังคมที่มักพิพากษาคนโดยไม่สนเหตุผลเบื้องหลังถ้าฮงแดยองถูกตัดสินจากเพื่อนๆและสังคมว่าเป็นไอ้ขี้แพ้ เป็นคนที่แปรสภาพจากหนุ่มฮอตมาเป็นมนุษย์ลุงที่ไม่ประสบความสำเร็จใดๆ แต่ไม่มีใครเลยที่จะคิดให้ลึกลงไปว่าทำไม เพราะฮงแดยองยอมทิ้งความฝันส่วนตัวมาสร้างฝันของคนสองคนและพัฒนามาเป็นความฝันของครอบครัวใช่หรือไม่... การจบแค่มัธยมปลายทำไมถึงผิดหนักหนาปานนั้น เช่นเดียวกับจองดาจองที่การมีลูกสองคนกลายเป็นรอยด่างในชีวิต การมีลูกตั้งแต่ยังอายุน้อยกลายเป็นความผิดบาป การหย่าคือความผิดมหันต์ เดาว่าบทคงมีเจตนาร้องดังๆให้ได้ยินว่า "สังคมนี้เป็นอะไรกันนักหนา" การที่คนคนหนึ่งต้องเจอกับเรื่องราวหนักหนามากมายอย่างเช่นจองดาจองแต่ยังยืนอยู่ได้ต้องเป็นเรื่องที่น่ายกย่องมิใช่หรือการที่ครอบครัวหนึ่งต้องยืนอยู่บนความยากลำบากมาจนขนาดนี้แต่ยังคงสถานะเป็นครอบครัวอยู่ได้มันต้องยกย่องมิใช่หรือ แต่มนุษย์ทั้งหลายในสังคมเป็นอะไร มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินชีวิตคนด้วยเรื่องแค่นี้ การมีลูก การหย่า มันเป็นความผิดขนาดที่ชีวิตคนจะไม่ควรได้รับโอกาสขนาดนั้นเลยหรือ มันเป็นเรื่องเสื่อมเสียถึงขนาดนั้นจริงหรือ ก็จริงที่ในปัจจุบันคนที่เปิดกว้างก็มีแต่คนที่คับแคบก็เยอะเช่นกันและไม่ใช่ทุกคนจะทนรับคำพิพากษาได้ ในขณะเดียวกันคนที่มองเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่แต่กลับหาเศษหาเลยกับพนักงานหญิงที่มองได้ว่าเป็นการกระชากหน้ากากสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ให้เห็นธาตุแท้ และเรื่องแบบนี้มันสะท้อนให้เห็นความจอมปลอม อคติ สังคมที่มองเปลือกมากกว่าแก่น ผ่านการเล่นงานคนคนหนึ่งทางโซเชียลที่เมื่อทัวร์ลงคนคนนั้นไม่มีโอกาสได้อธิบายหรือปกป้องตัวเอง แต่เมื่อความจริงปรากฏมีกี่ครั้งที่คนที่ด่าทอหยามเหยียดในโซเชียลจะรู้สึก สำนึก และขอโทษ เพราะการที่คนคนหนึ่งจะดีหรือไม่ดียังไงมันไม่ได้ตัดสินจากสิ่งที่ตาเห็นเช่นเดียวกับครอบครัวของฮงแดยองกับจองดาจอง เพราะในความเป็นจริงไม่มีใครอยากหย่าไม่มีใครอยากเป็นแม่ลูกติดพ่อลูกติดไม่มีใครอยากเป็นไอ้ขี้แพ้ ทุกคนย่อมมีฝันของใครของมันเพียงแต่ความฝันนั้นอาจจะยึดโยงกับคนอื่นซึ่งอาจจะเป็นครอบครัวหรือจะเป็นความฝันส่วนตัวก็อาจจะไม่ผิด แต่ผิดหรือที่ฮงแดยองยอมทิ้งฝันของตัวเองเพื่อสร้างฝันของครอบครัว ผิดหรือเมื่อชีวิตคู่มันถึงทางตันแล้วต้องหย่าร้าง แน่นอนว่าทุกอย่างมีเหตุและผลของมัน แต่น่าเศร้าที่สังคมผู้ดีจอมปลอมไม่ได้มองถึงตรงนั้น ซึ่งฮงแดยองและจองดาจองได้รับโอกาสที่สองผ่านปาฏิหาริย์ของฮงแดยอง แต่ในโลกแห่งความจริงคงไม่ต้องรอให้ใครสักคนย้อนวัยมาเข้าใจ การเริ่มเปิดใจและคุยกันก็เป็นโอกาสที่สองแล้ว และเชื่อว่าบทมีสารที่จะสื่อออกมาแบบนี้ บทต้องการกะเทาะเปลือกสังคมเกาหลีที่เป็นอยู่แบบนี้ อาจมีรอยด่างพร้อยบ้างในตัวบทและการตัดต่อ แต่การแสดงที่ไร้ที่ติก็ทำให้มิติทางอารมณ์จัดการผู้ชมจนมองข้ามไปทุกอย่างได้ถ้าความประทับใจของผู้เขียนอยู่ที่การต่อยอดจากแก่นของเรื่องเดิมมามีมิติได้ลึกซึ้ง สิ่งที่ยังทำให้ยังไปไม่ถึงจุดไร้ที่ติในส่วนของเรื่องในภาพรวมก็คือ เมื่อมีประเด็นดราม่าหนักมาแล้วแต่หาทางลงหาทางออกง่ายจนบางอย่างดูจงใจ และบางเรื่องก็เหมือนตั้งใจบังเอิญเช่นการที่ฮงแดยองดันไปมีส่วนร่วมในอุบัติเหตุทางรถยนต์ หรือจะเป็นบทสรุปของการทำงานของจองดาจองที่อดคิดไม่ได้ว่าจะมาทำอะไรเอาตอนนี้ และจุดเปลี่ยนตอนที่ฮงแดยองกลับมาเป็นมนุษย์ลุงอีกครั้งที่ไม่มีอะไรเลยแบบจู่ๆก็เปลี่ยน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรเพราะมันเป็นเรื่องเล็กที่ถูกมองข้ามไปได้ด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในหัวใจที่ถ้าไม่เรื่องมากขนาดหนักอย่างผู้เขียนจะมองผ่านไปได้โดยไม่สังเกตเห็น แต่สิ่งทีชัดเจนมากอย่างหนึ่งคือคอร์ตบาสเกตบอลที่ไม่เหมือนกันทั้งที่ประตูเข้าเหมือนกันเหมือนกับถ่ายกันคนละสนาม กับอีกสิ่งหนึ่งคือความขัดเขินเมื่อมนุษย์ป้าที่ต้องมีความรู้สึกบางอย่างกับเด็กรุ่นลูก และเมื่อเข้าฉากกันจริงๆดูเหมือนไปคนละทางคือมันยังไม่สมูทเต็มที่ ทั้งที่ถ้าว่ากันเป็นตัวบุคคลนักแสดงทุกคนแสดงดีโดยเฉพาะรุ่นใหญ่อย่างยุนซังฮยอนในบทฮงแดยองรุ่นพ่อกับคิมฮานึลในบทจองดาจองรุ่นแม่ ที่รับผิดชอบหน้าที่กันได้อย่างมีมิติที่สื่อสารกับผู้ชมได้ถึงความรักและจุดเปลี่ยนในชีวิตที่เคมีเข้ากันอย่างที่สุดยุนซังฮยอนนั้นมาในสภาพมนุษย์ลุงขี้แพ้ได้อย่างสวมวิญญาณแต่ในสายตายังคงความอ่อนโยน คิมฮานึลที่เหมือนกับผูกขาดบทประมาณนี้ไปแล้วก็ทำหน้าที่ได้เต็มความสามารถ ส่วนรุ่นเล็กก็คล้ายกับเคมีเข้ากับรุ่นเล็กด้วยกันอาจเป็นเพราะฉากแสดงอารมณ์ของรุ่นเล็กประชันรุ่นใหญ่มันน้อยด้วย ผู้ชมจึงได้เห็นการแสดงในระดับยอดเยี่ยมของอีโดฮยอนในบทฮงแดยองวัยรุ่นที่มีหัวใจผู้ใหญ่เป็นลุงในร่างเด็กได้สมบูรณ์แบบ และสร้างความขบขัน ตื้นตัน ซาบซึ้งได้เต็มที่ ทั้งเคมีที่เข้ากับฮันโซอึนในบทจองดาจองวัยรุ่นได้อย่างนุ่มนวล แต่ทว่าพอเข้าพระเข้านางกับรุ่นใหญ่อย่างคิมฮานึลแล้วนั้นเห็นชัดเจนเลยว่าป้าเขินน้อง กลายเป็นคิมฮานึลโดนรุ่นเด็กอย่างอีโดฮยอนขโมยซีนไป ซึ่งอาจเป็นเพราะบทของอีโดฮยอนมีอะไรให้เล่นมากกว่า มีมิติหลากหลายกว่าเลยทำให้เขาเด่นกว่าคนอื่น แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดอะไรเพราะเอาตามจริงนักแสดงแต่ละคนก็ล้วนแต่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี อาจมีบ้างบางคนที่มองเห็นแววของความตั้งใจเกินไปจนไม่เนียนแต่ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยบทและการแสดงโดยรวม งานด้านภาพที่ดูสวยและส่งทุกอารมณ์ เพลงประกอบที่เพราะและถูกจังหวะ ทำให้เพิ่มความอบอุ่นละมุนหัวใจได้ขึ้นอีกมากจนใครได้ชมก็คงประทับใจ ทั้งในแง่ของอารมณ์ที่ได้สัมผัสและมุมมองชีวิต แง่คิดดีๆที่เรื่องมอบให้ จนอาจมีบ้างที่ Move On ไปได้แบบยากลำบากนี่คือการเขียนบทความที่ยากลำบากอีกเรื่องหนึ่งเพราะสมองมันบอกว่ายังมีอะไรติดขัดมีบางอย่างที่ดูขัดเขิน แต่หัวใจกลับสัมผัสได้ถึงความไร้ที่ติของสารที่สื่อออกมาจึงต้องแยกออกเป็นสองประเด็น แรกคือว่ากันที่ตัวเรื่องเรื่องนี้ยังไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นงานที่ไม่มีที่ติหรือสมบูรณ์แบบ ด้วยความที่ยังมีบางอย่างที่เป็นริ้วรอยมีอะไรให้ได้สังเกตเห็นอย่างชัดเจน มีบ้างบางอย่างที่ถ้าจะดีก็ดีกว่านี้ได้อีก แต่ก็ยังไม่อาจปฏิเสธได้ว่านี่คืองานซีรีส์ในระดับดีมากอีกเรื่องหรือจะว่าเยี่ยมเลยก็ยังได้ เพียงแต่บนความเยี่ยมยังมีรอยตำหนินิดหน่อยซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะตลอดสิบหกตอนที่ล่วงผ่านมีอะไรให้ได้สนุก ได้หัวเราะ ได้ซาบซึ้ง ได้ขมขื่น ได้ตื้นตัน บทสรุปที่ลงตัวที่แม้จะดูง่ายไปแต่ดูจบด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นละมุนหัวใจ ซึ่งถ้าว่ากันที่เรื่องโดยรวมคงต้องบอกว่าเราแค่ชอบในส่วนของเรื่อง บทที่ตรงเกินไปกับการเล่าเรื่องหรือชั้นเชิงที่เห็นมาบ่อย แต่ที่ประทับใจคือสารที่ต้องการจะสื่อที่มีมากมายแต่คุมได้หมด แล้วแต่ผู้ชมจะมองเข้าไปในมิติไหนมองเข้าไปในฐานะใคร ในฐานะเพื่อน ในมุมความรักแรกที่กลายมาเป็นรักนิรันดร์ผ่านวันคืนอันยากลำบาก หรือมองในฐานะลูกสาวที่ไม่เข้าใจพ่อแม่ มองในฐานะลูกชายที่ไม่กล้าจะฝันเพราะแรงกดดันที่เป็นลูกพ่อ มองในฐานะแม่ที่ความไม่มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมากพอทำให้ไม่เข้าใจบางอย่างมองในมุมของพ่อผู้ห่างเหินเพราะคิดว่าทำเพื่อครอบครัว มองในฐานะสามีภรรยาที่การอยู่ด้วยกันมานานเกิดความเฉยชาอันนำมาสู่ความไม่เข้าใจกัน แม้ความเป็นจริงผู้เขียนเคยเขียนมาหลายครั้งกับคำตอบที่เราเคยตอบรุ่นน้องว่า การอยู่กับผู้หญิงคนเดียวในชีวิตมาจนวันนี้ได้นั้นไม่ใช่ว่าไม่มีเรื่องระหองระแหง แต่สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนและคุณแม่บ้านยังอยู่ด้วยกันมาได้นานขนาดนี้นั้น นั่นคือทุกครั้งที่ทะเลาะกันไม่ว่าหนักหนาขนาดไหนและไม่ว่าใครจะผิดหรือถูก ผู้เขียนจะมานั่งคิดถึงวันที่ตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้ครั้งแรก และคิดไปให้ถึงว่าเรารักผู้หญิงคนนี้มากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทุกครั้งที่คิดก็จะได้คำตอบเดิมเสมอ แล้วทุกอย่างก็จะคลี่คลายเมื่อผู้เขียนเองคือคนที่ยอมให้ผู้หญิงที่รักเสมอมาจนปัจจุบันผู้หญิงคนนั้นกลายเป็นมนุษย์ผู้ทรงพลังอำนาจที่สุดในบ้านแต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะถึงตอนนี้ที่ลูกคนโตกำลังจะเรียนปริญญาโท ลูกคนเล็กกำลังจะเข้ามัธยมต้นยังไม่เคยสักครั้งที่จะเจอเหตุการณ์แบบที่ฮงแดยองเจอ แต่ถึงแม้เจอก็คงเป็นเหมือนฮงแดยองที่ความฝันส่วนตัวไม่สำคัญเท่าความฝันของครอบครัวอีกแล้ว และนี่คือสิ่งที่ผู้เขียนดูแล้วย้อนกลับมามองตัวเองแล้วประทับใจที่สุด และนี่คืองานดีอีกเรื่องของทางเกาหลีที่คงต้องยอมรับว่าต่อยอดจากของเก่าออกมาอย่างดีมาก เป็นงานรีเมคที่หนือธรรมดาที่ควรค่าแก่การรับชม แต่เมื่อหัวใจมันเอาชนะสมองคงต้องประทับตราว่า อย่าเพิ่งตายถ้ายังไม่ได้ดูดูไปบ่นไปNETFLIX , viuขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 / ภาพที่ 11 / ภาพที่ 12 / ภาพที่ 13 จาก Facebook JTBC Dramaภาพที่ 14 / ภาพที่ 15 จาก Facebook Netflixภาพที่ 16 จาก Facebook Viu Thailandอัปเดตข่าว ดูหนังซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี!