เสียหาย 50 ล้าน! "เคนโด้ เกรียงไกรมาศ" เรียกร้องถูกอาจารย์ดังหลอกให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจ
วันนี้ (19 ม.ค.) ดีเจและผู้ประกาศข่าวชื่อดัง "เคนโด้ เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร" นำหลักฐานเข้าร้องเรียน เพื่อขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกอาจารย์นักวิชาการชื่อดัง โกงธุรกิจและทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเกิดอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจนคิดฆ่าตัวตาย
ภาพจากFB:Kendo Photjanasuntorn
นายเกรียงไกรมาศ กล่าวว่า ที่เดินทางมาร้องเพจสายไหมต้องรอด เพราะตนเองได้รับความเสียหายถูกหลอกทำธุรกิจ จาก อ.ชื่อดัง ที่มักใช้โซเชียล ทำร้ายผู้คน โดยตนเองขอแยกการมาร้องเรียนวันนี้ 3 ประเด็น คือ ประเด็นแรกถูกหลอกทำธุรกิจสีเขียว โดยให้ออกหน้าออกตา แต่สุดท้ายทำไม่สำเร็จ และมีการโกงค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าเครื่องบิน อาหาร ในการทำธุรกิจที่ตนเองออกค่าใช้จ่ายไปก่อน ประมาณ 5-6 หมื่นบาท และวางบิลไว้แล้ว
สุดท้ายบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายสักบาท หลังจากนั้นจึงยกเลิกสัญญา เพราะไม่สามารถทำต่อได้ โดยการยกเลิกสัญญา อ.คนดังกล่าว ส่งข้อความมาทางไลน์ และมีข้อความลักษณะปรักปรัมว่าตนเองไปยึดช่องทางโซเชียลของ อ.คนนี้ ซึ่งหากตนเองตอบรับ ก็จะเข้าข่ายผิดทางกฎหมาย อีกทั้งการผลิตกล่องผลิตภัณฑ์ ไม่ได้มาตรฐาน โดยเลขผลิตที่อยู่ใต้บาร์โค้ด ไม่ใช่ของไทย เป็นของต่างประเทศ และเมื่อถึงขั้นตอนการขายสินค้า ก็ไม่เป็นไปตามตกลง เพราะมีการขายตัดราคา
นายเกรียงไกรมาศ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ยกเลิกสัญญา เพราะไปต่อกันไม่ได้แล้ว เชื่อว่า อ.ท่านนี้ มีความแค้น และไม่สามารถทำอะไรตนเองได้เนื่องจากตนเองก็เป็นสื่อมวลชน แต่กลับไปทำร้าย เลขา ซึ่งเป็นคนใกล้ตัวของตนเอง ด้วยวิธียัดคดีอาญาให้ โดยเลขาได้รับหมายศาล ในข้อหาความผิด พรบ.คอม นำภาพอนาจารเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเมื่อตรวจสอบพบว่า ในเช้าวันเกิดของเลขา คือ 23 ต.ค. มีลิงก์คลิปลามกอนาจาร จากบุคคลปริศนา ส่งเข้ามาให้กลุ่มไลน์
ภาพจากFB:Kendo Photjanasuntorn
โดยต่อมา อ.คนดังกล่าว ได้ไปแจ้งความเอาผิดว่า คนที่ส่งคลิปอนาจารเข้ากลุ่มนั้น คือ เลขาของตนเอง จนทำให้ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม ออกหมายเรียก ให้มาให้ปากคำ กรณีที่ถูกแจ้งความ ทำให้เลขา เครียดมากจนถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย
อีกทั้ง อ.คนดังกล่าว ยังโพสต์เฟซบุ๊ก ลักษณะประมาณว่า "ให้สิ่งนี้เป็นของขวัญวันเกิด" ซึ่งสิ่งที่ทำให้ตนเองและเลขา ข้องใจ คือ ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายเรียก และทำไมอาจารย์ท่านนี้ทำตัวเหนือกฎหมาย มีพฤติกรรมโพสต์เฟซบุ๊กข่มขู่ เอาผู้อื่นไปแขวนในโซเชียลโดยไม่เกรงกลัว เป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ จึงขอให้อาจารย์คนดังกล่าวกลับใจ ใช้โซเชียลให้เป็นประโยชน์ นอกจากนี้สาเหตุที่ตนออกมาพูดถึงเรื่องนี้ไม่ใช่ เพราะเสียผลประโยชน์ แต่ต้องการแฉพฤติกรรมของ อาจารย์คนดังกล่าวเท่านั้น
ภาพจากFB:Kendo Photjanasuntorn
นอกจากนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาขณะที่ตนเองกำลังจะมาแถลงข่าวนั้นมีผู้เสียหายอีกกลุ่มได้ติดต่อเข้ามา ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูกหลอกไปทำธุรกิจ โดยเคนโด้ ได้โทรติดต่อหา ผู้เสียหายที่ร่วมลงทุนไปกว่า 50 ล้านบาท
โดยผู้เสียหายคนดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนเองบังเอิญเห็นโฆษณาในยูทูป ที่มีการระบุสรรพคุณต่างๆ และอ้างว่า เชี่ยวชาญด้านพืชมหัศจรรย์ รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับพิชชนิดนี้ ตั้งแต่ขึ้นตอนการปลูกจนถึงสกัด หลังจากที่ตนเองสนใจจึงติดต่อไปตามเบอร์โทรศัพท์ที่ทิ้งไว้ในโฆษณา และมีการนัดกันเข้าไปพูดคุยรายละเอียดที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งมีทีม เลขาของ อ.ท่านนี้ ร่วมคุยด้วย และมีการแจ้งกับตนเองว่า
ก่อนคุยรายละเอียดต้องจ้าง อ.คนนี้ เป็นที่ปรึกษาก่อน และต้องจ่ายเงินเดือน 5 หมื่น และต้องจ่ายทันทีวันนั้น จึงจะเริ่มให้คำปรึกษาได้ นอกจากนี้ อาจารย์คนดังกล่าวยังมีการกล่าวอ้างระบุว่า ตนเองมีผลวิจัยและเป็นผู้เชียวชาญ ที่ไปคุยกับ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มา ซึ่งผลวิจัยของตนเองทำให้ พืชมหัศจรรย์ ปลดล็อคจากการเป็นยาเสพติด
ภาพจากFB:Kendo Photjanasuntorn
สาเหตุที่ตนเองตกลง เพราะเห็นว่า อ.คนนี้ มีความน่าเชื่อถือ แต่เมื่อทำไม่ได้แบบที่วางแผนเอาไว้ ตนก็เรียกเขามาเพื่อสอบถาม แต่อาจารย์ท่านนี้ ชวนทะเลาะตลอด ก่อนจะใส่ร้ายว่า ตัวเองโดนขู่จะฆ่า จะทำร้ายร่างกาย ทำให้ทีมงานไม่สามารถทำงานได้ โดยตนได้ฟ้องร้องอาจารย์ท่านนี้ กระบวนการอยู่ในชั้นศาล โดยตนเสียหายอยู่ที่ 50 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายท่านอื่นอีกประมาณ 3-4 คน ที่เสียหายหลักสิบล้าน
ทั้งนี้นายเกรียงไกรมาศ กล่าวอีกว่า ที่ตนเองออกมาร้องทุกข์ในวันนี้ ตนเองไม่ได้เสียผลประโยชน์แต่ที่ออกมา เพราะ อ.คนดังกล่าว ทำอะไรตนเองไม่ได้ จึงมาทำคนสนิทของตนเองแทน และมักจะใช้โซเชียลทำร้ายคนอื่น ในลักษณะข่มขู่เหยื่อ และให้เฟซบุ๊กอวตาลไปข่มขู่เหยื่อ....
ภาพจากFB:Kendo Photjanasuntorn
ภาพจากFB:Kendo Photjanasuntorn