เมื่อได้ติดตามชมละคร “บุพเพสันนิวาส” ที่ออกอากาศในช่วงปี 2561 จนติดหนึบจากเรื่องราวที่สนุกชวนติดตาม และจากเหล่านักแสดงฝีมือคุณภาพที่มารวมตัวกันมากมาย คู่พระนางที่เคมีลงตัวกันสุด ๆ อย่าง โป๊ป ธนวรรธน์ - เบลล่า ราณี จนไม่อยากให้ละครจบลงในครั้งนั้น ก็ต้องรอคอยกันมาอีกหลายปีกว่าที่จะได้ชม "พรหมลิขิต" ในปี 2566 ซึ่งเป็นละครภาคต่อ ที่เล่าเรืองราวต่อเนื่องมาจากภาคแรก แต่ระหว่างที่รอก็มีผลงานให้ได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นนวนิยายทั้ง บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิต, ภาพยนตร์บุพเพสันนิวาส 2, ละครเวทีบุพเพสันนิวาส และยังมีเว็บตูนบุพเพสันนิวาส ที่ร่วมมือกันสร้างระหว่างประเทศไทยและเกาหลีให้แฟน ๆ ได้อ่านกันอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นจักรวาลบุพเพสันนิวาสที่ครองใจแฟน ๆ มาอย่างยาวนานเรื่องย่อ พรหมลิขิตละคร "พรหมลิขิต" ต่อเนื่องมาจากละคร "บุพเพสันนิวาส" ที่เล่าเรื่องราวปาฏิหาริย์รักในชีวิตของ "เกศสุรางค์" (เบลล่า ราณี) นักโบราณคดีสาวที่มีความรู้ด้านโบราณคดี และภาษาฝรั่งเศสเป็นอย่างดี แต่เธอต้องเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ และความมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นเมื่อวิญญาณได้ย้อนเวลากลับในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์แห่งกรุงศรีอยุธยา และได้ไปอยู่ในร่างของ "แม่หญฺิงการะเกด" (เบลล่า ราณี) ที่เสียชีวิตในช่วงเวลานั้น การะเกดเป็นหญิงสาวที่มีแต่ความร้ายกาจ ซึ่งเป็นคู่หมั้นของ "หมื่นสุนทรเทวา" หรือ "พ่อเดช" (โป๊ป ธนวรรธน์) ที่เกลียดชังในความร้ายกาจของการะเกด ด้วยความเป็นเกศสุรางค์ที่ศึกษาประวัติศาสตร์สมัยอยุธยามาอย่างดี ทำให้พ่อเดชกับการะเกดคนใหม่ เริ่มมีความเข้าใจกันมากขึ้น ในเวลาต่อมาทั้งคู่ได้แต่งงานกัน พ่อเดชได้เลื่อนตำแหน่งเป็นออกญาวิสูตรสาคร ส่วนการะเกดได้เป็นคุณหญิง มีลูกด้วยกัน 4 คนคือ "พ่อเรือง หมื่นณรงค์ราชฤทธา" (โป๊ป ธนวรรธน์), "พ่อริด หมื่นมหาฤทธิ์" (โป๊ป ธนวรรธน์), แม่หญิงแก้ว (ซีน ภัสธรากรณ์) และ แม่หญิงปรางค์ (พีพี ปุญญ์ปรีดี) ณ ขณะนั้นเองในช่วงเวลาปัจจุบัน "พุดตาน" (เบลล่า ราณี) หญิงสาวที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยได้ร่วมทีมกับรุ่นพี่รับงานจัดสวนที่ไซต์งานอยุธยา คนงานขุดพบหีบโบราณลึกลับ พุดตานเปิดหีบกล่องนั้น พบว่าด้านในมีสมุดข่อยโบราณถูกเก็บไว้ และเมื่อสัมผัสสมุดข่อย ก็เกิดแสงสว่างวาบและร่างของเธอก็ย้อนกลับไปในอดีต ในช่วงรัชสมัยขุนหลวงท้ายสระ ได้พบกับ "พ่อริด" ซึ่งเห็นแสงประหลาดผุดขึ้นมาจากดิน จึงขุดดูก็ได้เจอหีบโบราณ เมื่อเปิดดูก็เจอคัมภีร์กฤษณะกาลีสมบัติล้ำค่าของตระกูล ทันทีที่หมื่นมหาฤทธิ์เอามือแตะสมุดข่อย ร่างของ "พุดตาน" ก็ปรากฏกายขึ้นตรงหน้า ปาฏิหาริย์ความรักครั้งใหม่เป็น "พรหมลิขิต" จึงเกิดขึ้น ! "พรหมลิขิต" เป็นละครที่ครบรสความบันเทิง ทั้งพีเรียด ดราม่า โรแมนติก แฟนตาซี อิงประวัติศาสตร์ ซึ่งแฟน ๆ ที่ติดตามละครเรื่องนี้คงจะมีหลาย ๆ เหตุผลที่รู้สึกว่าไม่น่าพลาดชมละครเรื่องนี้ สำหรับเราแล้วก็มีอยู่หล่าย ๆ เหตุผลเช่นกัน ตรงใจกับทุกคนหรือเปล่ามาดูกันค่ะ 1. "โป๊ป ธนวรรธน์" และ "เบลล่า" กับการแสดงหลายบทบาทเบลล่า ราณี แคมเปน รับบท คุณหญิงการะเกด/เกศสุรางค์/พุดตานเริ่มจาก "บุพเพสันนิวาส" ที่ "เบลล่า" ได้รับ 2 บทบาทการแสดงคือบท "เกศสุรางค์" ในยุคปัจจุบันที่มีรูปร่างค่อนข้างอ้วน จึงไม่มีหนุ่ม ๆ มาสนใจ แต่ผู้คนรอบข้างต่างก็รักในความน่ารักของเธอ เพราะเป็นคนที่อัธยาศัยดี ร่าเริง มองโลกในแง่บวก กับอีกบทบาท "การะเกด" ในสมัยกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นหญิงสาวที่สวยแต่มีความร้ายกาจ เป็นที่เกลียดชังของผู้คนและบ่าวไพร่ก็กลัวเกรงเพราะร้ายแบบสุดขั้วจริง ๆ เบลล่ายังต้องแสดงอีกบทบาททั้งจากบุพเพสันนิวาส และพรหมลิขิต ก็คือการแสดงเป็นเกศสุรางค์ในร่างการะเกด จากการะเกดที่ร้าย ๆ ก็กลายเป็นคนจิตใจดี และเมื่อมารับบทเป็น "พุดตาล" ซึ่งเป็นอีกตัวละครคาแรคเตอร์ก็แตกต่างกันไปอีก กลายเป็นหญิงสาวที่มีความคิดแปลก ๆ จนป้าที่เลี้ยงดูมา หลังจากที่พ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตถึงกับตั้งคำถามว่าในชีวิตเธอรักใครบ้าง ! โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ รับบท พ่อเดช / เรือง / ริดในละคร "พรหมลิขิต" นั้น "โป๊ป" ไม่ปล่อยให้ "เบลล่า" รับหลาย ๆ บทบาทตามลำพัง เพราะเรื่องนี้เขารับถึง 3 บทบาท เป็นพ่อ "พระยาวิสูตรสาคร" (พ่อเดช) เป็นลูกแฝด "หมื่นณรงค์ราชฤทธา (เรือง) และ หมื่นมหาฤทธิ์ (ริด) ซึ่งเป็นตัวละครคนละตัว มีคาแรคเตอร์ที่ต่างกันออกไปก็จริง แต่ทั้ง 3 ตัวละครมีลักษณะนิสัยใจคอที่ไม่ต่างกันมาก เพียงแค่พ่อเดช จะมีความขรึมเป็นผู้ใหญ่ เรืองเป็นคนหนุ่มที่มีความจริงจังในการทำงาน ส่วนออกจะสบาย ๆ เจ้าอารมณ์กว่าคนพี่ ซึ่งความใกล้เคียงของตัวละครนั้น "โป๊ป" ก็โชว์ให้เห็นว่ามีความต่าง เป็นการโชว์ความสามารถทางด้านการแสดงมาก ๆ 2. ชีวิตที่พลิกผันของ "ตองกีมาร์" "ซูซี่ สุษิรา แอนจิลีน่า" รับบท "ตองกีมาร์" หรือ "แม่มะลิ" สหายรักของคุณหญิงการะเกด ตองกีมาร์นั้นเป็นลูกครึ่งโปรตุเกส-ญี่ปุ่น ได้แต่งงานกับพระยาวิไชเยนทร์ หรือคอนสแตนติน ฟอลคอน ขุนนางฝรั่ง แต่เมื่อสามีตาย ชีวิตก็ตกต่ำลง ถูกจับตัวไปขังไว้ในคอกม้ากับลูกชาย ชีวิตต้องตกระกำลำบากอยู่หลายปี แต่ในเวลาต่อมาก็ได้กลับเข้าไปอยู่ในวังอีกครั้ง ซึ่ง "ซูซี่" ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของผู้หญิงที่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่ต้องอยู่ให้ได้เพื่อจะปกป้องลูกชายได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ๆ "ตองกีมาร์" เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม "ท้าวทองกีบม้า” ผู้สร้างตำนานขนมไทย อาทิ ทองหยิบ, ทองหยอด, ฝอยทอง ฯลฯ จนได้สมญาว่าเป็น "ราชินีแห่งขนมไทย" 3. ละคร "พรหมลิขิต" รวมนักแสดงดังส่วนหนึ่งของความสนุกจากการติดตามชมละคร นอกจากเนื้อเรื่องสนุก ก็คือการที่ได้เห็นนักแสดงนำมากมายมาร่วมแสดงในเรื่องนี้ ใน "พรหมลิขิต" ก็มีนักแสดงที่เพิ่มเติมมาจาก "บุพเพสันนิวาส" มากมายมาร่วมสร้างความน่าติดตามให้กับละคร อาทิ "เกรท วรินทร" รับบทเป็น "ขุนหลวงท้ายสระ (เจ้าฟ้าเพชร)", "เด่น เด่นคุณ" รับบทเป็น "กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (เจ้าฟ้าพร)", "น้ำตาล พิจักขณา" รับบทเป็น "แม่กลิ่น" ที่มาฟาดฟันปะทะคารมกับ "พุดตาล" โดยเฉพาะ, น้องสาวสองคนของเรืองกับริด คือ แม่หญิงแก้ว รับบทโดย "ซีน ภัสธรากรณ์", "แม่หญิงปราง" รับบทโดย "พีพี ปุญญ์ปรีดี" ฯลฯ และแน่นอนว่าตัวละครที่สร้างความสุข ความอบอุ่นให้ "การะเกด" รวมทั้งแฟน ๆ ที่ติดตาม "บุพเพสันนิวาส" มาถึง "พรหมลิขิต" ก็เห็นจะเป็นผู้คนในเรือนพ่อเดช ซึ่งก็คือ "คุณหญิงจำปา" (เหมียว ชไมพร), "จ้อย" (โมสต์ วิศรุต), "แย้ม" (นุ่น รมิดา), "ผิน" (หยา จรรยา) ฯลฯ ทุกฉากที่รวมพลทุกคนไว้บนเรือนบอกเลยว่าสนุกมาก จะมีเรื่องราวให้ได้สัมผัสกันทุกอารมณ์ทั้งทุกข์ สุข สนุกสนาน เฮฮา อยู่ตลอดเวลา ยังมีเหตุผลอีกหลาย ๆ อย่างที่ทำให้อยากติดตามชมละครพรหมลิขิต และอยากให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้ชมกันค่ะ ขอบคุณภาพประกิบจาก broadcastthaitv / nong_arunoshaภาพปก ภาพที่1 ภาพที่2 ภาพที่3 ภาพที่4 ภาพที่5ภาพที่1 ภาพที่2-4 ภาพที่5-7 ภาพที่8-9 ภาพที่10 ภาพที่11 ภาพที่12-14 ภาพที่15 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !