สวัสดีครับ วันนี้เตจะขอพูดถึงภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นหลังจากเหตุการณ์ของนักเรียนและโค้ชทั้ง 13 คนที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงเป็นเวลามากกว่า 17 วันแต่ในท้ายที่สุด พวกเขาก็สามารถออกมาได้ ตอนนั้นผมก็ดีใจเหมือนกับคนไทยทั่วทั้งประเทศนั่นแหละครับแต่พลางคิดไว้ว่า มันจะต้องมีหนังที่สร้างจากเหตุการณ์นี้ตามออกมาอีกมากมายแน่นอน เหล่าบรรดาผู้กำกับน้อยใหญ่ อาจจะถึงขั้นวงการฮอลลีวู้ดเลยนะครับก็ไม่น่าจะพลาดที่จะหยิบยกเหตุการณ์นี้มาบอกเล่า ตัวผมเองก็เฝ้ารอเช่นเดียวกันครับเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันน่าสนใจมากเหลือเกินครับ ทั้งตื่นเต้นมีความสูญเสียแล้วก็มีความปลาบปลื้มรวมอยู่ด้วย The Cave นะครับถือได้ว่าเป็นการเปิดตัวภาพยนตร์จากถ้ำหลวงครับโดยผู้กำกับ ทอม วอลเลอร์ สำหรับคุณทอมผลงานด้านการกำกับน่าจะดูไม่มากมายเท่าไหร่นัก ผลงานเด่น ๆ ที่น่าจะรู้จักก็เห็นจะมีศพไม่เงียบครับหรือว่าเพชฌฆาต หลัก ๆ นะครับท่านนี้เน้นไปทางด้านการเป็นโปรดิวเซอร์เสียมากกว่า มาพูดถึงด้าน The Cave ครับที่เป็นภาพยนตร์ในลำดับที่ 5 ของเขา จริง ๆ ถือว่าหนังตัวนี้นะครับทำออกมาได้เร็วมาก ๆ ยังไม่ถึงปีครึ่งเลยครับหลังจากเหตุการณ์จริง ผมนี่ก็แอบมีอาการหวั่น ๆ อยู่เหมือนกันนะครับว่าจะเป็นงานเผาหรือเปล่า แต่ว่ากระแสตอบรับจากเทศกาลหนังที่ปูซานก็อยู่ในระดับกลาง ๆ ครับ ไม่ดีแล้วก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นแบบนี้ก็เลยต้องไปพิสูจน์ด้วยตาของตัวเองครับ เรื่องย่อนี่คงไม่ต้องเล่าอะไรมากมาย เอาง่าย ๆ ครับกลุ่มคน 13 คนประกอบไปด้วยเด็ก 12 คนแล้วก็ 1 ผู้ใหญ่หรือที่เรียกว่าทีมหมูป่านี่แหละประสบเหตุต้องติดอยู่ในถ้ำแต่ถ้ำว่านี่ไม่ใช่ทำเล็ก ๆ แต่เป็นถ้ำขนาดมหึมาความยาวหลายกิโลเมตร แถมทางเดินในถ้ำก็ไม่ได้เป็นเส้นตรงครับมีทางสูงต่ำคดเคี้ยวมากมาย ในตอนนั้นทีมหมูป่าเข้าไปดันเกิดฝนตกหนักขึ้น จนในที่สุดครับน้ำก็ท่วมปากถ้ำ ทำให้ทั้ง 13 คนต้องหนีน้ำเข้าไปลึกเรื่อย ๆ ครับ จนในที่สุดก็พบว่าตัวเองติดอยู่ข้างใน จนเวลาก็ผ่านไปหลายวันครับ กว่าที่จะมีคนรู้ว่าพวกเด็กที่หายไปนั้นอยู่ข้างใน ภารกิจช่วยเหลือจึงได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งการกู้ภัยครั้งนี้ก็ได้รับความร่วมมือจากนานาชาติ รวมเวลาปฏิบัติการทั้งสิ้น 9 วัน 5 ชั่วโมง 51 นาทีครับ ซึ่งตรงนี้แหละครับที่ The Cave จะนำมาเล่าให้ทุกคนฟัง ขอพูดให้ฟังก่อนจัดเต็มนะครับสำหรับการรีวิวเรื่องนี้ หนังเรื่องนี้ครับถ้าเกิดว่าคุณไม่ชอบก็อาจจะเกลียดไปเลยเพราะมันมีสไตล์เป็นของตัวเองค่อนข้างมากครับ เป็นภาพยนตร์แนวสารคดีที่ทั้งเรื่องจะโฟกัสไปที่หน่วยกู้ภัยเป็นส่วนใหญ่ครับ ทั้งหน่วยซีลนักประดาน้ำ ความช่วยเหลือจากนานาชาติ ตัวผมเองก็ยืนอยู่ฝั่งคนที่ชอบครับ ชอบมากเสียด้วยดังนั้นนะครับผมจะขอพูดถึงสาเหตุที่ผมชอบเรื่องนี้ก่อนแล้วกัน ตัวฉากในเรื่อง The Cave นำมาเสนอผ่านการร้อยเรียงเป็นลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เริ่มต้นตั้งแต่ฝ่ายรัฐบาลไทยไปจนถึงการช่วยเหลือจากนานาชาติมาถึง ตรงส่วนนี้ทำออกมาได้ดีครับ ฉากที่มันดูไม่ค่อยประติดประต่อนั้นโดนผูกไปด้วยซีนอารมณ์ครับ ซึ่งผมบอกได้เลยว่าถ้าเกิดว่าคุณอินกับเรื่องเหตุการณ์ถ้ำหลวงนะครับแล้วก็ตามทัน เรื่องนี้จะทำให้คุณอินมาก ๆ เลยครับตัวหนังพยายามเล่าเรื่องผ่านหลายมุมมอง ทั้งชาวบ้าน ความเชื่อหรือจะเป็นนักประดาน้ำครับ ตรงส่วนนี้แอบมีจิกกัดระบบราชการของไทยอยู่ไม่น้อยเลยครับ ซึ่งบางส่วนก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ อีกเรื่องที่อยากจะพูดก็คือความสมจริงสมจังของบรรยากาศในถ้ำนางนอนครับ ผมชอบบรรยากาศของทีมหมูป่าในระหว่างที่ติดอยู่ในถ้ำมาก ๆ ทั้งความเงียบ ความมืดที่แทบจะมองไม่เห็นอะไร มีแต่สีหน้าของเพื่อนแต่ละคนเท่านั้นครับที่พอจะสังเกตได้ มาถึงส่วนของการแสดงกันบ้าง The Cave ครับมีนักแสดงที่เป็นบุคคลจริง ๆ ครับในปฏิบัติการกู้ภัยมาร่วมด้วยที่เด่นที่สุดก็น่าจะเป็นคุณจิม วอร์นี่ ซึ่งความจริงคนนี้นะครับเป็นนักดำน้ำมากประสบการณ์ชาวเบลเยียมครับ แล้วก็มานำแสดงในเรื่องนี้เองเลยครับ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนมาก ๆ ครับส่วนใหญ่นะครับจะเป็นบรรดาคนที่ร่วมช่วยในเหตุการณ์วันนั้นจริง ๆ ซึ่งถ้าเกิดว่าคิดในแง่มุมนี้แล้วนะครับส่วนตัวผมว่าเขาไม่ได้แสดงแย่เลยนะ ดูไม่ตื่นกล้องด้วย แถมดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ โดยเฉพาะคุณลุงที่ส่งท่อนะครับ ผมชอบแกคนนี้มากจริง ๆ อีกคนที่อยากชมแล้วก็คือคุณเบสท์ เอกวัฒน์ครับหรือคนที่รับบทโค้ชของทีมครับ จริงอยู่ครับว่ามีบทให้ออกน้อยแต่ผมชอบการใช้สีหน้าของเขามาก ๆ ตอนที่ติดอยู่ในถ้ำพร้อมกับเด็ก ๆ นะครับ เขาแสดงให้เห็นถึงบทบาทของผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่พยายามจะปลอบขวัญเด็ก ๆ อย่างเข้มแข็ง แต่จริง ๆ แล้วเขานี่แหละคือคนที่หวาดกลัวมากที่สุดเพราะรู้ดีว่าเหตุการณ์นี้มันสิ้นหวังแค่ไหนนั่นเอง คุณเบสนี่ทำสีหน้าออกมาได้ดีจริง ๆ แล้วมันก็พีคมากขึ้นไปอีกในช่วงท้ายเรื่องครับ อวยกันมาขนาดนี้ อย่างที่บอกไปครับผมนี่อยู่ฝั่งคนที่ชอบเรื่องนี้ อะไรที่ผู้กำกับต้องการอยากจะให้เราคิดนี่ ผมก็คิดตามครับแล้วก็อินไปหมดเลย แต่ถ้าเกิดว่าคุณไม่อินนะครับข้อดีต่าง ๆ ที่กล่าวมามันจะกลับกันทันทีเลยครับ เริ่มที่การเล่าเรื่องแนวสารคดีก่อนเลยตัวหนังครับเข้าเรื่องเร็วมาก มีการเล่าเรื่องผ่านภาพไปเยอะครับ ถ้าเกิดว่าคุณไม่ได้ตามเรื่องถ้ำหลวงมาก่อนก็ไม่ได้รู้ถึงขั้นรายละเอียดต่าง ๆ คุณจะไม่เข้าใจเลยครับแล้วก็ตามไม่ทันด้วย ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวผ่านคำพูดได้น้อยมาก ๆ ครับ แถมยังตัดไปตัดมาอย่างรวดเร็วครับ พางงกันได้ง่าย ๆ เลยแหละ ที่สำคัญเป็นมุมกล้องแบบแฮนด์เฮลด์ด้วยนะครับ ใครเวียนหัวรับรองมีอาเจียนแน่นอน ส่วนรายละเอียดของแผนการช่วยเหลือที่ดูซับซ้อนตัวหนังก็เลือกที่จะไม่อธิบายให้ต่อเนื่อง ทำไมมันถึงอันตราย ทำไมมันถึงยาก การเสี่ยงตายที่ต้องดำน้ำหลายกิโลเมตร ในถ้ำที่คดเคี้ยวหรือความมืดที่คุณจะเห็นแค่มือของตัวเองภายในถ้ำ การพลาดไปชนหินครั้งเดียวอาจจะหมายถึงชีวิต การปฏิบัติการครั้งนี้ครับเป็นสิ่งที่ท้าทายถึงขั้นไม่เคยมีใครทำได้สำเร็จมาก่อนในโลกนี้ ขอใช้คำว่าในโลกนี้เลยนะครับ ตัวหนังนี่เล่าได้ขาดตอนมาก ๆ เลย เนื่องจากต้องแบ่งสิ่งเหล่านี้ไปเล่าส่วนอื่น ๆ ด้วย ทำให้ช่วงพีคครับมันไม่ค่อยพีคเท่าที่ควร เรื่องราวมันเยอะเกินกว่าที่จะบอกเล่าผ่านหนังที่มีความยาวแค่ 104 นาทีครับ ซึ่งผมคิดว่าถ้าเกิดทำเรื่องนี้ในแบบซีรีย์ อาจจะเหมาะสมมากกว่า แล้วก็อีกเรื่องที่เป็นจุดสังเกตก็คือโรงภาพยนตร์ที่ผมดูมีเสียงให้เลือกแค่แบบเดียวครับก็คือพากย์ไทย ผมนี่ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับตรงจุดนี้แต่ประเด็นก็คือมันไม่มีซับอังกฤษด้วยนะครับ ดังนั้นชาวต่างชาติที่อยู่ในไทยแล้วก็สนใจในหนังเรื่องนี้จะทำอย่างไรครับ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าที่ไม่มี สาเหตุเป็นเพราะผมอยู่แถวชานเมืองกรุงเทพฯ หรือเปล่า ไม่แน่ใจว่าข้างในตัวเมืองจะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าเกิดว่าเป็นแบบเดียวกันนี่ก็ถือว่าน่าเสียดายมาก ๆ ครับ สรุปแล้วกันนะครับ The Cave นั้นมีทั้งจุดดีและจุดไม่ดีผสมกันไปครับ สไตล์การเล่าเรื่องอาจจะทำให้คุณรู้สึกเบื่อได้เลย มันไม่ได้ระทึกหรือน่าตื่นเต้นขนาดนั้น อีกจุดก็คือบทนะครับกระจายไปไม่ครบทุกคนบอกตรงนี้ตัวโต ๆ เลยนะครับว่าไม่ใช่หนังสำหรับทุกคนเลยสำหรับเรื่องนี้ ถ้ามองกันแบบตรง ๆ ครับ ผมขอให้ที่ 7 คะแนนแล้วกัน แต่ถ้าเกิดว่าคุณชอบภาพยนตร์แนวสารคดี อินกับเหตุการณ์ของทีมหมูป่าแล้วก็บรรดาหน่วยกู้ภัยนะครับ นี่คือหนังสำหรับคุณ คุณจะเป็นแบบผมเลย หนังมันก็ไม่ได้ดีมากมายแต่เรื่องอารมณ์ครับ มันทำให้ผมรู้สึกว่านี่คือ 10 เต็ม 10 ในด้านอารมณ์เลยครับ ดังนั้นหนังเรื่องนี้ไม่ควรพลาด The Cave นั้นเป็นภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่ถ้ำหลวงได้อย่างสมจริง สวยงาม และทรงพลังมาก ๆ ครับ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงน้ำใจ ไมตรีจิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นคนไทยด้วยกันหรือชาวต่างชาติที่เห็นถึงความสำคัญและพร้อมที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือกัน ทำให้เห็นว่าในยามวิกฤตินั้นไม่มีกำแพงของเชื้อชาติมากั้นเอาไว้ ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงถือได้ว่าเป็นตัวแทนของน้ำใจเลยก็ว่าได้ขอขอบคุณภาพประกอบทั้งหมดจาก Official Trailer