Short CommentWarrior Nun : วอร์ริเออร์ นัน นักรบแห่งศรัทธา Season 2 (2022)สนุกเข้มข้นกว่าเดิมสานต่อได้ลงตัว แต่ลงเอยคือ "สุขเถิดแม่ชีอยู่ดีเถิดหนา"เมื่อสองปีที่แล้วดูไปบ่นไปได้ดูซีรีส์เรื่องหนึ่งที่เข้าใจผิดว่าจะเป็นงานแนวแฟนตาซีย้อนยุคนักรบหญิงในชุดแม่ชีแห่งคริสต์ศาสนาประดาบกันมันส์ๆ ทว่าเรื่องกลับถูกเล่าในยุคปัจจุบันที่สาดกระสุนใส่กันและยังว่ากันที่ความขัดแย้งกันเรื่องของวิทยาศาสตร์และความศรัทธา ทั้งยังออกมาเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ผู้ถูกเลือกแบบกลายๆเมื่อคนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องอะไรแต่ต้องได้รับพลังวิเศษจึงต้องต่อสู้กับความรู้สึกในใจ Warrior Nun คือซีรีส์จำนวนสิบตอนเรื่องนั้น ที่ต้องสารภาพตามตรงว่าไม่ใช่งานที่ดีเท่าไหร่นักเพราะส่วนตัวผู้เขียนแม้จะดูได้จนจบเพราะความน่าติดตามยังมี แต่ก็ผ่านไปแต่ละตอนด้วยอารมณ์รำคาญพอประมาณเพราะเรื่องมัวเล่าในเรื่องที่ไม่จำเป็นและการออกแบบตัวละครมาเหมือนไร้วุฒิภาวะจนน่าหยุมหัว กระนั้นเสน่ห์บางอย่างยังดึงดูดได้อยู่แม้ความดุเดือดที่พึงมีจะหย่อนไปเพราะมัวแต่เตลิดไปกับตัวละครเอก และที่น่าเจ็บปวดคือตัวละครเอกที่เป็นศูนย์กลางโดนมิติความน่ารำคาญของตัวละครมาบั่นทอนเสน่ห์ที่พึงมีทำให้โดนขโมยซีนไปได้ทั้งเรื่อง แต่เมื่อมีการสานต่อออกมาจึงเป็นที่น่าพิสูจน์ว่าอะไรที่เว้าแหว่งไปในซีซันแรกจะลงตัวขึ้นหรือไม่หลังจากบทสรุปของซีซันที่แล้วที่เหล่านักรบแห่งศรัทธาถูกหลอกให้ทำภารกิจปลดปล่อยเทวทูตแต่ดันกลายเป็นการปล่อยมารร้าย Adriel (William Miller) แทน เหล่าแม่ชีที่ตอนนั้นยังไม่พร้อมจึงต้องหนีมาก่อนโดยสูญเสียสมาชิกบางคนของคณะดาบกางเขนไป แล้วในปัจจุบัน Ava (Alba Baptista) กับ Beatrice (Kristina Tonteri-Young) หนีมาเปิดบาร์ในสวิตเซอร์แลนด์ ส่วน Camila (Olivia Delcán) ยังอยู่กับคุณแม่อธิการ (Sylvia De Fanti) และ Lilith (Lorena Andrea) ที่ได้รับพลังวิเศษจากการทะลุมิติคราวนั้นก็ยังเร่ร่อนเพื่อตามหาบางอย่าง ในขณะที่ Adriel เริ่มเผยแผ่อิทธิพลความศรัทธามากขึ้นจนทางสำนักวาติกันคุมไม่อยู่ จนเมื่อ Ava กับ Beatrice ได้พบกับชายหนุ่มปริศนาที่จะพาทั้งคู่ไปค้นหาวิธีการกำราบ Adriel แต่ก็อาจไม่ง่ายเมื่อ Ava ก็ยังดูเหมือนไม่พร้อมและ Beatrice ที่ต้องคอยติดตามคุ้มครอง Ava ก็ไม่มีพลังวิเศษซ้ำร้ายเฮโลที่เป็นขุมพลังเหนือมนุษย์ของ Ava ก็มีอันมาติดๆดับๆ ทั้งคู่จึงต้องไปรวมกับคุณแม่อธิการเพื่อรวบรวมเหล่าแม่ชีนักรบมาจัดการกับจอมมาร Adriel แต่สุดท้ายเรื่องก็ไม่เป็นตามแผนสานต่อได้ลงตัวขึ้นเพราะปูมามากทำให้กระชับและดูสนุกขึ้นและสรุปแบบไปต่อก็ได้หรือไม่ไปก็ได้ อาจเพราะซีซันที่แล้วปูมาพอประมาณโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวละครหลักคือ Warrior Nun ที่ต้องเล่าเยอะหน่อยแต่ดันเยอะไปทำให้ออกมาน่ารำคาญไปบ้าง กระนั้นเมื่อมาถึงซีซันสานต่อจึงไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลงคือเล่าต่อจากนั้นเลยทำให้ซีซันนี้กลายมาเป็นงานที่ดูเป็นแอ็กชันแฟนตาซีที่ลงตัวขึ้น เรื่องจึงเดินหน้าไปอย่างเมามันในระดับที่น่าพอใจและเมื่อไม่ต้องเล่าเรื่องตัวละครมากทำให้ในแต่ละตอนจะมีฉากต่อสู้ที่เป็นจุดขายให้เหล่าแม่ชีได้ออกแอ็กชั่นกันมันส์ๆ ไม่เหมือนซีซันที่แล้วที่ช่วงกลางๆตอนที่ Ava เตลิดไปที่เล่าได้อย่างเนิบนาบน่ารำคาญเพราะจุดเปลี่ยนมีแต่ตัวละครดันไม่ยอมเปลี่ยนสักทีทำให้ท้าทายความอดทน ซึ่งซีซันนี้น่าจะพอรู้ตัวเลยไม่มัวมาดราม่าจัดมาด้วยความดุเดือดถึงใจทั้งยังมีอารมณ์ขันเล็กๆอย่างอาหารที่มีในรถตู้ที่แม่ชีขโมยมาที่คนดูคงอดอมยิ้มไม่ได้ รวมๆแล้วซีซันนี้เน้นความกระชับกระฉับกระเฉงทำให้เรื่องออกมาลงตัวและสนุกขึ้นและมีบทสรุปที่ดีที่จะมีต่อก็ไม่เสียหายหรือจะไม่มีก็ไม่เสียดายแต่ยังมีบางอย่างที่ไม่เชื่อมโยงเหมือนโดดไปอาจเพราะเลือกเล่าด้วยจำนวนตอนที่น้อยลง แน่นอนเมื่อจำนวนตอนลดลงไปสองตอนจะด้วยเหตุผลใดก็ตามก็ทำให้เวลาเล่าเรื่องเหลือน้อยลง สิ่งที่ตามมาคือหลายเหตุการณ์ไม่เชื่อมโยงกันไม่รู้ว่าไปคุยหรือไปติดต่อกันตอนไหนยังดีที่บทเลือกไม่ซับซ้อนหรือสร้างปมไว้ให้คิดตามมากมายคนดูจึงพอหยวนๆให้เพราะไม่ได้หวังอะไรกับความแน่นหนาอยู่แล้ว ซึ่งถ้าว่ากันที่ภาพรวมกลายเป็นมีริ้วรอยเรื่องการเชื่อมโยงเหตุการณ์อยู่ตลอดทางทำให้ในสมองคนดูคิดไปตอลดเช่นกันว่าทำไมอะไรหรือเมื่อไหร่ แต่เมื่อซีซันนี้ไม่ได้เน้นเรื่องตัวละครเชิงลึกมากมายเลยไม่ต้องจับทุกจุดก็ตามเรื่องทันได้ไม่มีหลุดเพราะบทสนทนาก็ไม่ได้ซ่อนหรือเผยปมอะไรปล่อยให้เหตุการณ์พาไปซึ่งก็มีดีที่ความสนุกและเร่งเร้าไปข้างหน้า แต่ก็ต้องแลกมากับอารมณ์ที่หายไปเพราะเป็นความสนุกที่ไม่ต้องลุ้นไม่ต้องสงสัยใครเพราะอารมณ์แบบนั้นถูกใช้ไปในซีซันแรกที่ลงท้ายแบบหักมุมไปหมดแล้วกระมังแล้วซีซันนี้เลยเดินหน้าอย่างเดียว ส่วนการค้นพบค้นหาตัวเองเพื่อคู่ควรกับเฮโลน่าจะลืมไว้ไหนสักที่เลยไม่มีมาสุขเถิดแม่ชีอยู่ดีเถิดหนาพลอยโมธนาหมู่มารอย่ามี ซีซันนี้ตั้งใจมาขายความเป็นแอ็กชันแฟนตาซีเต็มตัวในเรื่องของเทวากับซาตานไม่ใช่ท้าทายความศรัทธาหรือวิทยาศาสตร์กับความเชื่อเหมือนซีซันที่แล้ว แน่นอนจุดขายคือการเดินหน้าด้วยความสนุกด้วยความมันส์แบบดุเดือดเลือดสาดกระจายซึ่งต่างจากซีซันแรกที่ตั้งใจมาปูพื้นฐานตัวละครให้แน่น แต่ดันปูมากเกินไปเลยกลายเป็นไม่ได้ใจเพราะตัวละครไม่เป็นที่รักซึ่งกลายเป็นตลกร้ายเมื่อซีซันนี้ไม่เน้นเรื่องของตัวละครมากแต่กลับเล่าได้คนดูสัมผัสได้ว่าอะไรเป็นอะไรระหว่าง Ava กับ Beatrice ทั้งที่ไม่ได้เล่ามากมายแค่ใช้การสื่อสารกับคนดูจนรู้สึกได้ว่าอะไรเป็นอะไรและเข้าใจจนสงสารปนอกหักจาก Beatrice เพราะไม่มีทางที่คนดูจะอ่านสายตา Beatrice ไม่ออกและสิ่งที่เป็นก็ทำให้เมื่อเดินทางมาสู่บทสรุปก็จับใจไม่น้อยเมื่อเห็นความเสียสละและการปล่อยมือ จึงนับว่าพลิกโผเมื่อซีซันนี้มีเวลาให้เล่าเรื่องมิติเชิงลึกเพียงน้อยนิดแต่ดันเล่าได้เข้าถึงและจับใจต่างจากซีซันที่แล้วที่ใช้เวลาเปลือง และสำหรับซีซันนี้ก็คือการหลุดพ้นจนต้องร้องเพลงว่า "สุขเถิดแม่ชีอยู่ดีเถิดหนา"เสน่ห์ที่เพิ่มขึ้นชัดเจนของตัวเอกอาจเพราะได้บทเรียนมาจากซีซันแรก ปฏิเสธไม่ได้ว่าซีซันที่แล้วตัวละคร Ava ถูกขโมยซีนไปทั้งเรื่องจนดูเหมือนนักแสดงสมทบมากกว่าทั้งจาก Beatrice ของ Kristina Tonteri-Young ที่ดูนิ่งและมีคาแร็คเตอร์ชัดรวมถึงเสน่ห์ส่วนตัวที่ขึ้นกล้องกว่ามาก หรือกระทั้งโดนตัวละคร Mary ของ Toya Turner ที่มาในแบบสวยถึกและบึกบึนข่มมิด ซีซันนี้เลยเหมือนลดทอนเสน่ห์ของตัวละครอื่นๆลงทั้ง Kristina Tonteri-Young และ Olivia Delcán ที่ยังเล่นได้ตามที่บทต้องการแต่เห็นชัดเรื่องเมคอัพและการเซ็ตตัวละครไม่ให้เด่นเกิน Ava ของ Alba Baptista ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีเพราะซีซันนี้ Alba Baptista ดูมีเสน่ห์ขึ้นกล้องขึ้นและไม่น่ารำคาญเหมือนเดิมแต่มีดีกว่านั้นเมื่อเคมีที่เข้ากันระหว่างเธอกับ Kristina Tonteri-Young ที่เป็นพลังงานที่สร้างแรงดึงดูดประหลาด โดยเฉพาะ Kristina Tonteri-Young ที่สายตาสื่อความในจนเห็นความเปลี่ยนแปลงจากแม่ชีผู้เคร่งกฎมาเป็นการหลุดพ้นในตอนท้าย และแม้จะเป็นไปอย่างที่เห็นที่เหนือความคาดหมายถ้านับจากที่ปูมาจากซีซันที่แล้วแต่กลับไม่แปลกใจเป็นงานที่ต้องดูถ้าได้ดูซีซันแรกมานี่คือภาคบังคับ เพราะเป็นเรื่องต่อเนื่องกันและมีบทสรุปในตัวไม่ค้างเติ่งเหมือนเมื่อตอนนั้น เอาจริงคือไหนๆก็ทนดูผ่านความน่ารำคาญของ Ava มาในซีซันแรกมาจนตัวร้ายโผล่มาตอนท้ายก็ต้องมาดูว่า Ava จะจัดการกับมารร้ายยังไงและเธอจะควบคุมพลังวิเศษได้หรือไม่ ซึ่งถ้าซีซันที่แล้วคือการปูซีซันนี้ก็คือการสานต่อไปจนจบที่กระชับและลงตัวขึ้น ทำให้เรื่องดูสนุกในทุกตอนเพราะมีฉากใหญ่เป็นไคลแม็กซ์ในทุกตอนตามสไตล์ซีรีส์ฝรั่ง จึงเป็นความสนุกดูเอามันส์ได้กระทั่งถ้ามีเวลาอาจดูรวดเดียวได้เพราะความน่าติดตามและความเร้าใจสูงพอแต่ข้อแม้คือต้องได้ดูซีซันที่แล้วมิฉะนั้นจะไม่รู้ว่าไผเป็นไผแม้ว่าจะมีการสรุปเรื่องราวมาให้ก่อน เพราะซีซันนี้ความจริงก็ไม่ได้เนี้ยบอะไรคือยังมีจุดไม่เชื่อมโยงกันอีกมากมายและสิ่งที่ทำให้คนดูเชื่อมเองก็ได้ก็คือการได้ดูซีซันที่แล้วจึงรู้ว่าไผเป็นไผนั่นเอง และสำหรับซีซันนี้คือความสนุกที่มากกว่าเดิมมีบทสรุปที่ลงตัวส่วนถ้ามีมาอีกก็คงดูอีก เพราะแม้จะไม่ใช่งานระดับยอดเยี่ยมขึ้นหิ้งแต่มีเสน่ห์อย่างน่าประหลาดประมาณไสยศาสตร์มีจริงไม่เชื่ออย่าลบหลู่...ดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 5,8 จาก Instagram rdfinc_ภาพที่ 2,3,4 จาก Instagram netflixjpภาพที่ 6,7 จาก Instagram alba.baptistaคอมมูนิตี้โลกคนรักหนัง ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน