Movie Full ReviewThe Batman (2022)หม่นมืดดิ่งลึก กับมนุษย์ค้างคาวล้างเดนทรชน บนความต่างแต่ "ดีงาม"เพราะดูไปบ่นไปชอบ Batman อาจไม่ถึงขั้นหลงไหลแต่ซุปเปอร์ฮีโร่ที่ไร้พลังพิเศษผู้ผดุงความยุติธรรมยามคำคืนแห่งนคร Gotham ก็คือซุปเปอร์ฮีโร่หนึ่งเดียวใจดวงใจผู้เขียน นอกเหนือจากนี้ไม่ว่าจะจากค่ายไหนก็คืองานที่ดูสนุกแต่ดูผ่านแล้วก็ผ่านไป ไม่ได้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเท่ามนุษย์ค้างคาวที่ได้เจอกันครั้งแรกเมื่อสามสิมสามปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นผู้เขียนก็กลายเป็นมีหน้าที่ต้องดูและสะสมหนัง Batman ได้เห็นความรุ่งโรจน์และรุ่งริ่งของฮีโร่คนนี้มา จนกระทั่งมาเจอและต้องยกไว้บนหิ้งบูชากับ Batman ที่เป็นมนุษย์ที่สุดกับไตรภาค The Dark Knight ของ Christopher Nolan ที่ทำเอาเชื่อได้ว่าถ้ารวยเหมือน Bruce Wayne ก็เป็นฮีโร่ได้ แน่นอนว่าอาจเทียบกันไม่ได้กับฉบับ Tim Burton เพราะหนังออกมาคนละโทน แต่ถ้าจะให้เลือกเพียงหนึ่งขอเลือกของ Christopher Nolanแล้วเมื่อตัวละคร Batman ได้โลดแล่นบนแผ่นฟิล์มมากว่าสามสิบปี ผ่านการเล่าเรื่องจากหลายผู้กำกับสิ่งหนึ่งที่ต้องแลกคือความเก่าและซ้ำเพราะมันเล่าบ่อย ความท้าทายที่จะหยิบเอาเรื่องของฮีโร่ผู้มีปมในใจคนเดิมคนนี้มาเล่าอาจจะไม่มีทางให้ไปมากนัก เพราะทุกคนรู้เรื่องของ Bruce Wayne เป็นอย่างดีหมดแล้วว่ามีความเป็นมายังไง ดังนั้นเมื่อมีข่าวว่าจะมาการสร้างหนัง Batman ขึ้นมาใหม่โดยที่ไม่เกี่ยวกับจักรวาลใดๆที่เคยมีมาโดย Matt Reeves แม้เขาจะมีเครดิตพอตัวแต่ความรู้สึกของผู้เขียนยังมองว่ามันเร็วไปและคิดว่าไม่น่าจะก้าวข้ามของเดิมที่เคยเล่ากันมา แต่ถึงกระนั้นด้วยความที่เป็นหน้าที่ที่ต้องดูจึงต้องพิสูจน์แต่คราวนี้สถานการณ์บังคับให้ต้องรอดูที่บ้านและหนังก็ลงสตรีมเร็วกว่าที่คาด จนเมื่อได้พิสูจน์ด้วยตาและหัวใจจึงพบว่า Matt Reeves ทำได้ในการหาความต่างมาเล่นจนเป็นของดีที่อาจไม่ใช่ที่สุด แต่ดีก็คือดี The Batman รับชม The Batman (2022) ได้แล้วที่ TrueIDเรื่องย่อนคร Gotham เมืองที่โสมมที่สุด เมืองที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม กับสองปีที่ผ่านไปหลังจากการออกกวาดล้างเหล่าร้ายยามค่ำคืนของหนึ่งบุรุษสวมหน้ากากที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ในทุกเงามืดจะมีความกลัวของเหล่าอาชญากรน้อยใหญ่อยู่ในนั้น และแม้ว่าเขาไม่สามารถตระเวนไปทั่งทั้งเมือง Gotham แต่เขาก็ได้สร้างความกลัวในใจอาชญากรที่เมื่อเห็นสัญลักษณ์บนท้องฟ้าที่หมายความว่าบุรุษผู้มากับความมืดเสมือนดั่งเงาแห่งความแค้นกำลังออกล่าเดนทรชน เขาคนนั้นคือบุรุษผู้อยู่ในผ้าคลุมและหน้ากากคางคาวผู้ถูกขนานนามว่า Batman จนเมื่อจะมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีแล้วมีการฆาตกรรมนายกเทศมนตรีคนปัจจุบัน แล้วฆาตกรได้ทิ้งปริศนาบางอย่างให้กับ Batman เรื่องราวที่ซับซ้อนจึงตามมาเมื่อนักสืบ James Gordon (Jeffrey Wright) ตามตัว Batman มาร่วมไขคดี และ Batman เองที่มีชีวิตอีกด้านคือมหาเศรษฐี Bruce Wayne (Robert Pattinson) จึงได้ร่วมมือกับ Alfred (Andy Serkis) พ่อบ้านอดีตสายลับ MI6 ถอดรหัสปริศนา จึงพบว่าปริศนาที่ถูกทิ้งไว้คือการเปิดโปงความฉ้อฉลของคนที่ใส่หน้ากากคนดีในสังคมอย่างนายกเทศมนตรีที่เชื่อมโยงไปยังไนท์คลับลับของ Oz เจ้าของฉายา The Penguin (Colin Farrell) สมุนมือขวาของเจ้าพ่อ Carmine Falcone (John Turturro) และการพบกันของ Batman กับ Penguin ก็ทำให้เบาะแสบางอย่างปรากฎผ่าน Selina Kyle (Zoë Kravitz) หญิงสาวที่ทำงานในไนท์คลับนั้น Batman จึงตามสืบไปทางเธอและพบว่าเธอคือนักย่องเบาที่มีวัตถุประสงค์บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับ Carmine Falconeจนกระทั่งเหยื่อรายต่อมาปรากฎขึ้นเรื่อยๆและปริศนาก็ถูกโยนเข้าหา Batman และ Jim Gordon เรื่อยๆ จนในที่สุดพวกเขาก็พบว่าฆาตกรต่อเนื่องที่สังหารเจ้าหน้าที่ผู้ฉ้อฉลจนทำให้ Gotham กลายเป็นเมืองที่เสื่อมโทรมเกินเยียวยาคือ The Riddler (Paul Dano) ที่มีจุดหมายในการเปิดโปงขวานการแห่งความฉ้อฉลที่เป็นโครงข่ายของเจ้าหน้าที่กับมาเฟียอย่าง Carmine Falcone และแน่นอนว่า Batman ต้องร่วมมือกับ Jim Gordon เพื่อจับ The Riddler ให้ได้โดยมี Selina Kyle เป็นตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับ Carmine Falcone แต่เรื่องก็ไม่ง่ายเมื่อมีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกับตัวของ Bruce Wayne เองเป็นเรื่องส่วนตัวที่เกี่ยวพันกับ The Riddler และ The Riddler ก็มีอะไรซ่อนไว้ในแผนการปั่นหัว Batman ครั้งนี้ ที่ทำให้ Batman ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยนคร Gotham ให้พ้นจากหายนะเหมือนถูกต่อยอดจากซีรีส์ Gotham ทำให้ทั้งหม่นมืด ดิ่งลึก แตกต่าง แต่ความเร้าใจยังมาเต็มกำลังเมื่อเล่าเหตุการณ์หลังจากที่ Batman ออกมาปราบอาชญากรมาแล้วสองปี ความสัมพันธ์ระหว่างง Batman กับ Jim Gordon ได้ผ่านอะไรมาจนเชื่อใจกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันคือของที่ทุกคนรู้แล้วเพราะเล่ามาบ่อย แต่ถ้าหากลองนึกดูโดยเฉพาะคนที่เคยดูซีรีส์ Gotham มาตลอดอย่างผู้เขียนจะมองเห็นมิติบางอย่างที่เหมือนกับเอาซีรีส์ Gotham มาเป็นพิมพ์เขียว หรืออาจเรียกได้ว่าต่อยอดมาจากเรื่องนั้นเช่นมิติของตัว Alfred ที่เป็นอดีตสายลับ MI6 ที่ซีรีส์อธิบายไว้ชัด รวมถึงทักษะการต่อสู้ของ Bruce Wayne ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก Alfred หรืออาจรวมไปถึงจุดสุดท้ายของซีรีส์ที่เผยโฉม Batman ที่ถ้านึกภาพตรงนั้นออกก็คล้ายกับเรื่องราวถูกสานต่อมาจากตรงนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าคนที่ไม่เคยดูอาจจะรูสึกว่าบางอย่างมันไม่ชัด แต่เรื่องราวเบื้องหลังหรือปมของเรื่องมันก็ยังเป็นเรื่องเดิมที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้วเป็นสารตั้งต้นเรื่องจึงเล่าไปได้แบบไม่ต้องไปพะวงหลังจึงทำให้เรื่องนี้มีความต่างเมื่อไม่พยายามเล่าเรื่องชีวิตสองหน้าของ Bruce Wayne แต่เล่าถึงภารกิจล้างเดนทรชนและสืบหาตัวฆาตกรต่อเนื่องของ Batman เต็มที่เพราะชื่อเรื่องก็บอกแล้วว่า The Batman มิใช่ The Bruce Wayne เรื่องจึงไม่ใช่ความมืดดำกึ่งแฟนตาซีเหมือนฉบับ Tim Burton ไม่ฉูดฉาดหวือหวาเหมือนฉบับ Joel Schumacher ไม่ใช่ดราม่าอาชญากรรมสุดระทึกในแบบของ Christopher Nolan แต่ Matt Reeves ได้สร้างทางใหม่บนของเดิมให้มีตัวตนของตนเองกับความเป็นหนังนัวร์ยุคใหม่ที่อึดอัด กดดัน ดิ่งลึกทางอารมณ์ และถ้าจะเอาจริงยังมีความตลกร้ายให้หัวเราะบนความเครียดอยู่บ้าง ด้วยการเสนอโทนเรื่องที่เป็นงานสืบสวนเข้มๆที่อาจมีบ้างที่คิดถึงงานของ David Fincher แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น Matt Reeves ก็ได้สร้างหนัง Batman ในแบบของเขาให้ออกมาลงตัวและดีงามด้วยการเดินเรื่องการสืบสวนแบบประดิดประดอย ค่อยๆเผยชิ้นส่วนต่างๆออกมาทำให้หาช่องว่างไม่เจอเพราะเล่าได้ค่อนข้างละเอียด แต่เมื่อถึงเวลาตูมตามก็จัดมาเต็มกำลังเพราะนี่คือหนังทุนสูงแม้จะเห็นความเป็นอินดี้อยู่บ้างกับการคิดอะไรที่ดูแตกต่าง เพราะเมื่อเล่าเรื่องไปถึงจุดที่เหมาะสมฉากแอ็คชั่นยังมันส์ในระดับที่คนดูนั่งนิ่งติดกับภาพในจอได้อย่างสมใจเช่นฉากขับรถไล่ล่า ที่ทั้งมุมกล้องและการตัดต่อสร้างความเร้าใจจนคนรักหนังตัวเล็กนั่งนิ่งไม่ไหวติงกับภาพที่เห็น ซึงถ้าจะให้ลงลึกไปอีกก็คงเป็นเพราะการสร้างทางใหม่บนทางเดิมในบทหนังของ Matt Reeves และ Peter Craig ที่ยังมองเห็นการหยิบเอาชิ้นส่วนที่ได้ผลจากซีรีส์ Gotham และไตรภาค The Dark Knight มาใช้ร่วมกันได้อย่างลงตัวทำให้ส่วนผสมที่ว่าพาให้นี่คือหนัง Batman ที่ดู "จริง" มากที่สุดและดูมีความเป็นมนุษย์ที่สุดไม่ต่างจากงานของ Christopher Nolan เพราะนี่คือความดิบที่ไม่ได้ปรุงแต่งด้านตัวละครที่นอกจาก Jim Gordon แล้วดูเหมือนจะไม่มีใครขาวสักคนดีที่สุดก็เป็นสีเทาเท่านั้น ความดิบที่ว่ายังลงมาถึงคอสตูมที่ออกแบบมาให้เป็นความจริงที่สามารถมีได้ทำให้ยิ่งมองเห็นว่าเรื่องนี้คือเรื่องที่มีได้บนโลกจริงๆ กระทั่งตัวร้าย The Ridler ที่ไม่ใช่หลุดออกมาจากห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์แต่มีความผิดปกติที่เหมือนเป็นกระจกคนละด้านกับ Bruce Wayne ทำให้คนรักหนังตัวเล็กเอ่ยออกมาว่านี่คือ The Ridler ที่ดีที่สุดเพราะไม่ออกมาตลกและดูเป็นจริงที่สุดเช่นเดียวกับ Bruce Wayne ที่ดูหมองและมีปูมหลังในครอบครัวที่เป็นรอยด่างไม่ใช่ฮีโร่จ๋าอย่างที่เคยรู้จัก ทำให้เห็นชัดในแรงขับจากความวิปริตกับความแค้นที่มาประทะกัน จนในความเก่าที่เล่ามาซ้ำๆเหมือนมีพลังที่เป็นแรงส่งที่ชัดเจนกว่า และส่งผลการสร้างความต่างครั้งนี้มีผลออกมาเป็นเลิศการรับผิดชอบตัวละครได้อย่างสมบูรณ์แบบบนความต่างจากที่คนดูเคยเห็นสารภาพเลยว่าเคนปรามาส Robert Pattinson มาตั้งแต่ตอนที่เขาแสดงหนัง Twilight ที่แข็งปานท่อนไม้เดินได้มีดีแค่หน้าตา แต่ในเวลาต่อมาเขาได้พิสูจน์ตัวเองมาได้พอตัวแต่เมื่อเขาจะมารับบท Bruce Wayne ก็ยังมองว่าไม่น่าจะใช่ ทว่าเมื่อหนังออกมาขายความต่างไปจากหนัง Batman ที่เคยเป็นมา Robert Pattinson ก็กลายเป็น Bruce Wayne และ Batman ที่มีความต่างแต่มีความเป็นตัวของตัวเอง เพราะคราวนี้ Bruce Wayne ไม่ใช่มหาเศรษฐีเจ้าสำราญที่ใช้ชีวิตสองหน้า แต่เป็นคนเก็บตัวใช้ชีวิตปราบเหล่าร้ายเดนทรชนในยามราตรีจนชีวิตดูหยาบกร้านไม่มีเวลา แน่นอนว่ามันมองเห็นผ่านแววตาที่อยู่หลังหน้ากากและการทาสีดำที่ขอบตา ที่เมื่อถอดหน้ากากแล้วสีเลอะจนดูจริงที่สุดยิ่งขับเน้นคงวามเป็น Bruce Wayne ที่ผมยาวรกรุงรังได้อย่างดีที่สุดและมันเป็น Bruce Wayne ในแบบของเขาเองและเพราะความดิบกร้านจริงจังอย่างที่เอ่ยมา ตัวละครที่ดูเป็นแฟนตาซีอย่าง Catwoman จึงกลายมาเป็นเน้นมุมของ Selina Kyle มากกว่านางแมวป่า เมื่อคราวนี้เห็นปูมหลังที่เป็นแรงผลักดันของการมาเป็นนักย่องเบาของเธอชัดขั้น มีความซับซ้อนมากขึ้นผ่านความสัมพันธ์มากขึ้น เห็นสถานะของการเติบโตมาอย่างคับแค้นในฐานรากที่สึกสุดของสังคม Gotham และ Zoë Kravitz ก็ทำหน้าที่ได้ดีในการเป็น Selina Kyle ที่มีความเป็นมนุษย์ที่ใกล้เคียงกับการมีตัวตนจริงที่สุด เพราะแค่ชุดยังเอาหมวกมาใส่ทำให้หูทั้งสองข้างเป็นแค่มุมของหมวกไหมพรมเจาะรู แต่ส่วนที่ดีที่สุดกลับเป็นการรับส่งกับ Robert Pattinson ได้ดีและลงตัวจนมองเห็นอะไรในแววตาแม้ว่าจะต้องรักษาระยะห่าง จึงเป็นตัวละครที่ตั้งใจมาต่างอย่างได้ผลเพราะแม้จะไม่ใช่ Catwoman ที่ดีที่สุด แต่ก็เป็น Selina Kyle ที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่เป็นมนุษย์และน่าจดจำส่วนสำหรับ Paul Dano กับบท The Ridler ที่สมจริงที่สุดเพราะเป็นคนจริงๆไม่ใช่ตัวประหลาด Paul Dano สามารถถ่ายทอดแรงขับเคลื่อนที่เป็นด้านตรงข้ามกับ Bruce Wayne ในมุมของเด็กกำพร้าเหมือนกันที่ต่างกัน แม้จะเห็นหน้าเพียงไม่กี่นาทีแต่การมาแค่เสียงที่อยู่ใต้หน้ากากก็เห็นภาพความวิปริตทางจิตชัดเจน ยิ่งตอนเห็นหน้าแล้วยิ่งขนลุกกับการแสดงเป็นคนโรคจิตที่เรียกร้องความสนใจจนเล่นใหญ่เบอร์นั้น (ส่วนสาเหตุจะเป็นอะไรไปดูกันเอง) กับอีกคนที่ดูแล้วมีเลือดมีเนื้อคือ The Penguin ที่เมคอัพจนถ้าไม่บอกไม่รู้ว่านี่คือ Colin Farrell ที่สร้างความต่างที่เป็นบุคลิกแบบเห็นแล้วหัวเราะไม่ได้ร้องให้ไม่ออกกับความเป็นเขา ซึ่งการแสดงผ่านสีหน้าเบื้องหลังเมคอัพยังคงทำให้สัมผัสได้โดยเฉพาะฉากที่ถูกมัดแล้วถูก Jim Gordon กับ Batman สอบสวนหลังฉากระเบิดตูมตามก็นับว่าจัดเต็มความสมจริงส่วน Andy Serkis ในบท Alfred นั้นดูเหมือนจะรับไม้ต่อมาจาก Sean Pertwee จากซีรีส์ Gotham แบบเนียนๆที่ถ้าได้ดูซีรีส์มาจะเห็นมิติความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ Bruce Wayne จนทำให้เมื่อถึงเวลาอาจมีขนลุกน้ำตารินได้ แต่กับ Jeffrey Wright ในบท Jim Gordon นั้นคงเป็นตัวละครเดียวที่ยังไม่เห็นความต่างจากเวอร์ชั่นอื่นๆ และแน่นอนเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ดูขาวสะอาดแต่ก็รับส่งกับ Batman ได้ดีจนเห็นเป็นหนังตำรวจคู่หูกลายๆ กับงานด้านภาพที่หม่นมืดชื้นแฉะทั้งเรื่องทำให้อารมณ์รู้สึกดิ่งและตึง แล้วก็ไม่ทราบว่าผู้เขียนเป็นคนเดียวหรือคิดไปเองหรือไม่ที่เห็นโทนเรื่อง งานดนตรี หรือกระทั่งจังหวะการเล่าเรื่องดูคล้ายกับ Joker เหมือนจะมีอะไรรับส่งเชื่อมโยงกัน จนอาจมโนได้ว่า DC อาจวางเกมอะไรไว้หรือไม่อย่างไร ก็น่าคิดนี่คือหนังที่ผู้เขียนดูสองรอติดกันภายในวันเดียว รอบแรกดูเองเพราะต้องดูก่อนว่าคนรักหนังตัวเล็กดูเนื้อหาและอารมณ์ของหนังที่ออกมาประมาณนี้ได้หรือไม่ (ผู้เขียนยังไม่ให้เขาดู Joker) แต่เมื่อดูรอบแรกแล้วก็มองว่าไม่น่าจะเป็นอะไรเพราะหนังไม่ได้ออกมามีภาพความรุนแรงมากมายด้วยเรท PG-13 เพียงแต่ด้วยความซับซ้อนและการเดินเรื่องที่เป็นงานสืบสวนสอบสวน และโทนเรื่องกับอารมณ์ที่ดิ่งขมึงตึงเลยไม่แน่ใจเท่านั้น แต่เมือได้ดูพร้อมกันอีกครั้งปรากฎว่าเด็กอายุสิบสี่นั่งนิ่งติดตรึงไปกับหนังได้อย่างน่าประหลาด เมื่อดูจบจากปากคำเขาบอกหนังออกมาสนุก ที่ควรได้อารมณ์ก็ได้ที่ควรสนุกแบบหนังซุปเปอร์ฮีโร่ก็มี ที่สำคัญเขาบอกว่าจากเรื่องนี้เหมือน DC จะเข้าใกล้กับ Comics เข้าไปอีกขั้น ซึ่งมันมาจากความสมจริงของเหตุการณ์ และเมื่อหนังมันออกมาดีจนเด็กอายุสิบสี่ดูสนุกแบบไม่ลุกไปเข้าห้องน้ำก็ถือว่าเยี่ยมซึ่งก็ถือว่า Matt Reeves ทำโจทย์ที่ยากให้ออกมาได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม เพราะอย่างที่รู้กันคือหนัง Batman ตัวละคร Batman มันออกมาบ่อยเหลือเกินใช่วงหลัง การเอาอะไรที่มันซ้ำซากมาเล่าให้มีทางไปของตนเองจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ Matt Reeves ก็ทำได้ดีในการสร้างเรื่องให้ออกมาเป็นความสดใหม่ในความเก่าเก็บ หรืออาจจะบอกได้ว่าอะไรที่ควรเก็บไว้ก็เก็บ อะไรที่ควรแหวกไปเลยก็แหวกจนทำให้ได้ Batman ในแบบของตนเองที่สามารถต่อยอดไปจากตรงนี้ได้อีกไกลถ้าเลือกจะไปต่อ และที่สำคัญคือความรู้สึกคนดูที่เป็นแฟน Batman ที่เริ่มจากความคิดที่ว่าพอบ้างเถอะกับการสร้างทางไปใหม่ๆหรือการีบู๊ทบ่อยๆ แต่เมื่อมาดูจบกลับกลายเป็นความชอบที่กล้าเล่าเรื่องให้เป็นแบบนี้ แม้ว่าถึงที่สุดในความรู้สึกของผู้เขียนหนังจะยังก้าวข้ามไตรภาค The Dark Knight ในเรื่องความยอดเยี่ยมไม่ได้ แต่ก็เป็นระดับประทับใจจนต้องมาร่ายยาวประมาณนี้ดูไปบ่นไปรับชม The Batman (2022) ได้ผ่านที่ TrueIDขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 8 จาก Facebook DC Comicsภาพที่ 3 / ภาพที่ 6 จาก Twitter The Batmanภาพที่ 4 / ภาพที่ 7 จาก Facebook The Batmanภาพที่ 9 จาก Facebook HBO Asia จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !