[รีวิวซีรีส์] "One Piece วันพีซ" รุ่งอรุณของไลฟ์แอ็กชันที่ดีที่สุดตลอดกาล
การดัดแปลง One Piece เป็นหนังคนแสดง ถ้าว่ากันตามตรงแล้วมันค่อนข้างเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่น่าห่วงที่สุด ซึ่งแฟนคลับทุกคนแทบไม่หวังให้โปรเจกต์นี้มันเกิดขึ้นเลย เพราะด้วยความแฟนตาซีของต้นฉบับ และจำนวนตอนที่ยาวเหยียด ก็ทำให้หลายคนคิดว่าให้ One Piece มันอยู่แค่ในเวอร์ชันการ์ตูนนั่นแหละดีแล้ว
ทว่าสิ่งที่ทำให้แฟนคลับห่วงยิ่งกว่าก็คือ การที่ One Piece ได้รับการดัดแปลงโดย Netflix นี่แหละ เพราะชื่อเสียงที่เลื่องลือด้านการดัดแปลงที่ไม่ตรงต้นฉบับ ก็ทำให้แฟน ๆ ต้องกุมขมับ และคิดว่าอาจต้องจัดซีรีส์นี้ไปอยู่ในหมวดเดียวกับ Dragonball Evolution หรือว่ากันง่าย ๆ เตรียมฝังลืมได้เลย เพราะไม่มีใครคาดหวังว่า One Piece ที่ได้รับการดัดแปลงโดย Netflix จะไปรอด ซึ่งด้วยความยากของการดัดแปลง และชื่อเสีย(ง) ของ Netflix ทำให้แฟนคลับอย่างเรา ๆ คาดหวังอย่างมากก็แค่ออกมาเสมอตัว เพราะซีรีส์คงไม่สามารถดึงหัวใจของเวอร์ชันการ์ตูนออกมาได้ครบถ้วนหรอก
แต่ปรากฏว่า Netflix ดันทำได้ว่ะคุณ
One Piece เล่าเรื่องราวของ มังกี้ ดี. ลูฟี่ นำแสดงโดย อินากิ โกดอย (Iñaki Godoy) เขาเป็นเด็กหนุ่มผู้สวมหมวกฟางอยู่ตลอดเวลา เขามีความฝันว่าจะเป็นเจ้าแห่งโจรสลัด และออกตามหาสมบัติที่ชื่อว่า ‘วันพีซ’ ซึ่งเป็นมหาสมบัติที่ราชาโจรสลัด โกลด์ ดี. โรเจอร์ ได้ครอบครองมันไว้ โดยตลอดทั้งซีซันก็จะครอบคลุมเรื่องราวในช่วงที่ลูฟี่ได้รวบรวมพรรคพวก ไปจนถึงศึกตัดกับโจรสลัดมนุษย์เงือกอาลอง
ตัดตอน แต่ไม่ลดทอนหัวใจ
แน่ล่ะว่าสิ่งหนึ่งที่หลายคนกังวลก็คือ การนำเนื้อหาจากมังงะกว่า 11 เล่ม (อนิเมะกว่า 44 เอพิโซด) มากระชับลงซีรีส์ 8 ตอน ซึ่งเฉลี่ยตอนละประมาณหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น เราจึงคาดว่าซีรีส์น่าจะตัดเนื้อหายับแน่นอน ใช่แล้วครับซีรีส์นั้นตัดยับจริง ๆ และดัดแปลงไปเยอะมาก แต่มันกลับอยู่ในเกณฑ์ที่เราชอบเลยล่ะ
กล่าวคือซีรีส์ใช้วิธีการดัดแปลงเนื้อหาเหมือนภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ยุคหลัง ๆ ที่ใช้เทคนิคการเขียนบทด้วยการ คงไว้ซึ่งหัวใจหลัก เช่นตัวเอกเป็นใคร มีนิสัยแบบไหน และเรื่องราวจะพาเขาไปเจอกับอะไร แต่ในระหว่างทางก็มีการปรับบทให้กระชับ พร้อมกับใส่อีสเตอร์เอ้กเข้ามาเต็มเหนี่ยว แม้ว่ามันจะเป็นวิธีการที่ดูรวบรัด จนเนื้อเรื่องเร็วไปหน่อย ทว่าการกระชับเนื้อหา พร้อมยังคงไว้ซึ่งความเข้าใจเรื่องราวกับซีนที่เป็นไอคอนิก ทำให้ One Piece คงหัวใจจากต้นฉบับไว้ได้อย่างครบถ้วน
One Piece เวอร์ชันคนแสดงน่ะมีอยู่จริง!!!!
ในฝั่งคาแรกเตอร์ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนค่อนข้างห่วง เราขอบอกเลยว่าทุกตัวละครไม่มีใครนิสัยแบบเดียวกับในมังงะเป๊ะ ๆ เลย แต่เป็นการดัดแปลงให้เข้ากับบริบท พร้อมทั้งตีความใหม่ให้ตัวละครมีความนึกคิดที่โตมากขึ้นนั้น ช่วยให้คาแรกเตอร์มีมิติที่แตกต่าง เพราะแม้ว่าจะเคยเห็นซีนเหล่านี้ผ่านตามาบ้าง แต่ตัวละครก็มีการตอบสนองในอีกรูปแบบ โดยสำหรับเราแล้ว 3 ตัวละครที่ดัดแปลงได้โดดเด่นอย่างมากคือ ซันจิ, นามิ และบากี้
ฝั่งของซันจินั้น ในการ์ตูนต้นฉบับเรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่บ้ากามเข้าขั้น จนเราก็แอบกลัวว่าจะดัดแปลงมายังไงให้ไม่แย่ในสมัยนี้ โดยทีม Netflix ก็ได้ทำการบ้านมาอย่างดี ปรับนิสัยของซันจิในเวอร์ชันนี้ให้เป็นหนุ่มยิ้มหวาน ขี้หลีแทน เป็นอะไรที่เข้ากับยุคสมัยแถมยังทำให้ตัวละครของนี้น่ารักขึ้นกว่าเดิม นอกจากนั้นแล้วนามินั้นก็มีบทที่ได้บู๊ และใช้สมองมากขึ้นซึ่ง เอมิลี รัดด์ (Emily Rudd) ผู้รับบทนามิก็สามารถตีความหญิงแกร่งที่อยู่ต้องอยู่ท่ามกลางโจรสลัดชายโฉดออกมาได้ดีอย่างเหลือเชื่อเลยล่ะ
อีกหนึ่งตัวละครที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือตัวตลกบากี้นี่แหละ เพราะแม้ว่าในตัวอย่างจะทำเราหลอนแล้ว แต่ในซีรีส์กลับทำเรากลัวมากกว่าเดิมซะอีก บากี้เวอร์ชันนี้มีการเพิ่มอิมเมจที่ผสมความเป็นโจ๊กเกอร์ และกัปตันแจ็ก สแปร์โรว์ ลงไปด้วย ซึ่งช่วยเพิ่มบารมีให้ท่านมหาเทพบากี้มหาศาล ถึงแม้ว่าช่วงหลังพี่แกจะเปลี่ยนเป็นตัวโจ๊กแล้วก็ตาม แต่เราก็ยังคงรู้สึกสะพรึงกลัวอยู่ดี
ซีรีส์จากมังงะที่ดัดแปลงได้ที่ดีที่สุด
สิ่งหนึ่งที่ชอบที่สุดของเรา ก็น่าจะเป็นการมีพลเรือโทการ์ปมาคอยไล่ล่าลูฟี่ตลอดทั้งเรื่องนี่แหละ เพราะหากเราเคยดูการ์ตูนต้นฉบับแล้วล่ะก็กว่าเราจะรู้ว่าการ์ปเป็นปู่ของลูฟี่ ก็ปาไปช่วงจบเอนิเอสล็อบบี้เข้าไปแล้ว ซึ่งการเปิดเผยความลับนี้ช่วยให้เนื้อหามีมิติมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยให้โคบี้กับเฮลเมปโป้มีบทตลอดทั้งซีซัน เห็นการเติบโตของพวกเขา ไม่ต้องรอนานกว่าจะโผล่เหมือนในการ์ตูน แอบกระซิบเลยว่าถ้าหากใครเป็นเมนโคบี้แล้วล่ะ ขอบอกเลยว่าน้องบทเยอะมาก เทียบเท่าพระรองของเรื่องเลยล่ะ
สายลมแห่งการเปลี่ยนผ่านกำลังพัดพา
นอกจากการเมืองกับการผจญภัยแล้ว หนึ่งในเมสเซจที่ One Piece ยังคอยเน้นย้ำอยู่เสมอก็คือเรื่องราวของ ‘ยุคสมัยใหม่’ เพราะตัวละครที่อาวุโส มักจะเป็นผู้ที่ตอกย้ำถึงคำว่าหมดสมัย และจะไม่ขวางทางคนรุ่นใหม่ ซึ่งการปลดปล่อยช่วงเวลาที่คนหนุ่มสาวจะออกมาสานต่อความฝันนั้น ยังเป็นเมสเซจที่เราชอบมาก และในซีรีส์ก็ยังไว้ซึ่งหัวใจส่วนนี้ได้อย่างครบถ้วน
ความดีงามของซีรีส์ One Piece จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าอาจารย์เออิจิโระ โอดะ (Eiichirō Oda) ไม่เข้ามาคุมการสร้างเอง เพราะทั้งบท และนักแสดงถูกคัดเลือกมาด้วยการคงไว้ซึ่งหัวใจจากต้นฉบับ แม้ว่าเนื้อหาจะตัดทอนเรื่องราวกับตัวละครบางส่วนไป แต่ก็ไม่ทำให้ซีรีส์คนแสดงของ One Piece ขาดความสนุกลงไปเลย เพราะจุดที่เพิ่มเข้ามาก็ทำให้เนื้อหาน่าประทับใจซะยิ่งกว่าเดิม ซึ่งเราเชื่อเลยว่านอกจากไอเดียของอาจารย์โอดะแล้ว ถ้าหากทีมสร้างไม่ใช่แฟน One Piece จริง ๆ ก็คงไม่สามารถผลักดันให้ออกมาดีได้ขนาดนี้เป็นแน่
ท้ายที่สุดก็อยากจะบอกว่า One Piece เวอร์ชันคนแสดงคือซีรีส์ที่ดัดแปลงได้อย่างมีหัวจิตหัวใจเต็มเปี่ยม มีจุดที่ทำให้แฟนคลับต้องร้องว้าว พร้อมกันนั้นยังเปิดรับแฟนหน้าใหม่ไปด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่ทำลายคำสาปหนังที่ดัดแปลงจากการ์ตูนได้อย่างสำเร็จ จนทำให้เราแอบคิดว่าขนาด One Piece ที่ดัดแปลงยากเขายังทำให้ดีได้ ถ้าผู้สร้างใส่ใจกับมัน ให้ความรักในแบบแฟนคลับจริง ๆ เราเชื่อว่า การ์ตูนทุกเรื่องในโลกนี้ก็สามารถดัดแปลงเป็นคนแสดงได้หมดแหละ
ปล. สำหรับแฟน One Piece ซีรีส์มีทุกสิ่งที่เรารักจริง ๆ อีสเตอร์เอ้ก บทเท่ ๆ ของตัวละคร ฉากซึ้งชวนประทับใจ แม้แต่เพลงประกอบที่แสนคุ้นเคยก็มาอย่างถูกจังหวะ จนแทบจะตะโกน We Are ซะเดี๋ยวนั้นเลย