ก้าวเข้าสู่ปีที่ 17 ของจักรวาลภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จระดับโลกอย่าง Marvel Cinematic Universe หรือ 'MCU' ที่ยังคงสร้างปรากฏการณ์ความบันเทิงอย่างต่อเนื่อง ด้วยการดำเนินเรื่องราวที่เชื่อมโยงกันอย่างมีเอกลักษณ์ผ่านทางทั้งภาพยนตร์และซีรีส์ อันเป็นเสน่ห์สำคัญที่ทำให้ MCU ครองใจผู้ชมทั่วโลกมาอย่างยาวนาน บัดนี้ เรื่องราวของ 'Phase 5' ได้ปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์ด้วยซีรีส์มนุษย์หญิงเกราะเหล็ก Ironheart (2025) ซึ่งเป็นบทส่งท้ายของเฟสนี้ และในขณะเดียวกัน จักรวาล MCU ก็ได้เริ่มเปิดม่านสู่เฟสใหม่กับ 'Phase 6' อย่างเป็นทางการ ด้วยภาพยนตร์ครอบครัวซูเปอร์ฮีโร่เรื่องแรกของจักรวาลอย่าง The Fantastic Four: First Steps (2025) ที่เปรียบเสมือนเป็นการเริ่มต้นปฐมบทใหม่เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่บทสรุปของมหากาพย์สงครามครั้งใหม่อย่าง "The Multiverse Saga" รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! MCU Phase 5 เปิดฉากในปี 2023 ด้วยความตั้งใจและความพยายามของ Marvel Studios ในการวางรากฐานมหากาพย์สงครามครั้งใหม่ให้มีความชัดเจนกว่าที่ Phase 4 เคยทำ โดยเริ่มจากภาพยนตร์และซีรีส์ที่มีบทบาทสำคัญในการวางหมากให้กับเส้นเรื่องมัลติเวิร์สและการเปิดตัวมหาวายร้ายหลักในขณะนั้นอย่าง Kang the Conqueror ผ่าน Ant-Man and the Wasp: Quantumania (2023) และ LOKI Season 2 (2023) แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่บทบาทของมหาวายร้ายคนใหม่กลับไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมหรือความน่าหวาดหวั่นได้เท่าที่คาดหวังไว้ ในขณะเดียวกันก็ยังคงเล่าเรื่องราวของตัวละครที่แฟน ๆ คุ้นเคย พร้อมกับปิดฉากเส้นทางบางส่วนของพวกเขาไปอย่างงดงาม (และอาจไม่ค่อยงดงาม) ใน Guardians of the Galaxy Vol. 3 (2023) และ Secret Invasion (2023) ด้วยเรื่องราวอันหลากหลายและเชื่อมโยงกันในจักรวาล MCU ทุกการกระทำของตัวละครล้วนมีผลกระทบต่อภาพรวม และกลายเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ปูทางสู่อนาคตของจักรวาลนี้ ดังนั้น บทความ [Part] นี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่เราจะย้อนกลับไปทบทวนภาพรวมของ MCU Phase 5 โดยจะพาผู้อ่านสำรวจผลงานช่วงต้นของ MCU Phase 5 ในปี 2023 ตั้งแต่ภาพยนตร์ Ant-Man and the Wasp: Quantumania (2023) ไปจนถึงแอนิเมชั่นซีรีส์ What If...? Season 2 & 3 (2023-2024) พร้อมวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะส่งผลไปยังเรื่องราวในเฟสถัดไป และอาจกลายเป็นรากฐานสำคัญสู่การปิดมหากาพย์สงครามครั้งใหม่ The Multiverse Saga ที่หลายคนเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของจักรวาล MCU ไปตลอดกาล ประตูบานแรกสู่สงครามแห่งมัลติเวิร์ส - Ant-Man and the Wasp: Quantumania (2023) https://pbs.twimg.com/media/FmaJlPgacAEKqsX?format=jpg&name=large "I don't have to win...we both just have to lose." (ฉันไม่ต้องชนะ...แค่เราแพ้ไปด้วยกันก็พอ) - Scott Lang - เปิดศักราชปี 2023 อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยภาพยนตร์เปิดตัวอย่างเป็นทางการของ MCU Phase 5 กับ 'Ant-Man and the Wasp: Quantumania' ผลงานที่ทะเยอทะยานและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น นี่คือการผจญภัยครั้งที่สามของครอบครัวซุปเปอร์ฮีโร่แห่งโลกตัวจิ๋ว และเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของมหากาพย์สงครามครั้งใหม่ที่กำลังจะมา Paul Rudd กลับมาสวมบท Scott Lang หรือ Ant-Man พร้อมกับ Evangeline Lilly ในบท Hope van Dyne หรือ Wasp ทั้งสองต้องออกเดินทางสู่ภารกิจที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของพวกเขาไปตลอดกาล เมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่โลกใหม่ที่ลึกลับและแปลกประหลาดที่สุดอย่าง มิติควอนตัม (Quantum Realm) ร่วมด้วยพลพรรคครอบครัวที่ถูกดึงตัวเข้าสู่มิติพิศวงนี้ด้วย ทั้ง Hank Pym (Michael Douglas), Janet van Dyne (Michelle Pfeiffer) และ Cassie Lang (Kathryn Newton) ลูกสาวของสก็อต และพร้อมเปิดตัว Kang the Conqueror (Jonathan Majors) มหาวายร้ายผู้ควบคุมกาลเวลา ผู้ที่อาจเป็นต้นเหตุของมหันตภัยร้ายที่นำพาให้ทุกจักรวาลถึงคราวดับสูญ แม้จะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะภาพยนตร์เปิดตัว MCU Phase 5 อย่างเป็นทางการ แต่การผจญภัยของ Ant-Man, Wasp และครอบครัวในครั้งนี้กลับพลิกทุกความคาดหมาย ผลลัพธ์ดันไม่เปรี้ยงปร้างเท่าที่ควร! ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมาจากความทะเยอทะยานในการขยายสเกลเรื่องราวของ Ant-Man ให้ก้าวไปสู่ระดับจักรวาล จึงทำให้เอกลักษณ์อันโดดเด่นของแฟรนไชส์อย่าง 'ความสัมพันธ์อันอบอุ่นในครอบครัว' กลับไม่ได้ฉายแสงได้มากเท่าสองภาคที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์สำคัญและตัวละครภายในเรื่องยังคงมีผลกระทบมหาศาลต่อจักรวาล MCU พร้อมทั้งเปิดทางไปสู่เรื่องราวใหม่ ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ผจญภัยสู่มิติ 'ควอนตัม' | The Universe Beneath Us Still Has So Much To Explore นับตั้งแต่ประกาศชื่อภาคใหม่ Ant-Man and the Wasp: Quantumania เราก็รับรู้ได้ทันทีว่าการผจญภัยในครั้งนี้จะพาผู้ชมดำดิ่งสู่ มิติควอนตัม (Quantum Realm) มิติลึกลับที่มีบทบาทสำคัญต่อจักรวาล MCU มาอย่างยาวนาน ซึ่งหลังจากเปิดตัวครั้งแรกใน Ant-Man (2015) ในฐานะจักรวาลย่อยอะตอมที่ดำรงอยู่นอกอวกาศและเวลา มิติควอนตัมก็กลายเป็นกุญแจสำคัญของแผนปล้นเวลาที่ช่วยให้เหล่าอเวนเจอร์คว้าชัยชนะมาได้ใน Avengers: Endgame (2019) จนกระทั่งใน Quantumania มีการเปิดเผยว่ามันไม่ใช่เป็นเพียงแค่พื้นที่ที่ว่างเปล่า หากแต่เป็นจักรวาลเปิดใหม่ที่มีระบบดวงดาวเป็นของตัวเองที่เรียกว่า Sub-Atomica พร้อมกับการมีอยู่ของอารยธรรมสิ่งมีชีวิตนานาชนิด นั่นจึงทำให้เรื่องราวในมิติควอนตัมนั่นมีความน่าสนใจมากขึ้นและยังเต็มไปด้วยปริศนาอีกมากมายที่รอให้เราได้สำรวจ และไม่แน่ว่า มันอาจจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเหล่าฮีโร่กันอีกครั้งก็เป็นได้ กำเนิด 'Kang' ผู้พิชิต | A New Dynasty Was Born (But It Didn't Last Long) หลังจากประกาศเปิดตัวว่านักแสดงดาวรุ่งมากความสามารถ Jonathan Majors จะมารับบทเป็น 'Kang the Conqueror' วารร้ายสุดคลาสสิคของเหล่าอเวนเจอร์จากหน้าคอมมิค Marvel ทำให้แฟน ๆ หลายคนต่างคาดการณ์ว่า Kang จะกลายเป็นมหาวารร้ายแห่งจักรวาลคนใหม่ที่จะมาแทนที่ Thanos (Josh Brolin) ในมหากาพย์สงครามครั้งต่อไปของ MCU ซึ่งหลังจากเปิดตัว 'He Who Remain' ตัวละคร Kang ตัวแรกที่ Jonathan Majors รับบทในจักรวาล MCU และเป็นผู้สร้างองค์กรควบคุมเส้นเวลา Time Variance Authority (TVA) ในซีรีส์ยอดฮิตอย่าง LOKI (2021–2023) ใน Quantumania ก็ได้มีการเปิดตัวตัวแปรคนใหม่ของ Kang ซึ่งนั่นก็คือ Kang the Conqueror นักเดินทางข้ามเวลา ผู้ถูกเนรเทศและกักขังอยู่ในมิติควอนตัม ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวมหาวารร้ายของมหากาพย์ใหม่อย่างเป็นทางการ และต้องยอมรับว่า Jonathan Majors ถ่ายทอดบทบาทนี้ได้อย่างเข้มข้นและทรงพลัง แต่อย่างไรก็ตาม หลังจาก Quantumania ออกฉาย กระแสตอบรับจากผู้ชมกลับไม่เป็นไปตามคาด เมื่อมีผู้ชมบางส่วนมองว่า ตัวละคร Kang ที่เปิดตัวมานั้นยังไม่สามารถเทียบชั้นกับมหาวารร้ายระดับ Thanos ได้ มันจึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่หลายคนมองเช่นนั้น เนื่องจากผู้เขียนมองว่า การเปิดตัวครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่จะนำไปสู่การเปิดเผยพลังอันแท้จริงของบุรุษผู้พิชิตผู้นี้ เพราะ จุดเด่นของ Kang the Conqueror จากหน้าคอมมิค คือ เขาเป็นวารร้ายที่ไม่มีวันตาย และสามารถกลับมาท้าทายเหล่าอเวนเจอร์ได้ทุกครั้งในรูปแบบใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ซึ่งนับเป็นเสน่ห์สำคัญของตัวละครที่คาดว่า Marvel Studios ตั้งใจจะปั้นวารร้ายรองบ่อนคนนี้ให้กลายเป็นตัวละครที่มีอิทธิพลและความน่าเกรงขามเทียบเท่ากับ Thanos เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ในมหากาพย์สงครามแห่งมัลติเวิร์สที่กำลังจะมาถึง 'Cassie' ออกโรง | The Ant-Man Family Got A New Member (And Potentially, Young Avengers) เชื่อว่าหนึ่งในสิ่งที่น่าประทับใจของ Ant-Man and the Wasp: Quantumania ก็คงหนีไม่พ้นการก้าวเข้าสู่เส้นทางซูเปอร์ฮีโร่ของ Cassie Lang ลูกสาวของ Scott Lang/Ant-Man ซึ่งรับบทโดยนักแสดงสาววัยรุ่น Kathryn Newton และแม้ว่าใน Quantumania จะไม่ได้ลงลึกถึงเรื่องราวของเธอมากนัก แต่การที่เราได้เห็นเธอเข้าร่วมการต่อสู้ในฐานะฮีโร่มนุษย์มดคนใหม่ ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้คาดหวังได้ว่า เธอจะเป็นหนึ่งในตัวละครรุ่นใหม่ที่สามารถพัฒนาเรื่องราวไปได้อีกไกล และอาจกลายเป็นหนึ่งในฮีโร่คลื่นลูกใหม่ของจักรวาล ซึ่งในคอมมิค เธอมีฉายาฮีโร่ว่า Stature ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น Stinger และกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของทีมฮีโร่วัยรุ่น Young Avengers นับเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่น่าจับตามองกับการเดินทางของฮีโร่รุ่นใหม่ใน MCU ภัยร้ายจะมาเยือนเหล่าฮีโร่ | Major Threats Are Inevitable (But Who Will Come, Actually?) หากยังจำกันได้ ในฉากกลางเครดิตของ Ant-Man and the Wasp: Quantumania ได้มีการเปิดตัว The Council of Kangs ซึ่งเป็นสภารวมตัวของเหล่าตัวแปรของ Kang the Conqueror จากทั่วทุกจักรวาล นำโดยสามตัวละครหลัก ได้แก่ Immortus, Rama-Tut และ Scarlet Centurion เหล่าตัวแปรของ Kang ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในคอมมิค ซึ่งการเปิดตัวของ The Council of Kangs ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าตัวละคร Kang ที่เผชิญหน้ากับ Ant-Man ใน Quantumania ไม่ใช่เป็นเพียงภัยร้ายเดียวที่เหล่าฮีโร่ต้องกังวล แต่ยังมีเหล่าตัวแปรอีกนับพันจากทุกจักรวาลที่กำลังวางแผนเปิดศึกเพื่อชิงอำนาจเหนือมัลติเวิร์ส และอาจกลายเป็นชนวนแห่งการล่มสลายของทุกจักรวาล เพื่อปูทางไปสู่เรื่องราวในภาพยนตร์รวมซูเปอร์ฮีโร่ภาคใหม่ ภาคที่ 5-6 ของ MCU อย่าง Avengers: The Kang Dynasty และ Avengers: Secret Wars ที่ถูกประกาศออกมาก่อนหน้านี้ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่กระแสตอบรับที่ไม่เป็นไปตามคาดจากการเปิดตัว Kang the Conqueror รวมถึงปัญหาข้อพิพาททางสังคมของนักแสดง Jonathan Majors เจ้าของบท Kang the Conqueror ทำให้ Marvel Studios ต้องปรับเปลี่ยนแผนและทิศทางของเรื่องราวครั้งใหญ่ โดยการลดบทบาทของ Kang the Conqueror นับจากนี้ไป และเปลี่ยนชื่อภาคของภาพยนตร์รวมทีมอเวนเจอร์ภาคที่ 5 ใหม่เป็น Avengers: Doomsday พร้อมกับต้อนรับการกลับมาของนักแสดงระดับตำนาน Robert Downey Jr. ซึ่งเคยรับบท Tony Stark/Iron Man แต่คราวนี้เขาจะมารับบทใหม่ในจักรวาล MCU กับมหาวายร้ายคนใหม่แห่งจักรวาล Doctor Doom ซึ่งนับเป็นจุดพลิกผันครั้งสำคัญที่อาจนำไปสู่เรื่องราวใหม่ที่เข้มข้นและน่าติดตามยิ่งขึ้น บทสรุปของครอบครัวรวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล - Guardians of the Galaxy Vol. 3 (2023) https://pbs.twimg.com/media/FswLlWSXgAADQck?format=jpg&name=large "Are you ready...for one last ride?" (พร้อมหรือยัง?...สำหรับการเดินทางครั้งสุดท้าย) - Star-Lord - ผู้กำกับมากความสามารถ ไอเดียแปลกแนวอย่าง James Gunn กลับมาเขียนบทและกำกับบทสรุปส่งท้ายของแฟรนไชส์ครอบครัวฮีโร่ผู้พิทักษ์จักรวาลที่เขาเป็นผู้ให้กำเนิดใน 'Guardians of the Galaxy Vol. 3' การผจญภัยครั้งที่สามและครั้งบอกลาของแก๊งนักสู้พิทักษ์จักรวาล MCU นำโดยกัปตันทีม Peter Quill/Star-Lord (Chris Patt), Gamora (Zoe Saldaña), Drax (Dave Bautista), Mantis (Pom Klementieff), Nebula (Karen Gillan), Rocket (ให้เสียงโดย Bradley Cooper) และ Groot (ให้เสียงโดย Vin Diesel) กับภารกิจที่จะทดสอบความสัมพันธ์ของพวกเขาเอง เมื่ออดีตอันดำมืดกำลังกลับมา กลุ่มนักสู้พิทักษ์จักรวาลจึงต้องออกไปทำภารกิจเพื่อช่วยเหลือเพื่อนรักในครอบครัวให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของ The High Evolutionary (Chukwudi Iwuji) นักทดลองวิทยาศาสตร์ผู้แสวงหาความสมบูรณ์แบบ การกลับมาของแก๊งนักสู้พิทักษ์จักรวาลใน Guardians of the Galaxy Vol. 3 ได้มอบประสบการณ์ความบันเทิงอย่างเต็มอิ่มให้แก่ผู้ชมเป็นอย่างมาก ทั้งความสนุกสนาน ความตื่นเต้น และความอบอุ่นในทุกช่วงเวลา ถือเป็นบทสรุปที่สมบูรณ์แบบสำหรับไตรภาคนี้ ซึ่งนี่ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลกับการที่ได้ James Gunn กลับมารับหน้าที่เขียนบทและกำกับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะ คงไม่มีใครจะเข้าใจ และสามารถเขียนบทได้อย่างลึกซึ้ง พร้อมกับดึงเอาเสน่ห์ของเหล่าตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยมเท่ากับผู้ให้กำเนิดแฟรนไชส์เองอย่าง James Gunn อีกแล้ว ยิ่งตอกย้ำถึงสิ่งหนึ่งที่ทำให้แฟรนไชส์ Guardians of the Galaxy โดดเด่นเสมอมา ก็คือ ความบ้าบอ ตลกโปกฮา และความไร้แบบแผนของเหล่าตัวละครที่ดูเหมือนจะไม่เข้าพวกกันเลย แต่กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรักในแบบของครอบครัวที่ไม่มีใครเทียบได้ บทส่งลาของนักสู้พิทักษ์จักรวาล | The Final Mission of The Guardians Is Done (But Not Forever) หากจะเรียก Guardians of the Galaxy Vol. 3 ว่าเป็นการผจญภัยครั้งส่งท้ายอย่างยิ่งใหญ่แด่เหล่านักสู้พิทักษ์จักรวาลก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกใจนัก เพราะ หลังจากร่วมทำภารกิจปกป้องจักรวาลมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงภารกิจที่ทดสอบความเป็นครอบครัวอย่างที่สุด เหล่าตัวละครภายในทีมต่างก็ตัดสินใจแยกย้ายไปตามเส้นทางใหม่ที่ตัวเองเลือก พร้อมทั้งนักแสดงบางคนที่อาจจะขออำลาบทบาทของตัวเองในภาคนี้ไป ไม่ว่าจะเป็น Peter Quill ที่ตัดสินใจออกจากทีมและขอเลือกกลับไปใช้ชีวิตบนโลกดาวบ้านเกิด, Gamora ที่ค้นพบจุดยืนและครอบครัวใหม่ของตัวเองก็กลับไปรวมกลุ่มกับ Ravagers, Mantis ตัดสินใจออกเดินทางเพื่อค้นหาตัวเอง ในขณะที่ Nebula และ Drax ยังคงอาสาอยู่ที่ Knowhere เพื่อดูแลและปกป้องผู้คนต่อ พร้อมกับ Groot และ Rocket ที่ได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นกัปตันคนใหม่ของทีมนักสู้พิทักษ์จักรวาล ดังนั้น แม้ว่าเรื่องราวนี้จะดูเหมือนเป็นการบอกลาของตัวละครหลายตัว แต่เราก็ยังสามารถเชื่อได้ว่า นี่คงจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พบกับพวกเขาทั้งหมดแน่นอน ผู้พิทักษ์จักรวาลรุ่นใหม่ | New Guardians Are On The Way แม้ว่าทีมผู้พิทักษ์จักรวาลหลายคนต่างแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตัวเอง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจักรวาล MCU จะไร้ซึ่งผู้พิทักษ์ เพราะในฉากกลางเครดิตของ Guardians of the Galaxy Vol. 3 เผยให้เห็นการรวมทีมของเหล่านักสู้พิทักษ์จักรวาลรุ่นใหม่ที่จะมาทำหน้าที่ปกป้องจักรวาลจากภัยคุกคามต่อไป ซึ่งนำโดยกัปตันทีมคนใหม่อย่างแรคคูน Rocket, เจ้าต้นไม้ Groot, สุนัขพลังจิต Cosmo (ให้เสียงโดย Maria Bakalova), Kraglin (Sean Gunn) อดีตสมาชิก Ravagers, Adam Warlock (Will Poulter) มนุษย์สังเคราะห์ผู้ทรงพลัง, Phyla-Vell (Kai Zen) เด็กสาวพลังดวงดาว และ Blurp (ให้เสียงโดย Dee Bradley Baker) สัตว์เลี้ยงของ Adam โดยเฉพาะตัวละคร Adam และ Phyla-Vell ที่ดูจะเป็นสองฮีโร่รุ่นใหม่ที่มีศักยภาพโดดเด่นและพร้อมเติบโตสู่บทบาทที่สำคัญขึ้นในอนาคต ซึ่งพวกเขาทั้งหมดสามารถสานต่อแฟรนไชส์ Guardians of the Galaxy ด้วยภารกิจเดี่ยวปกป้องจักรวาลครั้งใหม่ หรืออาจกลับมาร่วมสมทบในภาพยนตร์รวมฮีโร่อเวนเจอร์ภาคใหม่ก็เป็นได้ ตำนาน 'Star Prince' ยังไม่จบ | The Legendary Star-Lord Never Dies และหากยังจำกันได้ ในฉากท้ายเครดิตของ Guardians of the Galaxy Vol. 3 เราจะเห็นว่า Peter Quill ได้กลับมาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาบนโลก ร่วมกับคุณตาของเขา พร้อมกับมีข้อความที่ระบุว่า "The Legendary Star-Lord will return" ซึ่งแม้ว่า Guardians of the Galaxy Vol. 3 อาจเป็นการผจญภัยอำลาของ Peter Quill ในฐานะกัปตันแห่งทีมนักสู้พิทักษ์จักรวาล แต่ข้อความดังกล่าวถือเป็นการบอกใบ้ให้แฟน ๆ ได้รู้ว่า เรื่องราวของเขายังไม่จบเพียงเท่านี้ และเราจะยังได้เห็น Chris Patt กลับมารับบทเป็น Peter Quill หรือ Star-Lord ในตำนานอีกครั้ง นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ที่พาเขาก้าวไปสู่บทบาทฮีโร่แห่งโลกที่โด่งดังไปทั่วจักรวาล Nick Fury นำทีมต่อกรกับมหันตภัยลับอำพราง - Secret Invasion (2023) "I'm the last person standing between them and what they really want." (ผมเป็นคนสุดท้ายที่ขวางทางพวกมันไม่ให้ได้สิ่งที่ต้องการ) - Nick Fury - Samuel L. Jackson กลับมาสวมบทบาทเป็น Nick Fury อดีตผู้บัญชาการหน่วย S.H.I.E.L.D. จากจักรวาล MCU อีกครั้งในมินิซีรีส์ฉายเดี่ยวของเขา 'Secret Invasion' เมื่อ Nick Fury ได้รับรู้ถึงการรุกรานอย่างลับ ๆ ที่มีเป้าหมายเพื่อยึดครองโลก โดยกลุ่มพวก Skrull เผ่าพันธ์ุมนุษย์ต่างดาวที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างและแฝงตัวได้อย่างแนบเนียน นำโดยผู้นำคนใหม่หัวรุนแรงอย่าง Gravik (Kingsley Ben-Adir) ผู้ที่แข็งกร้าวและหมดความอดทนกับสัญญาที่ Nick Fury เคยให้เอาไว้ในอดีต ส่งผลให้ Nick Fury ต้องร่วมมือกับ Talos (Ben Mendelsohn) อดีตผู้นำกลุ่ม Skrull และพันธมิตรคนสำคัญ เพื่อแข่งกับเวลาในการขัดขวางแผนการรุกรานที่อาจเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของมนุษยชาติ หากพูดถึงซีรีส์ MCU ที่แฟน ๆ ต่างยกให้เป็นหนึ่งในเรื่องที่ 'น่าผิดหวังมากที่สุด' Secret Invasion ก็คงจะเป็นชื่อที่อยู่ในอันดับต้น ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะ แม้ว่าซีรีส์จะเปิดตัวได้อย่างน่าตื่นเต้นด้วยเรื่องราวของ Nick Fury ที่ต้องรับมือกับภัยคุกคามจากเผ่า Skrull ซึ่งสามารถแปลงร่างเป็นใครก็ได้ พร้อมกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกดดันและความลึกลับที่น่าติดตาม แต่เมื่อดำเนินเรื่องไปจนถึงบทสรุป กลับกลายเป็นว่าตอนจบไม่สามารถสร้างความประทับใจได้เท่ากับตอนเปิดตัว ส่งผลให้การกระทำของตัวละครและความสูญเสียที่เกิดขึ้นระหว่างทางกลับขาดน้ำหนักและความหมายที่ควรจะมีไปโดยปริยาย นับเป็นอันดับหนึ่งของซีรีส์ที่แฟน ๆ MCU หลายคนต่างรู้สึกเสียดายมากที่สุด เพราะการผจญภัยของ Nick Fury สมควรจะยิ่งใหญ่และทรงพลังได้มากกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับส่งผลกระทบต่อจักรวาล MCU อย่างมหาศาลและขยายวงกว้างเกินกว่าที่หลายคนคาดคิด เมื่อภัยอำพรางถูกเปิดเผย | The Invasion Is Not Secret Anymore แม้ว่า Secret Invasion จะปิดฉากลงอย่างไม่ค่อยน่าประทับใจนัก แต่ตอนจบของซีรีส์กลับสร้างผลกระทบอย่างมหาศาลต่อคนทั้งโลก เมื่อประธานาธิบดี Ritson (Dermot Mulroney) แห่งสหรัฐฯ ประกาศให้ประชาชนรับรู้ถึงการมีอยู่ของเผ่าพันธุ์ Skrull ที่แฝงตัวอยู่ร่วมกับมนุษย์ พร้อมกับการประกาศสงครามกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาวทั้งหมดทั่วจักรวาล ซึ่งการตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นของ Ritson ไม่เพียงแต่จะจุดฉนวนความหวาดระแวงและความรุนแรงในสังคมเท่านั้น แต่ยังทำให้โลกตกอยู่ในความเสี่ยงจากการตั้งตนเป็นศัตรูกับเผ่าพันธุ์ต่างดาวอื่น ๆ ที่อาจซ่อนตัวอยู่บนโลก และหนึ่งในนั้นก็คือ ชาวเมือง New Asgard ที่อาจไม่พอใจกับคำประกาศของ Ritson และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่ใหญ่หลวงกว่าที่คาดคิด อย่างไรก็ตาม การตอบโต้ที่รุนแรงเกินไปของ Ritson ก็อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้เพียงแค่วาระเดียว และเปิดทางให้นายพล Thaddeus Ross (Harrison Ford) ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะนำไปสู่ชนวนความขัดแย้งระดับโลกครั้งใหม่บนเกาะเซเลสเทียลกลางมหาสมุทรในภาพยนตร์ Captain America: Brave New World (2025) ต่อไป เปิดตัวละครนำทีมฮีโร่อังกฤษ | A New Hero Joins The MCU นักแสดงสาว Emilia Clarke ก้าวเข้าสู่จักรวาล MCU เป็นครั้งแรกในบทบาท G'iah ลูกสาวของ Talos เผ่าพันธุ์ Skrull ซึ่งในตอนจบของซีรีส์ Secret Invasion เธอได้เผยให้เห็นถึงพลังอันเหนือชั้นในฐานะ Super-Skrull ที่สามารถเลียนแบบพลังของเหล่าฮีโร่และวารร้ายใน MCU ไม่ว่าจะเป็น Captain Marvel, Mantis, Drax, Thor และอีกมากมาย ด้วยความสามารถที่ทรงพลังนี้จึงทำให้ G'iah อาจกลายเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลก และบทบาทของเธอในอนาคตของ MCU ก็กำลังถูกปูทางไว้เช่นกัน เมื่อเธอได้ทำข้อตกลงกับ Sonya Falsworth เจ้าหน้าที่ MI6 ระดับสูงและพันธมิตรเก่าของ Nick Fury รับบทโดยนักแสดงมากฝีมือ Olivia Colman ซึ่งไม่แน่ว่า การร่วมมือของทั้งสองอาจเป็นก้าวสำคัญในการสร้างทีมฮีโร่รุ่นใหม่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหราชอาณาจักร และรวมไปถึงโลกทั้งใบด้วยเช่นกัน ความจริงของ 'Rhodey' | When Was 'Rhodey' Replaced? https://pbs.twimg.com/media/GIu9MGzXMAA1YC8?format=jpg&name=medium การเปิดเผยว่า James "Rhodey" Rhodes (Don Cheadle) เพื่อนสนิทของ Tony Stark/Iron Man กลายเป็น Skrull ใน Secret Invasion ถือเป็นหนึ่งในจุดพลิกผันที่สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ชม แม้ว่าหลายคนอาจจะคาดเดาไว้ล่วงหน้าแล้วก็ตาม ซึ่งในตอนจบของซีรีส์ได้เผยว่า Rhodey ตัวจริงถูกสลับตัวไปเป็นเวลานานแล้ว นำไปสู่คำถามสำคัญว่า เขาถูกเปลี่ยนตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้ว่าในซีรีส์จะมีการบอกใบ้ว่า Rhodey อาจถูกเปลี่ยนตัวไปตั้งแต่ช่วง Captain America: Civil War (2016) หลังจากเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เขาร่วงหล่นจากฟ้า แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัด ซึ่งไม่แน่ว่าในซีรีส์เดี่ยวของเขาอย่าง Armor Wars (ที่ถูกระงับการสร้างไว้ชั่วคราว) อาจได้สำรวจช่วงเวลาที่หายไปของเขา รวมถึงการยอมรับการเสียสละของ Tony Stark และความจริงที่ว่าเขาไม่ได้อยู่เคียงข้างเพื่อนรักในช่วงเวลาสุดท้าย เช่นเดียวกันกับตัวละคร Everett K. Ross (Martin Freeman) เจ้าหน้าที่ CIA และพันธมิตรของวาคานด้า ที่ยังไม่แน่ชัดว่าเขาถูกเปลี่ยนตัวไปก่อนหรือหลังเหตุการณ์ใน Black Panther: Wakanda Forever (2022) ซึ่งทำให้แฟน ๆ ต่างคาดหวังว่าภาพยนตร์ภาคต่ออย่าง Black Panther 3 จะสามารถช่วยไขปริศนาในข้อนี้ได้ ผจญภัยไปกับเจ้าต้นไม้อีกครั้ง - I Am Groot Season 2 (2023) https://pbs.twimg.com/media/GEs9HKNXUAACTyC?format=jpg&name=medium "I am Groot." (ไอ แอม กรู้ท) - Baby Groot - หลังจากฝากความน่ารัก และความไร้เดียงสาไว้ในซีรีส์แอนิเมชั่นเรื่องสั้นความยาว 5 ตอน เจ้าต้นไม้พูดได้ (แค่ประโยคเดียว) Baby Groot (ให้เสียงโดย Vin Diesel) ก็กลับมาอีกครั้งใน 'I Am Groot Season 2' พร้อมกับอีก 5 ตอนแบบสดใหม่ ที่จะพาผู้ชมออกเดินทางสู่การผจญภัยสุดป่วนในจักรวาล ผ่านเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ความโกลาหล และเสน่ห์เฉพาะตัวของตัวละครสุดน่ารักแห่งทีมพิทักษ์จักรวาล Guardians of the Galaxy ที่เด็กดูได้ และผู้ใหญ่ก็ดูดี แน่นอนว่า ซีรีส์แอนิเมชั่นเรื่องสั้น I Am Groot ยังคงพกความน่ารักทะลุจักรวาลมาเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะตัวละคร Baby Groot ที่สามารถขโมยหัวใจผู้ชมด้วยความซนและแสบในแบบที่ทุกวัยดูแล้วต้องอมยิ้ม ผ่านเรื่องราวการผจญภัยในธีมที่หลากหลายและเน้นความบันเทิงเบาสมองเป็นหลัก และแม้ว่าซีรีส์เรื่องสั้นนี้จะไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อเส้นเรื่องหลักของ MCU แต่ก็ยังมี Easter Eggs เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ให้แฟน ๆ ได้สนุกกับการสังเกต นี่คงเป็นซีรีส์เรื่องสั้นจาก MCU ที่สามารถดูง่าย ดูซ้ำได้ และเติมเต็มหัวใจด้วยความน่ารักแบบที่ไม่ต้องหาเหตุผลมาประกอบเลยซะนิด การกลับมากอบกู้ทุกเส้นเวลาแห่งมัลติเวิร์สของ Loki - LOKI Season 2 (2023) https://pbs.twimg.com/media/F9dOC9IW0AAeT1k?format=jpg&name=large Morbius: "C'mon, you're the god of mischief." (คิดสิ...นายเป็นเทพจอมเจ้าเล่ห์) Loki: "Always have been,...Always will be." (ก็เป็นตลอดมา...และจะเป็นตลอดไป) Tom Hiddleston กลับมารับบทบาทที่แฟน ๆ หลงรักอีกครั้งในจักรวาล MCU กับ Loki เทพเจ้าจอมหลอกลวงใน 'LOKI Season 2' พร้อมกับการผจญภัยของวารร้ายกลับใจที่ต่อเนื่องจากซีซั่นแรก เมื่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนำไปสู่ผลลัพธ์อันร้ายแรง โลกิจึงยังคงต้องออกค้นหาเจตจำนงเสรี พร้อมทั้งรับภารกิจสำคัญในการกอบกู้มัสติเวิร์สจากวิกฤติการล่มสลาย ร่วมกับ Mobius M. Mobius (Owen Wilson), Sylvie (Sophia Di Martino) และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ในองค์กรควบคุมเส้นเวลา Time Variance Authority (TVA) แต่จะเป็นอย่างไร เมื่อเป้าหมายที่เขาเลือกกลับนำไปสู่การเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของเขาที่อาจเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของมัสติเวิร์สไปตลอดกาล บทสรุปของซีรีส์ LOKI ซีซั่นแรกได้นำพาแฟน ๆ รับรู้ถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่เต็มไปด้วยปริศนาและความโกลาหลอันใหญ่หลวง ซึ่งทำให้การกลับมาในซีซั่นที่สองของโลกิ เราจะได้เห็นเขาทำภารกิจที่ทะเยอทะยานมากขึ้น จากวารร้ายผู้มุ่งหมายการยึดครองสู่เส้นทางของฮีโร่ผู้ต้องทำภารกิจปกป้องมัสติเวิร์ส นี่จึงเป็นหนึ่งในซีรีส์ชั้นเยี่ยมจาก MCU ที่สามารถถ่ายทอดการพัฒนาตัวละครโลกิให้กลายเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของเขา ท่ามกลางการเดินทางที่ขยายขอบเขตออกไปไกลจากเส้นเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ โลกิต้องเผชิญกับคำถามแห่งโชคชะตาและเจตจำนงเสรี ที่แม้แต่เขาเองยังยากที่จะเลือก นับเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่า Marvel Studios สามารถสร้างสรรค์เรื่องราวของตัวละครอันเป็นที่รักผ่านการสร้างโลกที่ซับซ้อนและนัยยะทางปรัชญาได้อย่างลึกซึ้ง และทำให้การเดินทางของโลกิกลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ตราตรึงมากที่สุดในจักรวาล MCU เทพเจ้าแห่งเรื่องราว 'โลกิ' | 'Loki' Finally Proves Himself To Be A God https://pbs.twimg.com/media/GStLs3BWQAAWElr?format=jpg&name=medium เพื่อปกป้องทุกเส้นเวลา โลกิจึงได้เลือกเสียสละตัวเองครั้งใหญ่ที่สุดด้วยการรวบรวมเส้นเวลาทุกแขนงมาอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา และทำให้เขากลายเป็น 'เทพเจ้าแห่งเรื่องราว (God of Stories)' ผู้ที่คอยเฝ้ามองและดูแลมัสติเวิร์สทั้งมวลในตอนจบของ LOKI Season 2 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงการบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของโลกิ แต่ยังเผยให้เห็นถึงความขมขื่นที่ซ่อนอยู่ภายใน เพราะ แม้ว่าเขาจะสามารถรักษาเจตจำนงเสรีเอาไว้ได้ พร้อมทั้งครอบครองบัลลังก์และจุดมุ่งหมายอันรุ่งโรจน์ที่เฝ้าฝันมาตลอด แต่ทั้งหมดนี้กลับต้องแลกมาด้วยการเผชิญหน้ากับความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาเอง นั่นคือ ความโดดเดี่ยวอันเป็นนิรันดร์ นับเป็นความซับซ้อนของโชคชะตาที่แม้แต่วีรบุรุษก็ยังต้องเผชิญกับราคาที่ต้องจ่ายเพื่อผลประโยชน์ของผู้คนนับล้าน การเปลี่ยนสถานะของโลกิให้กลายเป็น 'เทพเจ้าแห่งเรื่องราว' ได้เปิดประตูสู่บทบาทสำคัญของเขาในมหาสงครามแห่งมัลติเวิร์ส Avengers: Secret Wars ที่กำลังจะมาถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีรายชื่อของนักแสดง Tom Hiddleston กลับมารับบทโลกิอีกครั้งในภาพยนตร์ Avengers: Doomsday ก่อนเข้าสู่ Secret Wars นั่นจึงทำให้ความสำคัญของเขายิ่งเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ เพราะ ในฐานะเทพเจ้าแห่งเรื่องราว โลกิอาจกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของ Doctor Doom ที่หมายมั่นจะแย่งชิงพลังอำนาจในการควบคุมมัลติเวิร์สเพื่อสร้างจักรวาลใหม่ในแบบของเขาเองอย่าง Battleworld ตามแบบในฉบับคอมมิค นี่จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าจับตามอง ซึ่งอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างสองตัวละครอันทรงพลังแห่งจักรวาล MCU ก้าวต่อไปของ 'TVA' | The 'TVA' Is About To Change A Lot https://pbs.twimg.com/media/GStLsrrW0AA4lft?format=jpg&name=medium แม้ว่าวัตถุประสงค์แรกเริ่มจะเป็นการปกป้องเส้นเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ แต่ด้วยการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของโลกิ ทำให้องค์กรควบคุมเส้นเวลาอย่าง Time Variance Authority (TVA) ต้องมีการปรับโฉมใหม่ และให้ความสำคัญกับการดูแลเส้นเวลาที่แตกแขนงออกไปอย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมทั้งคอยจับตาดูและประเมินภัยจากเหล่าตัวแปรของ Kang the Conqueror เพื่อป้องกันและหยุดยั้งการล่มสลายของมัลติเวิร์ส ดังนั้น บทบาทขององค์กรควบคุมเส้นเวลา TVA จึงยังไม่ได้สิ้นสุดเพียงเท่านี้ และเป็นไปได้ว่า พวกเขาจะกลับมามีบทบาทสำคัญในภาพยนตร์อเวนเจอร์ภาคใหม่อย่าง Avengers: Doomsday และ Avengers: Secret Wars อย่างแน่นอน ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการรับมือกับสงครามระหว่างจักรวาลครั้งยิ่งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า เช่นเดียวกันกับตัวละครเจ้าหน้าที่ TVA ที่อาจกลับมามีบทบาทสำคัญใน MCU อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Hunter B-15 (Wunmi Mosaku), Ouroboros (Ke Huy Quan), Casey (Eugene Cordero) และ Mobius M. Mobius (Owen Wilson) แม้ว่าในตอนจบของ LOKI Season 2 จะเปรียบเสมือนเป็นบทสรุปการเดินทางของ Mobius ไปแล้ว หรือแม้กระทั่ง Sylvie (Sophia Di Martino) ตัวแปรของโลกิจากอีกเส้นเวลา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในทั้งสองซีซั่น มีความเป็นไปได้ที่เธออาจเข้าร่วมกับ TVA เพื่อช่วยดูแลมัลติเวิร์สตามเจตจำนงเสรีที่โลกิได้มอบให้ อย่างไรก็ตาม องค์กรควบคุมเส้นเวลา TVA จะกลับมาปรากฎตัวและมีบทบาทสำคัญเร็วกว่าที่คาดไว้อีกครั้งในภาพยนตร์แอนตี้ฮีโร่สุดมันส์อย่าง Deadpool & Wolverine (2024) เรื่องราวของผู้พิชิต และเหล่าตัวแปร | This Might Be The End Of The Line For 'Kang The Conqueror' เรื่องราวใน LOKI Season 2 ได้มีการแนะนำตัวแปรคนใหม่ของ Kang the Conqueror หรือ He Who Remain ผู้ก่อตั้งองค์กรควบคุมเส้นเวลา TVA นั่นก็คือ Victor Timely (Jonathan Majors) นักประดิษฐ์สติเฟื่องผู้มีบทบาทสำคัญในภารกิจปกป้องเส้นเวลาของโลกิ ตัวละครนี้ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในฉากท้ายเครดิตของภาพยนตร์ Ant-Man and the Wasp: Quantumania (2023) ซึ่งเป็นการปูทางไปสู่บทบาทที่ยิ่งใหญ่ขึ้นของ Kang the Conqueror ในมหากาพย์ 'The Multiverse Saga' แต่อย่างไรก็ตาม จากการเสียสละของโลกิ และการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร TVA ที่เริ่มติดตามตำแหน่งและกิจกรรมทั้งหมดของเหล่าตัวแปร Kang the Conqueror จึงทำให้เกิดข้อสันนิษฐานว่า LOKI Season 2 อาจเป็นบทสรุปเรื่องราวของ Kang the Conqueror ในมหากาพย์นี้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อภาพยนตร์อเวนเจอร์ภาคใหม่มีการเปลี่ยนชื่อจาก Avengers: The Kang Dynasty กลายเป็น Avengers: Doomsday พร้อมทั้งเปลี่ยนโฟกัสให้ Doctor Doom กลายเป็นมหาวารร้ายแห่งมหากาพย์คนใหม่แทนที่ Kang the Conqueror ไปแล้ว อีกหนึ่งตัวละครที่น่าจับตามองใน LOKI Season 2 คือ Ravonna Renslayer (Gugu Mbatha-Raw) อดีตผู้พิพากษาแห่ง TVA ผู้มุ่งมั่นค้นหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังพร้อมกับอำนาจเหนือทุกสิ่ง ซึ่งในตอนจบของซีซั่น เราได้เห็นว่า Ravonna ปรากฎตัวอยู่ใน The Void สถานที่ซึ่งเป็นเศษซากของเส้นเวลาที่ถูกทำลายโดย TVA พร้อมเผชิญหน้ากับ Alioth สิ่งมีชีวิตกินสสารอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งแม้ชะตากรรมของเธอจะยังคงเป็นปริศนา แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าเธออาจรอดชีวิตอยู่ใน The Void โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดเผยว่าเธอเคยมีความสัมพันธ์กับ He Who Remain ผู้ก่อตั้ง TVA และเจ้าของปราการ Citadel at the End of Time สถานที่ที่ใช้เฝ้ามองเส้นเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ นี่จึงอาจเป็นสัญญาณบอกใบ้ว่า การเดินทางของเธอยังไม่จบเพียงเท่านี้ และมีโอกาสที่เธอจะกลับมามีบทบาทในช่วงสุดท้ายของมหากาพย์ The Multiverse Saga ที่กำลังจะมาถึงก็เป็นได้ การผจญภัยของสามฮีโร่สาวแห่ง MCU - The Marvels (2023) https://pbs.twimg.com/media/F8FPAhJbMAAVeTI?format=jpg&name=large Carol: "I would never choose to bring anybody into this." (ฉันจะไม่เลือกพาใครมายุ่งกับเรื่องนี้) Monica: "You are not the only thing standing between this and the universe." (เธอไม่ใช่คนเดียวที่ขวางสิ่งนี้กับจักรวาลนะ) หลังจากออกปฏิบัติภารกิจในอวกาศมาเป็นเวลาหลายปี นักแสดงสาว Brie Larson กลับมารับบทเป็น Carol Danvers/Captain Marvel กัปตันตัวแม่ผู้ทรงพลังแห่งจักรวาล MCU อีกครั้งใน 'The Marvels' กับภารกิจปกป้องจักรวาลครั้งใหม่ที่ครานี้เธอจะไม่ได้ลุยเดี่ยว ซึ่งหลังจากทวงคืนอิสรภาพจากจักรวรรดิครี ภารกิจใหม่ได้นำพาเธอไปพบกับรูหนอนลึกลับที่ผิดปกติในห้วงอวกาศ ส่งผลให้พลังของเธอเข้าไปพัวพันกับพลังของอีกสองสาว คนแรก คือ สาวน้อยติ่งแฟนพันธ์ุแท้จากเมืองเจอร์ซีย์ Kamala Khan/Ms. Marvel (Iman Vellani) และอีกคน คือ หลานสาวที่ห่างเหินของเธอเองอย่างกัปตัน Monica Rambeau (Teyonah Parris) แห่งหน่วย S.A.B.E.R. ทั้งสามต้องร่วมมือกันอย่างเร่งด่วน เพื่อหยุดยั้งภัยมหันตภัยครั้งใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบต่อทั้งจักรวาล ในขณะที่ภาคแรกของตัวละครใน Captain Marvel (2019) มีความจริงจังของเรื่องราวค่อนข้างในระดับนึง ภาคต่ออย่าง The Marvels กลับสร้างความแตกต่างด้วยการมอบเรื่องราวการผจญภัยที่ดูแล้วสนุกสนาน เฮฮา และย่อยง่าย พร้อมด้วยเคมีระหว่างสามตัวละครหลักที่เป็นจุดเด่นอันสำคัญ และทำให้ฉากแอ็กชั่นของพวกเธอทั้งสามมีความน่าตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ด้วยความยาวของ The Marvels ที่มีเพียงแค่ 1 ชั่วโมง 45 นาที ซึ่งถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่สั้นที่สุดใน MCU เรื่องราวจึงขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนขาดน้ำหนักและอารมณ์ร่วมที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูมีมิติไปเยอะมาก นี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ The Marvels ไม่ประสบความสำเร็จทางด้านรายได้เมื่อเทียบกับภาคแรก แม้ว่าจะมีเรื่องราวการผจญภัยในจักรวาลที่น่ายอดเยี่ยมก็ตาม บทบาทต่อไปของ 'Captain Marvel' | What's Next For 'The Annihilator'? https://pbs.twimg.com/media/F-jQYzzakAAmoVL?format=jpg&name=large แรกเริ่มเดิมที การผจญภัยท่องอวกาศในครั้งนี้ได้รับการวางตัวให้เป็นภาคต่อของการผจญภัยของฮีโร่สาว Carol Danvers ภายใต้ชื่อ 'Captain Marvel 2' ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นภาพยนตร์รวมทีม The Marvels พร้อมกับการปรากฏตัวของสองฮีโร่สาวที่เข้ามาร่วมทำภารกิจอันน่าตื่นเต้นนี้ ซึ่งแม้ว่าในตอนจบของ The Marvels จะเผยให้เห็นว่า Carol Danvers/Captain Marvel ตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตบนโลกเพื่อเฝ้ารอคอยหลานสาวที่หายตัวไป และแม้ว่าจะไม่มีคำบอกใบ้ถึงการผจญภัยครั้งต่อไปของเธออย่างชัดเจน แต่เราก็เชื่อมั่นได้ว่า เรื่องราวของเธอยังคงไม่สิ้นสุดเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเธอได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการไว้วางใจและเชื่อมั่นในผองเพื่อน ทำให้ชัดเจนว่าการเดินทางของ Carol Danvers ในจักรวาล MCU จะยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งอาจเป็นการผจญภัยเดี่ยวครั้งต่อไปของเธอเองใน 'Captain Marvel 3' หรืออาจเป็นภาพยนตร์รวมทีมกันอีกครั้งใน 'The Marvels 2' ก็เป็นได้ อีกหนึ่งประเด็นที่น่าจับตามองและอาจบอกใบ้ถึงการผจญภัยครั้งต่อไปของ Carol Danvers/Captain Marvel ได้ คือ ฉายาใหม่ที่เธอได้รับจากเผ่าพันธุ์ครีว่า 'The Annihilator' (ผู้ทำลายล้าง) ซึ่งชื่อที่เธอได้รับนี้มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจาก 'The Annihilators' เป็นชื่อของทีมฮีโร่ระดับจักรวาลอันทรงพลังจากหน้าคอมมิค ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องจักรวาลจากภัยคุกคามครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีข่าวลือหนาหูว่า Marvel Studios กำลังพัฒนาเรื่องราวที่ดัดแปลงมาจาก The Annihilators นั่นจึงเป็นไปได้ว่า Carol Danvers/Captain Marvel อาจจะได้เป็นผู้นำในการรวบรวมเหล่าฮีโร่ทรงพลังจากทั่วจักรวาล เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับหายนะระดับจักรวาลครั้งใหม่ ซึ่งมันอาจหมายถึงสงครามระหว่างมัลติเวิร์สที่กำลังคืบคลานเข้ามาก็เป็นได้ ตื่นขึ้นมาในจักรวาลใหม่ | The New Universe Is Introducing (And It Might Be The One You Already Knew) https://pbs.twimg.com/media/F-jEgtYacAA8vVJ?format=jpg&name=large หากยังจำกันได้ ในฉากกลางเครดิตของ The Marvels ได้เผยให้เห็นว่า Monica Rambeau ได้ตื่นขึ้นมาในจักรวาลใหม่ และได้พบกับตัวแปรคุณแม่ของเธอ Maria Rambeau (Lashana Lynch) ซึ่งในจักรวาลนี้เธอเป็นฮีโร่ที่มีสมญานามว่า Binary แต่ที่สร้างความตื่นเต้นยิ่งกว่า คือ การปรากฏตัวของตัวละครมนุษย์กลายพันธ์ุสุดคุ้นหน้าอย่าง Beast หรือ Dr. Hank McCoy ซึ่งได้นักแสดง Kelsey Grammer กลับมารับบทเดิมจากแฟรนไชส์ภาพยนตร์ X-Men ของ Fox การที่ทั้งสองตัวละครนี้ปรากฏตัวถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า Monica ได้เข้าไปอยู่ในจักรวาลใหม่ที่มีเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ X-Men เป็นฮีโร่ของโลก อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าจักรวาลใหม่นี้เป็นจักรวาลเดียวกับ X-Men ของ Fox หรือไม่ แต่นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญว่า Marvel Studios กำลังจะนำเรื่องราวของมนุษย์กลายพันธ์ุ X-Men เข้าสู่ MCU ในไม่ช้า หนึ่งในประเด็นสำคัญที่น่าจับตาจากฉากกลางเครดิตของ The Marvels คือ การกระตุ้นให้เกิด Incursion หรือการชนกันของจักรวาล ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่ Monica Rambeau ได้หลุดเข้าไปในอีกจักรวาลหนึ่ง และจากคำบอกเล่าใน Doctor Strange in the Multiverse of Madness (2022) ยิ่ง Monica ใช้เวลาในจักรวาลใหม่นี้นานเท่าไร Incursion ก็จะเกิดขึ้นเร็วขึ้น นี่อาจจะเป็นการบอกใบ้ถึงการชนกันของสองจักรวาลระหว่างจักรวาลหลักของ MCU (Earth-616) กับจักรวาลใหม่ที่เต็มไปด้วยเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ X-Men ความขัดแย้งครั้งใหญ่นี้อาจนำไปสู่การปะทะกันของเหล่าฮีโร่จากทั้งสองโลกใน Avengers: Doomsday ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง เพื่อปูทางไปสู่เรื่องราวการกอบกู้มัลติเวิร์สใน Avengers: Secret Wars ทีมฮีโร่รุ่นใหม่กำลังจะมา | Young Heroes Are Forming A Team https://x.com/captainmarvel/status/1724880196652925205 ในตอนจบของ The Marvels เราจะได้เห็นว่า Kamala Khan/Ms. Marvel ได้รับแรงบันดาลใจจากการร่วมทีมกับฮีโร่รุ่นพี่ ซึ่งทำให้เธอเกิดความปรารถนาที่จะสร้างทีมฮีโร่เป็นของตัวเอง สมาชิกคนแรกที่เธอเลือกทาบทาม คือ Kate Bishop (Hailee Steinfeld) ฮีโร่สายธนูรุ่นใหม่จากซีรีส์ Hawkeye (2021) พร้อมกับแอบบอกใบ้ถึงสมาชิกคนถัดไปอย่าง Cassie Lang (Kathryn Newton) ลูกสาวของ Ant-Man ซึ่งปรากฏตัวในภาพยนตร์ Ant-Man and the Wasp: Quantumania (2023) แผนการรวมทีมของ Kamala Khan ที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นสิ่งที่ยืนยันได้แล้วว่า Marvel Studios กำลังวางแผนสร้างทีมฮีโร่วัยรุ่น Young Avengers หรือ Champions จากหน้าคอมมิค ที่ซึ่งจะกลายมาเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการรับมือกับมหาสงครามที่กำลังจะมาถึง นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งสัญญาณให้แฟน ๆ รับรู้อีกว่า ภาพยนตร์หรือซีรีส์ของทีมฮีโร่รุ่นใหม่นี้อาจจะกำลังได้เปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ เปิดตัวหน่วยพิทักษ์ | 'S.A.B.E.R.' Is Now On Duty https://x.com/captainmarvel/status/1721256070348189852/video/1 หลังจากที่หน่วยปกป้องโลก S.H.I.E.L.D. ล่มสลาย แถมหน่วยสังเกตการณ์ภัยเหนือธรรมชาติอย่าง S.W.O.R.D. ก็ถูกสอบสวนจากการใช้อำนาจในทางที่ผิด บัดนี้ถึงเวลาของสถานีอวกาศหน่วยใหม่ของ Nick Fury (Samuel L. Jackson) ที่จะมาคอยตรวจสอบและวางแผนรับมือจากภัยคุกคามนอกโลกกับ 'S.A.B.E.R.' หรือ The Strategic Aerospace Biophysics and Exolinguistic Response ระบบป้องกันอวกาศเชิงยุทธศาสตร์และการตอบสนองจากนอกโลก ซึ่งปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในฉากท้ายเครดิตของ Spider Man: Far From Home (2019) การมาถึงของหน่วย S.A.B.E.R. ซึ่งเป็นองค์กรใหม่ที่ไม่ได้อิงจากหน้าคอมมิค ถือเป็นจุดเริ่มต้นของภารกิจใหม่นอกโลกของ Nick Fury และทีมเจ้าหน้าที่ชุดใหม่ของเขา ซึ่งจะกลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวสำคัญที่สามารถหยิบมาเล่าในอนาคตได้อย่างน่าสนใจ และเป็นที่แน่นอนว่า Nick Fury และหน่วย S.A.B.E.R. จะกลับมามีบทบาทอีกครั้งใน MCU เพื่อเตรียมรับมือกับสงครามระหว่างจักรวาลครั้งใหม่ที่กำลังจะมาถึง ออกผจญภัยสู่ความเป็นไปได้อันไร้ที่สิ้นสุดเป็นครั้งสุดท้าย - What If...? Season 2 (2023) & Season 3 (2024) "With some mysteries, the only answer...is 'What If?'." (คำเดียวที่อาจไขปริศนาครั้งนี้ได้ คือ 'สมมุติว่า') - The Watcher - ด้วยความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดของมัลติเวิร์ส ซีรีส์แอนิเมชั่นเรื่องแรกจาก Marvel Studios ที่ตอนนี้ได้อยู่ภายใต้แบนเนอร์ใหม่สำหรับผลงานแอนิเมชั่นในชื่อ Marvel Animation อย่าง 'What If...?' จึงได้กลับมาอีกครั้งใน Season 2 (2023) และ Season 3 (2024) ซึ่งเป็นซีซั่นสุดท้ายของซีรีส์ชุดนี้ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยของความเป็นไปได้นับอนันต์ในจักรวาลคู่ขนานต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยตัวละครฮีโร่และวารร้ายทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ผ่านการบอกเล่าและเฝ้ามองของ The Watcher (ให้เสียงโดย Jeffrey Wright) และการผจญภัยของอีกหนึ่งตัวละครสำคัญประจำซีรีส์ชุดนี้อย่าง Captain Carter (ให้เสียงโดย Hayley Atwell) อย่างที่เคยกล่าวไป สิ่งที่ทำให้ What If...? กลายเป็นรูปแบบการเล่นแบบใหม่ที่น่าสนใจของ MCU คือ การนำเสนอเรื่องราวอย่างไร้ข้อจำกัดในเส้นเวลาและเหตุการณ์ที่ไม่ผูกมัดกับเนื้อหาหลักของ MCU ซึ่งนำไปสู่การเปิดพื้นที่ให้กับจินตนาการและการทดลองเล่าเรื่องในรูปแบบใหม่ที่เฉพาะตัวและโดดเด่นไม่เหมือนใคร แน่นอนว่า แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องราวที่แยกขาดจากเส้นเรื่องหลัก แต่ทุกตอนที่เกิดขึ้นในซีรีส์เรื่องนี้ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของมัลติเวิร์สอันกว้างใหญ่ ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมของจักรวาล MCU โดยที่คุณไม่รู้ตัว ความสำคัญของทีม 'The Exiles' | The New Multiversal Team Could Potentially Come Back In Multiversal Wars อย่างที่ทราบกัน ใน What If...? Season 3 ได้มีการเปิดตัวทีมพิทักษ์มัลติเวิร์สกลุ่มใหม่ในชื่อ The Exiles ซึ่งประกอบไปด้วยตัวละครจากหลากหลายจักรวาลที่รวมตัวกันเพื่อปกป้องมัลติเวิร์สจากภัยคุกคามครั้งใหญ่ นำโดย Captain Carter กัปตันแห่งทีม Guardians of the Multiverse, Kahhori (ให้เสียงโดย Devery Jacobs) หญิงสาวชาวโมฮอว์กผู้ที่ได้รับพลังจาก Space Stone, Byrdie (ให้เสียงโดย Natasha Lyonne) ลูกสาวของ Howard the Duck และ Darcy Lewis จากจักรวาลคู่ขนาน และ Storm (ให้เสียงโดย Alison Sealy-Smith) มนุษย์กลายพันธ์ผู้ควบคุมดินฟ้าอากาศ และเทพีแห่งสายฟ้าผู้ครอบครองค้อนศักดิ์สิทธิ์ Mjolnir ซึ่งแม้ว่าตัวละครหลักบางตัวอาจจากไปในตอนสุดท้ายของซีรีส์ แต่สิ่งที่ชัดเจน คือ ทีมฮีโร่กลุ่มนี้อาจเป็นแนวหน้ากลุ่มแรกในการรับรู้และรับมือกับภัยอันตรายที่กำลังปะทุขึ้นในสงครามแห่งมัลติเวิร์ส และนั่นอาจเป็นโอกาสสำคัญที่เปิดทางให้พวกเธอกลับมามีบทบาทอีกครั้งในมหากาพย์สงครามครั้งใหม่ของ MCU และอาจปรากฏตัวในฉบับคนแสดงในอนาคตก็เป็นได้ จากทั้งหมดข้างต้น เรียกได้ว่า ปี 2023 ทำหน้าที่เป็นบทเปิดของ MCU Phase 5 อย่างเต็มรูปแบบ แม้ว่าผลงานแต่ละเรื่องในช่วงต้นเฟสจะมีน้ำหนักและกระแสตอบรับที่แตกต่างกันไปบ้าง และก็อาจจะต้องยอมรับว่า แผนการเปิดตัวมหาวารร้ายคนใหม่ไม่ได้ถึงขั้นประสบความสำเร็จเท่าที่คาดหวังไว้ แต่ระหว่างทางก็ยังเต็มไปด้วยช่วงเวลาที่น่าจดจำและน่ามหัศจรรย์ พร้อมกับเศษชิ้นส่วนสำคัญที่ค่อย ๆ ประกอบขึ้นเป็นภาพใหญ่ของจักรวาล ซึ่งอาจกลายเป็นรากฐานสำคัญสู่เรื่องราวในอนาคต และนำไปสู่บทสรุปของมหากาพย์สงครามแห่งมัลติเวิร์สที่กำลังรอคอยอยู่เบื้องหน้า บทความที่เกี่ยวข้อง REVIEW! THE MARVELS (2023) รวมพลังฮีโร่สาวพิทักษ์จักรวาล REVIEW! Guardians of the Galaxy Vol. 3 (2023) บทสรุปของครอบครัวรวมพันธ์ุนักสู้พิทักษ์จักรวาล REVIEW! Ant-Man and the Wasp: Quantumania (2023) เปิดเฟสได้ดีในระดับที่สนุก แต่ต้องแลกด้วยอะไรบางอย่าง MCU PHASE 4: เฟสที่กล้าแตกต่าง แต่มากด้วยบทเรียน ขอบคุณข้อมูล และรูปภาพ ข้อมูลและ ภาพปก (Ant-Man, Guardians, Secret Invasion, Loki, The Marvels, What If...?) จาก Official X Ant-Man, Guardians of the Galaxy, Secret Invasion, Loki, Captain Marvel และ What If...? ภาพประกอบที่ 1 | ภาพประกอบที่ 2(ซ้าย, กลาง, ขวา) | ภาพประกอบที่ 3 | ภาพประกอบที่ 4 | ภาพประกอบที่ 5 จาก Official X Ant-Man ภาพประกอบที่ 6 | ภาพประกอบที่ 7 | ภาพประกอบที่ 8 | ภาพประกอบที่ 9 จาก Official X Guardians of the Galaxy ภาพประกอบที่ 10 | ภาพประกอบที่ 11 | ภาพประกอบที่ 12(ซ้าย, ขวา) | ภาพประกอบที่ 13 จาก Official X Secret Invasion ภาพประกอบที่ 14 จาก Official X Guardians of the Galaxy ภาพประกอบที่ 15 | ภาพประกอบที่ 16 | ภาพประกอบที่ 17 | ภาพประกอบที่ 18(ซ้าย, ขวา) จาก Official X Loki ภาพประกอบที่ 19 | ภาพประกอบที่ 20 | ภาพประกอบที่ 21 | ภาพประกอบที่ 22 | ภาพประกอบที่ 23 จาก Official X Captain Marvel ภาพประกอบที่ 24 | ภาพประกอบที่ 25 จาก Official X What If...? จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !