การศึกษา เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์ทุกคน เพราะการศึกษาจะพัฒนาศักยภาพของทุกคนให้ดีขึ้น และนำความรู้ นำวิชาเหล่านั้น มาพัฒนาประเทศชาติต่อไป แต่ก็ยังมีพื้นที่ห่างไกลอีกมากมาย ที่การศึกษายังไม่มีระบบที่ดีเท่าที่ควร จึงทำให้เยาวชนได้รับการศึกษาอย่างไม่เต็มรูปแบบ ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง จึงทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับโรงเรียนที่อยู่ในตัวเมืองได้ และความเหลื่อมล้ำนี่เอง จึงได้ถูกนำมาตีแผ่เป็นบทเพลง เพื่อให้ทุกคนได้มองเห็นพื้นที่เล็ก ๆ ที่ยังต้องการความช่วยเหลือ และต้องการความเท่าเทียมทางการศึกษา นั่นคือบทเพลง โรงเรียนของหนูภาพฟรีจาก pixabayโรงเรียนของหนู บทเพลงจากอัลบั้ม บันทึกการเดินทาง พ.ศ. 2534 ของพี่ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ นักร้องตำนานเพื่อชีวิต ที่มีผลงานเพลงมากมายที่ล้วนแต่มีความหมายดี ๆ ทั้งสิ้น รวมถึงเพลงโรงเรียนของหนู ที่สะท้อนให้เห็นภาพของการศึกษาไทย ที่ยังไม่ก้าวไกลแบบทั่วถึง เพราะยังมีโรงเรียนเล็ก ๆ ที่อยู่บนดอย หรือแถบชนบท ถิ่นทุรกันดาร ที่ยังได้รับการศึกษาได้ไม่ดีเท่าที่ควรบ้านอยู่ไกลทุรกันดาร โรงเรียนอยู่หลังเขา มีแต่เราพวกเราไม่มีใคร ยามร้อนแสนร้อน ยามหนาวก็หนาวถึงใจ ไม่มีผ้าห่มคลุมกายท่อนแรก ๆ ของเพลง ที่สามารถบรรยายภาพความเป็นอยู่ของเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี เป็นหมู่บ้านชนบท ที่อยู่ห่างไกล ถิ่นทุรกันดารที่ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงขาดแคลน ไม่มีแม้แต่เครื่องนุ่งห่มยามเหน็บหนาว อยู่ในที่ที่ไม่มีใครอยากจะเข้าไปพัฒนา เพราะระบบการศึกษา หรือระบบราชการส่วนใหญ่ ก็จะให้ความสนใจกับพื้นที่ ที่มีความเจริญเท่านั้น เพราะคิดว่าพัฒนาได้ง่ายกว่า และประสบความสำเร็จมากกว่า จึงทำให้โรงเรียนที่อยู่ห่างไกล ไม่ได้รับสิ่งที่ควรจะได้อย่างเต็มที่ภาพฟรีจาก pixabayโรงเรียนมีครูหนึ่งคน ครูผู้เสียสละตน อดทนอยู่ห่างไกลความสบาย และเนื้อเพลงก็ทำให้เราได้เห็นภาพที่น่าเห็นใจมากยิ่งขึ้น เพราะโรงเรียนที่นั่น มีครูเพียงคนเดียว เป็นครูผู้อุทิศตน เพื่อการศึกษา จึงทำให้เห็นว่า แม้ในความลำบาก ในถิ่นทุรกันดาร แต่ก็ไม่สามารถทำให้ความเป็นครูนั้นเสื่อมถอยลงได้ เพราะทุกคนที่ได้ชื่อว่าครู ย่อมไม่เลือกปฏิบัติ ไม่เลือกสอนศิษย์ ไม่เลือกสถานที่ เพราะไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่แห่งใด ครูก็ย่อมเป็นครูเสมอ ด้วยจิตวิญญาณที่เปี่ยมล้น เพียงแต่หากหน่วยงานใหญ่ ๆ ให้ความสำคัญอย่างเท่าเทียมกัน นักเรียนที่อยู่ห่างไกล ก็สามารถพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่เช่นกันภาพฟรีจาก pixabayใช่จะวอนให้เห็นใจ ความสำนึกต่อเพื่อนไทย ไทยกับไทยไยแตกต่างกันประโยคนี้เป็นประโยคที่กัดกินใจผู้เขียนมากที่สุด ในฐานะครูคนหนึ่ง ที่สอนโรงเรียนถิ่นทุรกันดารเช่นกัน และเกิดคำถามกับตัวเองบ่อยครั้ง ว่าทำไมเป็นโรงเรียนเหมือนกัน แต่ได้รับหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่เท่าเทียมกัน หน่วยงานราชการใหญ่ ๆ รวมไปถึงระบบการศึกษา ไม่ค่อยให้ความสนใจโรงเรียนเล็ก ๆ เท่าที่ควร เพราะต่างคิดว่าพัฒนาได้ยาก ไม่มีความก้าวหน้า ทั้งที่เป็นคนไทยเหมือนกัน แต่เด็ก ๆ กลับได้รับสิ่งต่าง ๆ ไม่เท่าเทียมกันโรงเรียนของหนู อยู่ไกล ไกล ไกล อยากให้คุณคุณหันมอง โรงเรียนของหนูประโยคสุดท้ายของเพลง ที่ทำให้หัวใจคนเป็นครูสงสารจับใจ เพราะเข้าใจความรู้สึก ของเด็ก ๆ เหล่านี้ดีว่า ทุกคนต่างก็ต้องการความเสมอภาค ต้องการได้รับการพัฒนา อย่างเท่าเทียม เหมือนที่โรงเรียนใหญ่ ๆ ในเมืองได้รับการพัฒนา เขาไม่ผิดที่อยู่ห่างไกล ระบบการศึกษาต่างหาก ที่ต้องเข้าถึงให้มากกว่านี้ภาพฟรีจาก pixabayในฐานะครูผู้อยู่ห่างไกล ผู้เขียนขอให้เพลงนี้ เป็นบทเพลงแทนใจเด็ก ๆ ทุกคน ที่ต้องการระบบการศึกษาที่ทั่วถึง ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เหมือนโรงเรียนใหญ่ ๆ ที่ได้รับ และต้องการให้ทุกคนมองเห็นพวกเขาเหล่านั้น เป็นอนาคตของชาติ ที่ต้องได้รับการการศึกษาอย่างดีที่สุด เพื่อนำความรู้เหล่านั้นไปพัฒนาประเทศชาติต่อไปภาพหน้าปกฟรีจาก pixabay