สวัสดีคนรักหนังทุกๆ ท่าน! "The Flash" (2023) จะพาเราดำดิ่งสู่โลกอันน่าตื่นเต้นของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์ กำกับการแสดงโดย Andy Muschietti ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ตัวละครอย่างแบร์รี่ อัลเลน กลับมามีบทบาทโดดเด่นอีกครั้งหลังจากที่ Justice League The Snyder's Cut จบไป มารอบนี้อาจจะทำให้เราได้ตื่นตาตื่นใจไปกับฉากสวยๆ และนักแสดงรับเชิญที่หลายคนคิดถึง รวมทั้งจะเป็นภาพยนตร์ภาคที่จะมารีบูทจักรวาล DC ใหม่ (DC น่าจะวนอยู่แค่นี้แหละ มันเป็นอาถรรพ์) แต่ยังไงแล้วก็ต้องลองติดตามดูกันต่อไปว่าเนื้อเรื่องของทางจักรวาลนี้เขาจะเป็นอย่างไรต่อไป"The Flash" ติดตามการเดินทางของแบร์รี อัลเลน ซึ่งแสดงโดย Ezra Miller นักนิติวิทยาศาสตร์ผู้ซึ่ง ได้รับความเร็วเหนือมนุษย์อย่างไม่น่าเชื่อหลังจากเกิดอุบัติเหตุประหลาดในห้องทดลองของเขา เมื่อแบร์รี่รวบรวมพลังที่เพิ่งค้นพบ เขากลายเป็นชายที่เร็วที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ สามารถแทรกแทรงเวลา และจักรวาลได้ อย่างไรก็ตาม โลกของเขากลับตาลปัตรเมื่อเขาค้นพบแผนชั่วร้ายโดยวายร้ายลึกลับที่จะเปลี่ยนแปลงไทม์ไลน์ (ใบ้ให้ครับ วายร้ายก็คือตัวมันเองนี่แหละ) และเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ (อีกแล้ว)แบร์รี่พาเราไปผจญภัยกับเวลาเพื่อช่วยคนที่เขารักจนทำให้หลายอย่างเกิดความผิดพลาด โดยในระหว่างทางเขาได้พบกับตัวละครอันโด่งดังจากจักรวาล DC ในยุคก่อน เช่น Batman ที่นำแสดงโดย Michael Keaton (ที่ซึ่งตอนนี้ผมสลัดภาพจำของบท Ray Kroc จากเรื่อง The Founder 2016 ไม่ลงไปแล้ว) การเล่าเรื่องจะสำรวจธีมของการค้นพบตนเอง การเสียสละ และผลที่ตามมาจากการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความต่อเนื่องของกาลอวกาศ (ทั้งหมดนี้ทำให้เราได้หนังรีบูทที่กำลังจะตามมาอีกหลายๆ เรื่อง ฮ่าๆ ) เมื่อพูดถึงเอฟเฟ็กต์ภาพใน "The Flash" ตั้งแต่วินาทีที่แบร์รี่สวมสูทสีแดง และสัญลักษณ์สายฟ้า ภาพวิชวลที่น่าทึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญ การผสมผสานอย่างลงตัวของเอฟเฟกต์ที่ใช้งานได้จริง CGI และการถ่ายภาพยนตร์สร้างประสบการณ์ที่ดึงดูดสายตามากๆ สำหรับผมแล้วเป็นอะไรที่สวยงามการแสดงภาพความเร็วเหนือชั้นของ Barry นั้นทำได้น่าทึ่ง ทีมผู้สร้างจับสาระสำคัญของการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วปานสายฟ้าอย่างชำนาญ นำเสนอฉากแอคชั่นที่น่าตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็นการที่ Barry หลบระเบิดหรือมีส่วนร่วมในการต่อสู้ความเร็วสูง เอฟเฟกต์พิเศษจะทำหน้าที่ตรงนี้ได้อย่างราบรื่นเพื่อสร้างความรู้สึกรวดเร็ว และน่าดึงดูดโดยสรุปแล้ว "The Flash" (2023) คือภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ตอบสนองในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านอารมณ์ที่มีจากตัวละคร นอกจากนี้โครงเรื่องที่น่าตื่นเต้น และวิชวลเอฟเฟ็กต์ที่ทำให้เราต้องว้าว ไปจนถึงการแสดงที่โดดเด่น และการกำกับที่เชี่ยวชาญ ภาคนี้ถือเป็นอีกภาคที่ต้องดูสำหรับแฟน ๆ DCตัวอย่างภาพยนตร์https://www.youtube.com/watch?v=r8heEaJWUzU&ab_channel=WarnerBros.Thailandเครดิตขอขอบคุณภาพจาก Facebook | The Flashตัวอย่างภาพยนตร์โดย The Flash – Final Trailer (ซับไทย) | Warner Bros. Thailand ภาพปกโดยผู้เขียน immark | ภาพปก (ภาพประกอบภาพปก จาก Facebook | The Flash)ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 3, ภาพที่ 4 และภาพที่ 5 จาก Facebook | The Flashอ่านบทความที่เกี่ยวข้องรีวิว Shazam! (2019) ฮีโร่ผู้ใช้เวทมนตร์ เป็นหนังฮีโร่วัยใสเรื่องแรกของ DCรีวิว Black Adam ภาพยนตร์แนว Anti-hero ใหม่จากค่าย DC ที่ทำออกมาได้แบบ... สะใจ!รีวิว Man of Steel (Superman 2013) ภาพยนตร์ซุปเปอร์แมนภาคที่ดีที่สุดสำหรับผม นำแสดงโดย Henry Cavillรีวิว Batman V Superman: Dawn of Justice (2016) ที่เกือบจะดี แต่เพราะตัดฉากออกจนน่าเสียดายรีวิว Wonder Woman (2017) วีรสตรีผู้กอบกู้ DC แห่งชาวอะเมซอนรีวิว Aquaman (2018) ฮีโร่แห่งท้องทะเล DC ที่ดีที่สุดสำหรับผมรีวิว Justice League (2017) หนังรวมฮีโร่ DC ที่แฟน ๆ ไม่ชอบ?คอมมูนิตี้ “โลกคนรักหนัง” ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน