Time to huntวันนี้นักเขียนมาแนะนำภาพยนตร์เกาหลีที่จะทำให้คนดูลุ้นจนหยุดหายใจกันเลยทีเดียว “Time to hunt” จากบริษัทผู้ผลิตชื่อดังอย่าง Sidus Pictures และเผยแพร่โดย Netflix โดยภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย ยุนซองฮยอน หลังจากเล่าข้อมูลคร่าวของภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว นักเขียนจะมารีวิวว่า เรื่องนี้ควรค่าแก่การชมหรือไม่จะลุ้นเหมือนที่นักเขียนโม้ไว้หรือไม่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รวบรวมดารานักแสดงชื่อดังที่หลายๆคนต้องคุ้นหน้าคุ้นตากันอย่างแน่นอนอย่าง อีเจฮุน อันแจฮง ชเวอูชิก พัคจองมิน มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้“Time to hunt” เป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าผ่านในจุดที่ประเทศเกาหลียุคมืด มีเศรษฐกิจที่ตกต่ำ บ้านเมืองเสื่อมโทรม ประเทศเปลี่ยนใช้เงินวอนเป็นเงินดอลลาร์ ประชาชนต่างออกมาประท้วง กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งจึงต้องหาทางออกจากประเทศนี้เพื่อไปมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยได้วางแผนที่จะปล้นคาสิโน ผู้เขียนจะเล่าแค่ถึงแค่นี้พอเพื่อให้ผู้อ่านได้ไปลุ้นกันต่อในหนังกันเอง เพื่อความอรรถรสจุดเด่นของหนังเรื่องนี้ความสนุกในการวางแผนปล้นของวัยรุ่นกลุ่มนี้ ซึ่งหนังเล่าได้กระชับและลุ้นในเวลาเดียวกัน จนผู้เขียนลุ้นจนหยุดหายใจกันเลยทีเดียว จังหวะการต่อสู้การหลบหนีของเรื่องนี้คือ ดีไปหมด ตัวหนังก็เล่าได้รวดเร็ว 20-30 นาทีแรก คือ ปล้นเสร็จแล้ว ตอนที่ผู้เขียนดูเลย งงมากว่าต่อจากนั้นตัวหนังจะเล่าไปในทิศทางไหน ทำให้ผู้เขียนเดาทางหนังไม่ออกเลยทีเดียวความรู้สึกหลังจากการดูของผู้เขียนคะแนนเต็ม 10 ขอให้ 8 ครับ เป็นหนังที่ดูเอามันส์ได้ดีเลย แต่ที่ต้องชื่นชมจริงๆคือ อีเจฮุน นักแสดงนำของเรื่อง ผู้เขียนขอปรบมือให้เลย แสดงได้ถึงอารมรณ์ถึงใจครับ กลัวเป็นกลัว จนทำให้ผู้เขียนอินไปกับตัวละครได้ง่าย ส่วนด้านการเล่าเรื่องส่วนตัวนักเขียนชอบการเล่าที่กระฉับ แต่สำหรับคนอื่นๆอาจจะรู้สึกว่าตัวหนังมันยืด ด้วยความที่หนังยาว 2 ชั่วโมงกว่าเลย แถมตัวหนังไม่ได้เล่าอะไรเยอะมีแต่ฉากไล่ล่ากัน ถ้าใครอยากจะหาหนังไล่ล่า ลุ้นจนเหงื่อแตกแล้ว Time to hunt เป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกในการเลือกหนังของคุณครับ ส่วนเรื่องโทนแสงสีของหนังเรื่องนี้ก็ต้องชื่นชมว่าจัดชุดสีได้สวยเลยทีเดียว ดนตรีประกอบชวนพาลุ้นได้ไม่ยากเป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับการรีวิวภาพยนตร์ Time to hunt หากใครชอบก็สามารถไปตามดูกันได้ ทาง Netflix ซึ่งสามารถรับชมผ่านกล่อง True ID TV ได้แล้ววันนี้ สำหรับวันนี้นักเขียนก็ขอตัวลาไปก่อน แล้วเจอกันในบทความหน้านะครับขอบคุณภาพจาก Netflix Official Trailer