ซีรีส์กระแสแมสทั่วโลกจากปี 2021 ที่ส่งตรงจากแดนเกาหลีอย่าง Squid Game เข้ามาเข้าชิงในหัวของใครหลาย ๆ คนแน่นอน ซีรีส์แนวดราม่า ระทึกขวัญ ที่ว่าด้วยการวิพากย์วิจารณ์ความดำมือของมนุษย์ในยามขับขันและโชว์ความเห็นแก่ตัวออกมาได้ทุกเมื่อเมื่อจำเป็นต้องทำ โดยมีรางวัลเป็นเงินมากมายที่พอจะให้กลับไปตั้งต้นเริ่มชีวิตใหม่อีกครั้งในโลกข้างนอกที่โหดร้ายและทุนนิยมเป็นเดิมพันได้ ด้วยแนวที่ถนัดอย่างการขยี้ดราม่าและรูปแบบเกมที่ลุ้นระทึกทำให้ Squid Game ซีซั่น 1 เป็นซีรีส์ม้ามืดที่แมสไปทั่วโลกได้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์จนกระทั่ง 3 ปีต่อมาซีซั่น 2 และ 3 ก็ได้ดำเนินงานมาถึงการปล่อยฉายพร้อมยืนยันจากปากผู้กำกับว่าสองซีซั่นนี้จะเป็นบทสรุปของมหากาพย์เกมทั้งหมดที่เล่นมา รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! Squid Game 3 บทสรุปเกมที่ตอบโจทย์แก่นที่ตัวเองทำมา แต่ต้องแลกมากับเสียงคนดูที่แตกกระจาย ซีซั่น 3 เปิดเรื่องแบบต่อกันติดทันทีจากซีซั่น 2 ซึ่งทำให้แอบไม่ค่อยเหมือนเป็นภาคต่อแต่เป็นตอนต่อกันมากกว่า และทำให้มันดูเป็นซีซั่นสองรวมกันแค่แยกกันฉาย ซึ่งถือว่าการวางจบตอนของซีซั่นที่แล้วยังไม่ค่อยจะดีและคมแบบการจบซีรีส์แต่ละซีซั่นได้ปกติแบบหลาย ๆ เรื่องที่ทำกัน ซึ่งยังคงสนุกสนานเหมือนเดิมในการนำหมากตัวละครและปมที่เคยผ่านการบอกเล่าจากซีซั่นสองเต็ม ๆ ไปในหนึ่งซีซั่นเต็ม ๆ ให้ได้ใช้งานอย่างรวดเร็วไม่ชักช้า โดยเฉพาะช่วงสามตอนแรกที่ดำเนินเรื่องไวผิดวิสัยจากสองซีซั่นแรกพอสมควร จึงทำให้รู้สึกตามติดกับตัวซีรีส์ได้ง่ายและอินไวกว่าเดิม แม้จะเป็นซีซั่นสุดท้ายที่หลายคนอาจคาดหวังสไตล์หนังฮีโร่ ล้มองค์กร อลังการงานสร้างเหมือนหนังทุนหนาที่ภาคจบมักเล่นใหญ่ แต่ทว่า Squid Game 3 ก็เป็นการเดินหมากที่กล้าหาญที่จะหักความคาดหวังคนดูกลับไปเล่าแก่นหัวใจที่เบสิคที่แข็งแรงมาจากซีซั่นหนึ่งคือความดำมืดของมนุษย์และความหมายของการเป็นมนุษย์ดั่งเดิม ซึ่งตัวซีรีส์สามารถทำออกมาตอบโจทย์ตัวเองออกมาได้ดี เกมที่ลดความตื่นเต้นลงแต่เพิ่มความเข้มในการโชว์สันดานดิบมนุษย์ แม้ด้านของตัวเกมของผู้เข้าแข่งขันจะลดทอนความว้าวลงจากสองซีซั่นก่อน แต่ในอีกสามด่านที่เหลือกลับเพิ่มพูนความเป็นดำมืดมนุษย์มากขึ้น ซึ่งก็จะมาในเวย์แบบซีซั่นแรก แต่ทว่าซีซั่นนี้กลับเพิ่มพูดมวลอารมณ์และความเชียร์ลุ้นตัวละครมากกว่าด้วยเดิมพันปูมหลังผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนที่โยงใยเกี่ยวข้องกันไปมาและมีสัมพันธ์สะท้อนกันไปมา ซึ่งรวม ๆ แล้วก็ยังมุ่งไปที่ของตัว "เด็ก" และสะท้อนจิกกัดความต่างของเจนคนที่มีความคิดการอ่านการเล่นเกมที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็เป็นธีมหลักของซีซั่นนี้ที่ผู้กำกับพยายามสะท้อนวิพากย์วิจารณ์ออกมาผ่านผลงาน ทำให้เกมแรกของซีซั่นนี้อย่างเล่นซ่อนหา เป็นเกมที่ทั้งสนุกและกดดันมากที่สุดจากในบรรดาทุกเกมที่เล่นมาแบบปฏิเสธไม่ได้ รวมถึงภาพรวมของตอนที่ 2 ของซีซั่นนี้ที่สนุก ลุ้น และบทดีคุณภาพดีจึงเป็นอีกตอนของซีรีส์นี้ที่ทำออกมาดีเกินแบบมาก ๆ ตัวละครยังไม่วายลายยังคงล้วนแล้วฉลาด หงุดหงิด น่าเอาใจช่วย เพราะนี่คือมนุษย์จริง ๆ ในสังคม เสน่ห์ตัวละครที่เรากล่าวมาข้างตนที่เอยปากชมที่ดีกว่าซีซั่นก่อน คือครบคาแร็คเตอร์ทุกแนวให้น่าค้นหา และดึงความเป็นตัวตนแต่ละเจนออกมาได้ดี ทำให้ตลอดการดูรู้สึกน่าสนใจและเอาใจช่วยบางตัวละครมากกว่าซีซั่นแรกและตัวซีรีส์สามารถวางจุดเชื่อมโยงแต่ละตัวละครออกมาดี แม้การกระทำหลายตัวละครมาก ๆ ยังคงสอบไม่ผ่านในความไม่แน่นิ่งของตัวบทและการสื่อสารของคนดู ดำเนินเรื่องที่รวดเร็วได้ใจในช่วงแรก แต่ช่วงหลังกลับไปช้าน้ำมากกว่าเนื้ออย่างหนีไม่พ้น เมื่อเลือกจะกลับไปเล่นเวย์เข้มข้นลึก ๆ แบบซีซั่นแรกการกลับไปเล่าสโลว์เบิร์นขับเคี่ยวพาร์ทอารมณ์จึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก ทำให้ความเร็วที่พุ่งไวในช่วงซีซั่นแรกที่ดำเนินมาได้อย่างดีมาก ๆ ต้องชะงักลงและเพิ่มพูดบทสนทนาการกระทำที่ล้วนแล้วเป็นน้ำมากกว่าเนื้อ ถ้าตัดสั้นจะดีงาม แต่ถ้าหายไปก็ไม่สมบูรณ์ ซึ่งก็ไม่ได้เสียหายถ้าหากตัวละครที่เหลือรอดในช่วงท้ายมันอิมแพ็คและถูกเขียนมาดีพอ แต่ทว่าตัวซีรีส์ไม่ได้เป็นแบบนั้นกับตัวละครที่เหลือ ทำให้ช่วงโค้งท้ายการปะทะกันของความดำมืดของมนุษย์ที่อยากชนะทุกอย่างกับคนที่เห็นค่ามนุษย์น้ำหนักไม่มากพอและกลายเป็นโชว์เวิ่นเว้อไปแทนอย่างน่าเสียดายก่อนจะกลับมาปิดท้ายที่แก่นหัวใจดีที่เล่าออกมายืดไปเสียหน่อยอย่างน่าเสียดาย ภาพรวมปิดซีรีส์ที่กลับไปจบที่จุดเริ่มต้นในความหมายของการเป็นมนุษย์ ด้วยภาพลักษณ์ตอนจบของซีซั่น 2 ที่สาดคลังกระสุน หยอดปมไว้มากมาย พาลุ้นชะตากรรมตัวละครที่น่าเอาใจช่วย และแผนการของพระเอก รวมถึงเส้นเรื่องนอกที่กระจัดกระจาย ก็ทำให้ผู้ชมเกิดความคาดหวังในตัวสูงนำไปแล้วว่าซีซั่น 3 น่าจะมาในโทนของหนังฮีโร่ที่โค่นล้มองค์กร ซึ่งทำให้ซีรีส์ได้รับเสียงวิจารณ์ที่แบ่งเป็นสองฝ่ายชัดเจนอย่างแน่นอนอย่างเลี่ยงไม่ได้ที่ไม่ได้จบใหญ่อลังการสมใจยากแต่ในขณะเดียวกันเขาก็กลับไปรักษาหัวใจเดิมของเขาตั้งแต่ซีซั่นแรกแต่แรกที่ตอนสร้างไม่ได้คาดคิดว่าจะแมสแตกระดับโลกและสปอตไลท์ความคาดหวังจะมาตกที่ผู้สร้างมากมายแบบนี้ในสองซีซั่นสุดท้าย การเลือกกลับไปจบแบบดราม่าเล็ก ๆ แต่ลึก ๆ เป็นการจบที่เพลย์เซฟไม่ได้แย่และไม่ได้ดี ซึ่งถือว่าเส้นทางในการทางลงของตัวมันก็จบสมบูรณ์ได้ดี แม้จะยังไม่ใช่เวย์ที่อาจจะดีที่สุดของตัวซีรีส์ก็ได้ ขอบคุณแหล่งที่มาของภาพ ภาพหน้าปก 1 จาก Facebook : Netflix ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 จาก Facebook : Netflix จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !