รีวิวหนัง “Heretic บ้านสั่งตาย” ดำดิ่งไซโคความเชื่อกับแอคติ้งเจิดจ้าชวนขนลุกจาก ฮิว แกรนท์

ว่ากันว่าไฮไลต์ความพิเศษของหนังเรื่องนี้ก็คือ “ฮิว แกรนท์” นักแสดงรุ่นใหญ่ทรงเสน่ห์ชาวอังกฤษที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาเขาเป็นอย่างดี ตั้งแต่เขายังหนุ่ม ๆ จนเป็นดาราอาวุโสในปัจจุบัน แต่หนังแนวเขย่าขวัญสยองขวัญน่าจะเป็นผลงานประเภทเดียวที่เขาแทบจะไม่มีโอกาสได้หยิบจับบทแบบนี้เลย และความท้าทายก็มาถึงใน “Heretic บ้านสั่งตาย” หนังระทึกสุดซับซ้อนทางจิตวิทยาที่พาคนดูไปสำรวจเบื้องลึกแห่งหัวใจของคนโฉด

นี่เรื่องราวของมิชชันนารีเด็กสาวทั้งสองคน บาร์เนส กับ แพกซ์ตัน ได้เผชิญหน้ากับบทพิสูจน์พลังศรัทธาแห่งความเลื่อมใส เมื่อพวกเธอได้ทำการเคาะประตูผิดบ้านหลังไป เพราะเบื้องหน้าของพวกเธอก็คือ คุณรี้ด ชายสูงวัยที่ท่าทีมีไมตรีดี เชิญชวนเข้าไปสนทนาถกเถียงประเด็นศาสนาและความเชื่อ แต่แท้ที่จริงแล้วเขาคือชายโฺฉดผู้ชั่วร้าย ที่ชักพาให้พวกเธอเข้าสู่เกมแมวไล่จับหนูที่เหี้ยมโหดในบ้านของเขา

Heretic เป็นหนังที่ค่อนข้างเดินหมากและค่อย ๆ รุกฆาตด้วยการดำเนินเรื่องไปด้วยความลึกลับและลี้ลับทีละเรื่อย ๆ แม้ว่าหนังจะเปิดเรื่องขึ้นมาด้วยประเด็นชวนสยิวตั้งแต่ไดอะล็อกแรก แต่ก็อาบไปด้วยเส้นบางระหว่างความเชื่อกับพลังศรัทธาอันแรงกล้า ที่หยิบเอาแนวคิดทางศาสนาเข้ามาเชื่อมโยงเข้ากับการสำรวจจิตใจมนุษย์ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า 20 นาทีแรก หนังเต็มไปด้วยบทสนทนาแบบรัว ๆ ที่ชวนคล้อยหลับไม่น้อย แต่เมื่อย่างเข้าสู่นาทีที่ 30 เป็นต้นไป จะทำให้หลับไม่ลง

ก็อย่างที่เขาได้เปรยกันเอาไว้ การแสดงของ ฮิว แกรนต์ คือความดีงามและประคับประคองหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้ชวนขนลุกขนพอง เขาได้ทำการปลดล็อกสกิลการเล่นหนังสยองได้ชวนสะพรึงดีแท้ จากอากัปกิริยาและท่าทางต่าง ๆ ผ่านการเยื้องย่างไปจนถึงสีหน้าแววตา มันเป็นการแสดงระดับมืออาชีพที่ชวนสยดสยอง ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรที่ชวนสยองหรือขยะแขยงใด ๆ ให้เห็นเลยก็ตาม มีเพียงอินเนอร์ที่ชวนให้คนดูชวนสะอิดสะเอียนและกลัวยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

นั่นก็เลยทำให้การแสดงของ 2 สาว “โซฟี แทชเชอร์” กับ “โคลอี้ อีสต์” ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากดาราชั้นครู ที่ช่วยนำทางและส่งต่อบทให้กับพวกเธอได้อย่างมั่นคงตลอดทั้งเรื่อง แม้ว่าพวกเธอจะยังค่อนข้างเป็นมือใหม่ประสบการณ์ยังไม่เยอะก็ตาม โดยที่ทั้งคู่สามารถถ่ายทอดคาแรกเตอร์ออกมาที่แตกต่างอย่างชัดเจน แต่ก็โดดเด่นด้วยการแสดงผ่านกิริยาท่าทางและสีหน้าแววตาได้อย่างลึกซึ้งเช่นเดียวกัน

นี่คือผลงานของคู่หูนักสร้างหนัง “สก็อต เบ็ค” กับ “ไบรอัน วู้ดส์” มือเขียนบทที่แจ้งเกิดมาจากหนัง A Quiet Place ภาคแรก ที่เขาอาจจะไม่ปังกับการแจ้งเกิดในหนังสตูดิโอเรื่องแรก อย่าง 65 แต่เมื่อกลับมาหยิบจับสร้างานเล็ก ๆ ทุนบาง ๆ เข้าทางตัวเอง ความปังและความเจิดจรัสของพวกเขาก็เปล่งประกายขึ้นทันที พวกเขารู้จักลีลาและสัญชาตญาณดีว่าเหมาะกับผลงานในรูปแบบไหน ทำให้สามารถละเลง Heretic ออกมาได้อย่างเต็มไม้เต็มมือ

อีกหนึ่งงานสร้างที่โดดเด่นใน Heretic ก็ต้องยกนิ้วให้กับงานออกแบบ Production Design ที่เต็มไปด้วยลูกเล่นและความซับซ้อนในเล่ห์เหลี่ยมต่าง ๆ ผสมผสานกับแนวคิดเชิงซับซ้อนภายในแรงกดดันในสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ทำให้ล้อไปกับการใช้แสงสีต่าง ๆ มาเรียบร้อยในการเล่าเรื่องควบคู่ไปด้วย พร้อมกับมุมกล้องที่หลากหลายและชวนกระชากอารมณ์ให้ระแวดระวังอยู่ในทุก ๆ วินาที

อย่างที่เกริ่นเอาไว้ Heretic เป็นหนังสยองขวัญที่ค่อนข้างบีบคั่นและค่อย ๆ  ปั่นประสาทคนดูทีละเรื่อย ๆ ด้วยบรรยากาศที่ชวนไม่ไว้วางใจ ครึ่งแรกของหนังเปรียบเสมือนเป็นการแนะนำให้คนดูได้เห็นว่าวิธีของเกม ใครเป็นเจ้าของเกม ใครเป็นผู้เล่นเกม ก่อนที่มาถึงของช่วงครึ่งหลังที่พรั่งพรูมาด้วยความหฤหรรษ์ชวนสยองที่เติมเต็มแรงกดดันถึงคนดูมากขึ้นเรื่อย ๆ นำไปสู่เส้นทางที่เกินคาดเดาของตัวละครเลือกเดินไป

ดังนั้นผลลัพธ์ของ Heretic จึงออกมาเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จในแง่การสร้างบรรยากาศได้ชวนลึกลับและคาดเดาไม่ได้ เพราะเติมลูกเล่นทางจิตวิทยาเข้าไปค่อนข้างซับซ้อน นั่นจึงเป็นสิ่งที่ทำให้หนังอาจจะไม่ใช่หนังเขย่าขวัญหลอกหลอนทั่ว ๆ ไป อาจจะต้องมีการเอียงคอดูบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ก็จัดได้ว่าองค์ประกอบโดยรวมถือว่าทำออกมาได้ถึง ยิ่งได้การแสดงชวนขนลุกสยดสยองของ ฮิว แกรนท์ แบบที่ไม่ค่อยได้เห็นเขาเล่นแบบนี้มาก่อนด้วย ก็ยิ่งเติมแต่งให้หนังสมบูรณ์ขึ้นในระดับที่น่าพอใจ