เป็นที่ทราบกันดีว่าหลังจากจักรวาลหนัง DCEU ที่เริ่มต้นจาก Man of Steel นั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว เหล่านักแสดงฮีโร่ในชุดจักรวาล DCEU ต่างยุติบทบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งเฮนรี่ คาวิลล์ในบทซุปเปอร์แมน เบน แอฟเฟล็คในบท แบทแมน ส่วนกัล กาโดต์ กับเจสัน โมโมอานั้นยังไม่ชัดเจน และอีกคนหนึ่ง เอซร่า มิลเลอร์ ในบทแบร์รี่ อัลเลน หรือ The Flash ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวพฤติกรรมฉาวและข่าวเสียๆหายๆ จนกระทั่งแทบจะหมดอนาคตกับ Warner Bros. ไปแล้ว แต่สุดท้ายทางค่ายก็ลากจนให้ The Flash นั้นได้ฉายตามเดิมโดยไม่มีการเปลี่ยนนักแสดงกลางทางแบบที่ข่าวลือก่อนหน้านี้ แม้กระแสด้านลบของนักแสดงนำอย่างเอซร่า มิลเลอร์จะทำให้หนังดูน่าจะไม่ไปในทางที่ดี แต่แล้ว Warner ก็สร้างเซอร์ไพรซ์ให้แฟนคลับการ์ตูน DC เมื่อพวกเขาได้ ไมเคิล คีตัน เจ้าของบทบาทแบทแมนในเวอร์ชั่นของ ทิม เบอร์ตัน กลับมารับบทเดิมในหนัง The Flash เรียกเสียงฮือฮาและความประทับใจให้กับแฟนคลับ DC อย่างมาก เพราะอย่างที่ทราบกันดี แบทแมนเวอร์ชั่น ไมเคิล คีตันคือจุดเริ่มต้นความสำเร็จของ DC และ Warner อย่างมาก เนื้อเรื่องบางส่วนของ The Flash นั้น เริ่มต้นหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง Justice League ที่แบร์รี่ อัลเลนต้องเป็นทั้งฮีโร่และคนธรรมดาในเวลาเดียวกัน ความเร็วของเขา พลังของเขาช่วยเหลือผู้คนได้อย่างมากมาย รวมไปถึงความพยายามในการลบล้างความผิดพ่อของเขา หลังจากก่อนหน้านี้พ่อของเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าแม่แบร์รี่ ทำให้แบร์รี่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงเส้นกาลเวลาเพื่อช่วยเหลือแม่ของเขา ความวายป่วงของโลกที่เขาเปลี่ยนแปลงเส้นกาลเวลานั้น มันยิ่งกว่าหายนะล้างโลก เขาจึงต้องแก้ไขมันให้เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิมhttps://twitter.com/theFlash/status/1669736599922552832หนังความยาวประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ เปิดเผยเรื่องราวตั้งแต่การที่แบร์รี่ต้องใช้ชีวิตทั้งแบบคนธรรมดาและฮีโร่ไปด้วยกัน เขาแทบจะไม่สามารถรักษาสมดุลของการใช้ชีวิตได้เลย จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่เขาหลุดเข้าไปในสปีดฟอร์ซ แบบเดียวกับที่เขาเคยทำได้ใน Justice League Snyder's Cut ทำให้เขาเกิดความคิดที่อยากจะย้อนเข้าไปในห้วงเวลาที่แม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ แต่สุดท้ายการเข้าไปในห้วงเวลาดังกล่าว ก็ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในจักรวาลหลัก ทั้งการที่โลกถูกบุกรุก แบทแมนที่ไม่ใช่แบทแมนคนเดิมที่แบร์รี่ อัลเลนเคยรู้จัก ซุปเปอร์แมนที่ไม่ใช่คาล เอล รวมไปถึง การที่เขาต้องเผชิญหน้ากับสปีดสเตอร์ลึกลับที่ขัดขวางการวิ่งเข้าสู่สปีดฟอร์ซของแบร์รี่ ยิ่งทำให้แบร์รี่ต้องรีบจัดการให้มันเข้าที่เข้าทางเหมือนเดิมอีกครั้งหลังจากดูจบแล้วต้องยอมรับเลยว่าบทของหนังน่าจะมีการแก้ไขหลายรอบมาก จนดูแล้วมันขัดใจพอสมควร หนังความยาวสองชั่วโมงเหมือนได้ดูอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งเอง เสียเวลาไปกับบางฉากที่ไม่ต้องมีก็ได้ แถมบทพูดของแบร์รี่ อัลเลนบางฉากก็น่ารำคาญซะจนอยากกรอข้ามเลย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเขียนบทให้ดูน่ารำคาญอย่างนั้นล่ะ ไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ แถมการแสดงของเอซร่า มิลเลอร์ในบางฉากก็ดูล้นเกินไป ไม่ต้องลุ้นอะไรขนาดนั้นก็ได้ ส่วนฉากอื่นๆของหนัง ทั้งตอนฉากในสปีดฟอร์ซ ที่ CGI ไม่เนียนแถมยังน่าเกลียดนี่ ต้องบอกเลยว่าทำออกมาเสียของสุดๆ ดูแล้วเหมือนฉากหนังเกรดบีไปเลย ส่วนอื่นๆก็ถือว่ามาตรฐานดีตามที่เคยเป็นมา ทั้งตัวละครแบทแมนเวอร์ชั่น เบน แอฟเฟล็ค ตัวละครจากหนังเรื่องอื่นๆในจักรวาล DCEU เป็นต้น สิ่งที่ดีที่สุดในหนังก็คงเป็นการที่ได้เห็นไมเคิล คีตันใส่ชุดแบทแมน พูดประโยคเด็ดในหนังเวอร์ชั่นของเขานั่นเองสุดท้ายนี้ แม้ The Flash จะมีจุดบกพร่องอยู่พอสมควร แต่ก็ถือว่าเป็นการลองของของ DC ที่ดีพอสมควร ที่งานสร้างชิ้นนี้ปิดฉากจักรวาล DCEU ที่มีแต่ปัญหาและคำวิจารณ์ที่ไม่ดีลงได้เสียที แม้รายได้จะย่ำแย่ไปหน่อย แต่คำวิจารณ์ของหนังเรื่องนี้ก็ไปในทางที่ดี ไม่ถึงกับแย่ ดูได้เพลินๆ แต่ก่อนดูหนังเรื่องนี้ควรย้อนไปดู Justice League ก่อนจะได้ทราบเรื่องราวของแบร์รี่ อัลเลนก่อนเกิดเหตุการณ์ในเรื่องนี้ครับสลอธให้คะแนนเรื่องนี้ 7/10 ครับการรีวิวนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว หากท่านอื่นมีความคิดเห็นอย่างไรสามารถแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ สามารถรับชมหนัง The Flash ได้ทาง True ID ครับ ขอขอบคุณภาพประกอบบทความภาพที่ 1 จาก Facebook The Flashภาพที่ 2 จาก Facebook The Flashภาพที่ 3 จาก Twitter The Flashภาพที่ 4 จาก Facebook The Flashภาพที่ 5 จาก Facebook The Flashภาพปกบทความ จาก Facebook The Flashจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !