โจดี ฟอสเตอร์ ร่วมวงด่าหนังซูเปอร์ฮีโรอีกคน “ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคนดูจะเบื่อมันเสียที”
แม้ว่าหนังซูเปอร์ฮีโร จะเป็นหนังที่ครองตลาดฮอลลีวูดมายาวนาน แต่ละเรื่องก็ทำเงินไปอย่างมหาศาล แต่ก็มีนักแสดงและผู้กำกับหลายคนที่ไม่ชอบหนังซูเปอร์ฮีโรเอาเสียเลย ไม่เพียงแค่นั้น หลายคนก็ยังออกโรงมาประณามหนังซูเปอร์ฮีโรออกสื่อกันอยู่เนือง ๆ มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) ผู้กำกับรุ่นใหญ่ มองว่าหนังซูเปอร์ฮีโรนั้นเป็นอันตรายต่อวัฒนธรรมของพวกเรา, จอห์น วู (John Woo) ผู้กำกับหนังแอ็กชันระดับปรมาจารย์ก็บอกเลยว่า เขาไม่ดูหนังซูเปอร์ฮีโรเลย เขาเลือกจะดู “หนังจริง ๆ” ซะมากกว่า และรายล่าสุดก็คือ โจดี ฟอสเตอร์ (Jodie Foster) นักแสดงหญิงมากฝีมือระดับ 2 รางวัลออสการ์ ก็ขอร่วมวงประณามหนังซูเปอร์ฮีโรด้วยอีกคน
โจดี ฟอสเตอร์ เป็นนักแสดงหญิงที่อยู่คู่ฮอลลีวูดมาอย่างยาวนาน เธอเริ่มต้นงานแสดงตั้งแต่อายุเพียงแค่ 14 ปี ด้วยการรับบทเป็นโสเภณีเด็กใน ‘Taxi Driver’ และคว้าออสการ์ตัวแรกเมื่ออายุ 26 ปี จากหนัง ‘The Accused’ ในบทเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกข่มขืน และเธอคว้าออสการ์ตัวที่ 2 ใน 3 ปีต่อมา จากบท แคลริซ สตาร์ลิง ใน ‘The Silence of the Lambs’ นอกเหนือจากความสามารถทางการแสดงแล้ว ฟอสเตอร์ยังฝากฝีมือกำกับไว้กับซีรีส์ฮิตหลายเรื่องอย่างเช่น ‘Black Mirror’, ‘Orange is the New Black’ และ ‘Tales from the Loop’ ในยุค 90’s เธอก็เคยกำกับหนังไว้หลายเรื่องอย่างเช่น ‘Little Man Tate’ และ ‘Home for the Holidays’
ในระหว่างที่ให้สัมภาาณ์กับ Elle โจดี ฟอสเตอร์ ถูกถามว่าเธอมีความคิดเห็นอย่างไรกับการที่หนังซูเปอร์ฮีโรครองตลาดภาพยนตร์อยู่หลายปี
“มันเป็นช่วงระยะหนึ่ง แต่สำหรับฉันมันก็เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานเกินไปหน่อยนะ แต่มันก็เป็นช่วงระยะหนึ่งเท่านั้นแหละ ฉันได้เห็นช่วงต่าง ๆ มากมายในวงการภาพยนตร์ ซึ่งฉันก็หวังเป็นอย่างยิ่งเลยนะว่าคนดูจะเบื่อมันเสียที”
แต่ฟอสเตอร์ก็ไม่ได้มองว่าหนังซูเปอร์ฮีไรจะแย่ไปเสียทุกเรื่อง เธอมองว่ามันเป็นหนังที่มุ่งเน้นความบันเทิงเป็นหลัก ซึ่งก็ไม่ได้มีอิทธิพลมากพอที่จะเป็นหนังที่เปลี่ยนแปลงชีวิตใครได้
“ก็มีหนังที่ดี ๆ อย่างเช่น ‘Iron Man’, ‘Black Panther’, ‘The Matrix’ฉันรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับหนังเหล่านี้นะ เพราะฉันเองก็หลงใหลในความบันเทิงเหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฉันมาเป็นนักแสดงนะ และหนังเหล่านี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนชีวิตฉัน มันยังมีที่ว่างพอสำหรับแนวอื่น ๆ อีกนะ”
ผู้สัมภาษณ์ขอให้ ฟอสเตอร์ฝากข้อคิดถึงนักแสดงหน้าใหม่ ๆ ที่กำลังก้าวเข้ามาสู่วงการแสดง เธอก็สนับสนุนให้บรรดานักแสดงหน้าใหม่ อย่าตั้งเป้าเพียงแค่จะเล่นหนังในแฟรนไชส์ใหญ่ ๆ เท่านั้น ให้เชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองไว้
“คุณต้องมีศรัทธาในความสามารถของคุณเอง ออกไปใช้ชีวิตหาความสุขใส่ตัวซะ 2 ปีแล้วค่อยกลับมานะ มันจะมีงานรอคุณอยู่แน่ แต่มันอาจจะไม่ใช่หนังแฟรนไชส์ก็ได้ แต่จะไปสนใจทำไมล่ะ ? นี่่มันชีวิตของคุณนะ”
นอกเหนือจาก โจดี ฟอสเตอร์ ที่ออกมาพูดถึงหนังซูเปอร์ฮีโรในช่วงไม่กี่ปีนี้ ก็ยังมีผู้คนในฮอลลีวูดอีกมากมายหลายคน ที่พูดถึงความเห็นของเขาที่มีต่อหนังซูเปอร์ฮีโรโดยรวม ไม่ใช่หนังมาร์เวล เจเรมี อัลเลน ไวต์ (Jeremy Allen White) นักแสดงนำจาก ‘The Bear’ ซีรีส์เรื่องฮิตของช่อง FX ก็พูดถึงเรื่องนี้ระหว่างที่ให้สัมภาษณ์กับ GQ ว่า
“ผมก็งงเหมือนกันนะ ที่กลายเป็นว่าจุดสูงสุดของนักแสดงหลายคนจะต้องมาลงเอยในหนังแบบนี้”
ไวต์อ้างอิงถึง นักแสดงบางคนที่ตั้งปณิธานไว้ว่าเป้าหมายที่เขาจะประสบความสำเร็จในอาชีพนักแสดง คือต้องได้เล่นหนังซูเปอร์ฮีโรเท่านั้น
ประเด็นหนึ่งที่ดาราและผู้กำกับเริ่มออกมากล่าวโจมตีหนังซูเปอร์ฮีโรมากขึ้นในช่วงหลังนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาได้เริ่มเห็นเค้าลางความเป็นจริงแล้วว่า หนังซูเปอร์ฮีโรกำลังมาถึงช่วงขาลง แม้กระทั่ง เจมส์ กันน์ (James Gunn) ผู้กำกับ ‘Guardians of the Galaxy’ ไตรภาค และดำรงตำแหน่งซีอีโอร่วมของ DC Studios มาตั้งแต่ปี 2022 ก็ยอมรับว่า หนังซูเปอร์ฮีโรกำลังเสื่อมความนิยมลงจริง กันน์พูดถึงเรื่องนี้ระหว่างให้สัมภาษณ์กับ Rolling Stone ไว้ว่า
“ผมคิดว่ามันมีเรื่องของหนังซูเปอร์ฮีโรที่เริ่มอ่อนแรง แต่ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องทำอะไรกับตัวละครซูเปอร์ฮีโรหรอกนะ แต่สิ่งที่ต้องทำคือเรื่องที่เราจะเล่าต่างหาก แต่ถ้าคุณเลิกสนใจหนังเหล่านี้แล้ว ซึ่งก็หมายถึงตัวละครต่าง ๆ แต่เราก็ยังรักซูเปอร์แมน เรารักแบทแมน เรารักไอรอนแมน เพราะว่าเขาเหล่านี้ล้วนเป็นตัวละครที่น่าทึ่ง ซึ่งอยู่ในใจเราเสมอมา แต่ถ้าเรื่องราวบนจอมีแต่เรื่องไร้สาระ ก็ไม่แปลกหรอกที่มันจะรู้สึกน่าเบื่อ”
ในวันนี้ ผู้คนในวงการหนังซูเปอร์ฮีโร ต่างต้องตื่นตัวกันยกใหญ่ หลังจาก ‘The Marvels’ กลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ในวงการหนังซูเปอร์ฮีโรอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันคือการตอกย้ำว่าคนดูเริ่มเบื่อหนังซูเปอร์ฮีโรจริง ๆ แล้วหรือไม่ ทางผู้สร้างจะสามารถคืนชีพให้กับหนังซูเปอร์ฮีโรได้อีกครั้งหรือไม่ รอดูคำตอบไปพร้อมกันกับ ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ หนังซูเปอร์ฮีโรเรื่องต่อไป ที่จะเข้าฉาย 22 ธันวาคมนี้
ที่มา : Movieweb