The Adam Project : ย้อนเวลาหาอดัม ถ้าหากเราพูดถึงภาพยนตร์ที่สร้างโดย Netflix เราหลาย ๆ คนคงเคยเจอกับหนังที่จบแบบไม่รู้เรื่อง จบแบบต้องมีภาคต่อภาคแยก หรือแม้กระทั่งเป็นหนังที่ดูแล้วเราแทบไม่ได้อะไรจากมันเลยก็มีแต่สำหรับเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ในระบบสตรีมมิ่งที่ประสิทธิภาพเทียบชั้นได้กับภาพยนตร์ที่เข้าโรงทุนสร้างสูงเลยทีเดียว เพราะด้วยแนวคิดในการสร้างหนังแบบบล็อกบัสเตอร์ เราจึงได้เห็นผลงานที่เปี่ยมไปด้วยความสนุก เนื้อหาเข้าใจง่ายที่เข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัยจริง ๆ ชื่อเรื่อง: ย้อนเวลาหาอดัม (The Adam Project)ผู้กำกับ: Shawn Levyความยาว: 106 นาทีนักแสดงนำ: Ryan Reynolds, Zoe Saldana, Mark Ruffaloแนว: Sci-Fiสามารถรับชมได้: Netflixคะแนนโดยผู้เขียน: 9/10เนื้อเรื่องย่อในปี 2050 อดัมต้องการจะย้อนเวลาไปปี 2018 เพื่อตามหาภรรยาที่หายตัวไปจากอุบัติเหตุการย้อนเวลากลับสู่ปัจจุบัน แต่อดัมไม่เชื่อและคิดว่าต้องมีเงื่อนงำอย่างแน่นอน แต่ด้วยข้อผิดผลาดบ้างอย่างจึงทำให้เขาย้อนเวลาผิดมาในปี 2022 และทำให้เขาได้พบกับตัวเองในวัย 12 อดัมและอดัมน้อยจึงช่วยกันตามหาภรรยาของทั้งคู่ และค้นหาความจริงของผู้ที่อยู่เบื่องหลังเรื่องนี้รีวิวด้านเนื้อเรื่องเป็นการเล่าเรื่องแบบที่เด็กก็ไม่งงเลยถ้าจะให้เข้าใจง่าย ๆ ถึงแม้ว่าตัวหนังจะเล่าถึงการย้อนเวลาแต่การเล่าถือว่าลำดับเหตุการณ์ได้ดี ในช่วงตอนที่ปูประวัติตัวละครทำได้ไม่ลึกมากเราจึงรู้จักตัวละครครบทั้ง ผู้ร้าย ตัวเอก ได้อย่างรวดเร็วภายใน 5-10 นาทีแรกของหนัง แต่แอบติดนึดนึงที่ว่าประวัติของตัวร้ายกับเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดเรื่องใหญ่โตในเรื่อง ยังไม่ค่อยสมเหตุสมผลและเชื่อสักเท่าไหร่ ว่ามันจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรอ? แต่ก็พอที่จะเข้าใจได้ว่าภาพยนตร์มีเวลาเล่าได้น้อยกว่าซีรี่ย์การดำเนินเรื่องจึงต้องรวบรัดตัดตอน เหตุผลอะไรที่ทิ้งได้ก็อย่าไปสนใจมันการผูกปมด้านความรู้สึกในใจของตัวละครก็ทำได้น่าสนใจ และชวนติดตามว่าถ้าแก้ได้จะเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่การดำเนินเรื่องไปจนถึงช่วงกลางเรื่องถือว่าสนุก ลุ้น และน่าติดตามตลอดทุกวินาที เพราะระหว่างดูเราจะตื่นเต้นกับสิ่งต่างๆ ที่ตัวละครเอกของเราทำ และในสมองของเราก็จะคิดไปเองตลอดเวลาเลยว่าทำแบบนี้มันได้ด้วยหรอ เวลาอดีตเปลี่ยนแปลงไปอนาคตก็ต้องเปลี่ยนด้วยสิ ความสาเหตุสมผลอยู่ตรงไหน? ในช่วงกลางเรื่องนี้จะเป็นช่วงที่หนังเริ่มเข้าสู่ฉากแอ๊กชั่นแบบจริงจัง ฉากนี้เราจะได้เจอกับตัวละครลับที่เปิดตัวได้อย่างดุดันและสวยงาม ส่วนในช่วงทัายเมื่อรู้ความจริงมาพอสมควรว่าจะต้องแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างไร การหักมุมก็จะเกิดขึ้นซึ่งเรื่องนี้ทำได้ดี แต่ต้องขอบอกว่าเกือบคาดเดาไม่ได้ แต่ก็ยังเดาได้ เป็นตอบจบที่ผมว่าเราทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าจบไปในทิศทางไหน แต่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ จบได้แบบเคลียร์ซาบซึ้ง และจบแบบสวยงามอย่างแน่นอนด้านภาพและการตัดต่อความรู้สึกที่ฉากแรกเปิดออกมาเลยคือ ภาพสวย CGI โอเค ไม่ได้น่าเกลียดอะไร ต้องชมผู้กำกับที่ทำให้การตัดต่อลำดับเรื่องได้ไม่งงเพราะด้วยความที่หนังย้อนเวลาบางเรื่องเราจะงงและต้องกลับมาคิดตลอดว่าตอนที่เราดูอยู่มันเป็นเวลาส่วนไหนกันแน่ โทนสีของหนังดูได้สบายตาให้อารมณ์ชวนน่าค้นหา มีบางฉากที่แอบมืดไปหน่อยมองไม่ค่อยจะเห็น แต่โดยรวมไม่ทำให้เสียอรรถรสในการรับชม มีมุมกล้องสวย ๆ ในฉากไล่ล่าบนยานอวกาศที่ดูแปลกตาดีด้านเสียงในตัวหนังส่วนใหญ่จะเลือกใช้เพลงเก่า ๆ ตัวอย่างเช่นเพลงของ The Spencer Davis Group - Gimme Some Lovin’ ในฉากหนีการไล่ล่าก่อนที่จะเปิดประตูรูหนอนข้ามเวลา ที่เข้ากันกับคาแรคเตอร์ของ อดัม อย่างมาก เป็นจังหวะสนุกเสียงดนตรีแอบแฝงความขี้เล่น ตอนนี้ได้เป็นเพลงเข้ามาอยู่ในเพลย์ลิสท์ส่วนตัวของผมเรียบร้อยแล้ว และยังมีเพลงของ Boston - Longtime ที่จะถูกเปิดขึ้นในช่วงการต่อสู้สุดท้าย ถึงจะไม่ได้เร้าใจหรือทำให้การต่อสู้ดูดุดันขึ้นแต่สามารถสร้างความสนุกในฉากต่อสู่ที่แฝงไปด้วยความกวน ๆ ของ อดัม ได้ดีเลยครับ ลองไปหาฟังดูนะครับความรู้สึกหลังรับชมสำหรับหนังเรื่องนี้ถ้าใครที่คิดว่าจะได้แค่ความสนุก ความตลกไร้สาระแล้วละก็ คิดผิดครับ เพราะในส่วนที่ดีที่สุดของหนังผมกลับชอบความดราม่าระหว่าง อดัม และ แม่ มากที่สุด ในฉากนี้ทั้งแววตา บท และการแสดงของนักแสดงส่งอารมณ์กันถึงจนแอบน้ำตาไหลซึม ๆ แน่นอน ถึงแม้หลังจากหนังจะจบลงไปแล้วความสงสัยเรื่องของการข้ามเวลาก็ยังไม่หายไป ถึงแม้ว่าในหนังจะบอกเล่ามาแล้วก็ตามแต่ก็ยังคงไม่ค่อยเข้าใจ และดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ โดยรวมถึอได้ว่าเปิดดูกับลูกหลานหรือจะเปิดดูก่อนนอนก็สนุกครับ เข้าใจง่าย เกลี่ยบทได้ดีไม่มีใครมากจนเหมือนแบกหนังอยู่คนเดียว แต่บางจุดยังขาดความสมเหตุสมผลอยู่บ้างแต่อย่าไปสนใจมากดูเพื่อความบันเทิงอย่าต้องมานั่งจับผิดขนาดนั้นเลยครับ บางฉากและการดำเนินเรื่องบางช่วง ชวนทำให้เรานึกถึงหนังดัง ๆ ยุคเก่าเยอะแยะมากทั้ง Back To The Future และ Star Wars แฟนหนังยุคเก่าคงมีอุทานกันบ้างแหละสรุปฉากกราม่าและฉากแอ๊กชั่นที่ผสมกันลงตัว ไหลลื่น ไม่งง ผมขอให้ 9/10 ครับ ขอหัก 1 คะแนน เนื่องจากอธิบายกฎการย้อนเวลาไม่ค่อยเคลียร์หรือผมไม่เข้าใจก็ไม่รู้ 555 เป็นหนังที่เทียบชั้นกับภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เข้าโรงได้เลย เอาเป็นว่า ไม่ผิดหวัง ไม่เจ็บใจ เหมือนหนัง Netflix เรื่องอื่น ๆ ที่จบแบบคาราคาซังแน่นอนเครดิตภาพและวิดีโอคลิปวีดีโอตัวอย่าง โดย Netflix Thailandภาพหน้าปก โดย NetflixFilmรูปภาพ 1 โดย Netflixthรูปภาพ 2 / รูปภาพ 3 / รูปภาพ 4 / รูปภาพ 5 / รูปภาพ 6 / รูปภาพ 7 / รูปภาพ 8 / รูปภาพ 9 / รูปภาพ 10 โดย NetflixFilmจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !