Short CommentMarriage Blue (2013)"เก่าแต่ดี" เมื่อความขบขันประสานความคมคายกับการแต่งงานที่อาจไม่ได้ต้องการแค่ความรักกลับมาเกาหลีอีกครั้งหลังจากรอนแรมไปเมืองฝรั่งแวะญี่ปุ่นแล้วไปอินเดียจนท่านผู้อ่านสายเกาอาจสงสัยว่าดูไปบ่นไปลืมเกาหลีไปแล้วหรือไร ความจริงผู้เขียนก็ยังดูละครเกาหลีอยู่แต่ยังดูไม่จบเพราะเป็นการดูแบบออกอากาศสดอยู่สองเรื่องซึ่งเมื่อดูจบก็จะมาเขียนบทความตามปกติ แต่ช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าหนังทางฝรั่งทางญี่ปุ่นและอินเดียค่อนข้างน่าสนใจเลยสามารถดึงความสนใจไปได้บ้างเพราะบางเรื่องถ้าไม่ดูก็อาจเสียดาย จนเมื่อเรื่องที่น่าสนใจดูครบหมดแล้วเมื่อรอสิ่งที่น่าสนใจล็อตใหม่ผู้เขียนก็พยายามเปิดแอปต่างๆเพื่อที่จะหาหนังที่ใช้เวลาไม่นานมากในการดูเพราะงานก็ยุ่งพอตัว จนไปเจอกับหนังเกาหลีเก่าๆเรื่องนี้ที่เมื่อตอนที่เข้า NETFLIX ใหม่ๆมีท่านผู้อ่านแนะนำมาทางเพจ "ดูไปบ่นไป" ว่าเป็นหนังดีที่คู่ควรดู แต่ด้วยเวลาและเหตุการณ์ทางบ้านที่ไม่เป็นใจก็ทำให้ลืมไปไม่ได้ดูจนเมื่อผู้เขียนเห็นมาเข้าใหม่ทางแอปสีเหลืองที่มักจะวกเวียนไปหาหนังเกาหลีที่น่าสนใจอยู่เป็นประจำ แล้วความจำก็ผุดขึ้นมาให้เปิดดูเรื่องนี้ที่ต้องบอกว่าขอบคุณท่านผู้อ่านที่แนะนำเพราะถึงจะเป็นหนังเก่าแต่ก็เข้าขั้น "เก่าแต่ดี"เรื่องราวของคู่รักสี่คู่ที่กำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์หนึ่งคือแทกยู (คิมคังอู) โค้ชเบสบอลอดีตนักเบสบอลอาชีพกับจูยอง (คิมฮโยจิน) แฟนสาวที่เป็นแพทย์รักษาอาการนกเขาไม่ขันและก่อนจะแต่งงานแทกยูดันไปพบว่าจูยองเคยหย่ามาก่อนเลยเกิดลมเพชรหึง สองคือโซมี (อียอนฮี) ช่างทำเล็บที่คบหากับวอนชอล (แทคยอน) แฟนที่เป็นเชฟมาเจ็ดปีแต่ชีวิตก็เหมือนเป็นปกติเกินไปเหมือนมองความรักและการแต่งงานในคนละมุม จนเมื่อโซมีเดินทางไปเกาะเชจูเพื่อแข่งขันทำเล็บเธอก็ได้เจอกับคยองซู (จูจีฮุน) ไกด์หนุ่มที่ต่างจากแฟนของเธอและโซมีที่ไม่เคยเจอสีสันในชีวิตก็เกิดความรู้สึกบางอย่าง สามคือกอนโฮ (มาดงซอก) เจ้าของร้านดอกไม้กับวิก้า (Guzal Tursunova) หญิงสาวชาวอุซเบกิสถานแต่แล้วก่อนแต่งงานนกเขาของกอนโฮดันห่อเหี่ยวไม่ขันเฟี้ยวเหมือนเคย และสุดท้ายแดบก (อีฮีจุน) พนักงานคลีนิคของยูจองกับยีรา (โกจุนฮี) ผู้จัดการบริษัทรับจัดงานแต่งแต่ดันท้องก่อนแต่งและมีพ่อเป็นบาทหลวงที่เคร่งศาสนาว่าที่สามีนับถือศาสนาพุทธและมีครอบครัวหัวโบราณ ทั้งสี่คู่สี่ปัญหาที่มาเกิดตอนสัปดาห์สุดท้ายก่อนแต่งงานแล้วจะได้แต่งกันหรือไม่บทที่แข็งแรงสามารถร้อยเรียงห้าเหตุการณ์สี่ปัญหาให้หลอมรวมเข้ามาเป็นจุดร่วมบนจุดต่างได้ลงตัว บทหนังเรื่องนี้ความจริงพิมพ์เขียวก็ไม่ต่างจากหนังรักคลาสสิคอย่าง Love Actually (2003) ด้วยการเล่าเรื่องในหลายมุมมองหลายเหตุการณ์ของความรักที่มีจุดร่วมคือวันคริสต์มาส ส่วนหนังเรื่องนี้ที่ออกมาภายหลังถึงสิบปีก็ยังใช้ลูกเล่นแบบนั้นแต่เล่าเรื่องของการเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์ ความโดดเด่นคือการเล่าเรื่องที่อาจไม่มีใครไปถึงตรงนั้นทุกคนคือการแต่งงานเพื่อเริ่มต้นชีวิตคู่แต่เป็นเพราะอะไรเมื่อการตัดสินใจแต่งงานก็คือจุดสิ้นสุดเส้นทางขวากหนามของความรักในระดับหนึ่งมิใช่หรือ? บทหนังจึงออกมาน่ารักบนความต่างของแต่ละคู่บนพื้นฐานชีวิตจริงที่ใครก็อาจเจอแบบนั้นและเล่าได้โดดเด่นทุกเรื่อง แต่ถ้าจะให้เลือกเรื่องที่ประทับใจคงเป็นเรื่องรักสามเส้าของโซมีช่างทำเล็บกับวอลชอลเชฟหนุ่มและคยองซูนักเขียนการ์ตูนผู้เปิดกล่องแพนดอร่าในใจของโซมี โดยที่ในทุกเรื่องจะมีเรื่องเล่าเป็นของตัวเองแต่ก็เกี่ยวพันกันทางใดทางหนึ่งที่อาจดูชุลมุนแต่กลับเข้ากันได้อย่างลงตัวแสนสนุกความขบขันประสานกับความคมคายได้ลงตัวทำให้ในเรื่องชวนหัวมีอะไรให้คิดจนดูแล้วติดดูแล้วเพลิน เพราะการแต่งงานคือการเปลี่ยนผ่านทั้งชีวิตและความคิดจึงอาจไม่ราบรื่นในโค้งสุดท้ายจนกลายเป็นความประทับใจ อย่างที่บอกคือมนุษย์ทุกคนจะมีความรักอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิตจะรักโดยได้คบหาหรือว่ารักเขาข้างเดียวก็คือความรัก แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เดินเข้าสู่ประตูวิวาห์และบางคนอาจผิดพลาดในการแต่งงานหนังจึงใช้มิติตรงนี้อย่างสุดคุ้มเพราะปัญหาของแต่ละคู่ก็คือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้และบางครั้งใครก็ให้คำปรึกษาใครไม่ได้ เพราะอย่างหมอที่ช่วยรักษาอาการนกเขาไม่ขันก็ยังเจอสถานการณ์เดียวกันเรื่องจึงออกมาดูแล้วติดดูแล้วเพลินเพราะเป็นเรื่องปัจเจกอย่างที่บอก ซึ่งไม่รู้ว่าผู้เขียนคิดไปเองหรือไม่ที่มองเห็นความเป็นแฟมินิสต์กลายๆเมื่อพฤติกรรมห่วยๆชวนหัวเราะออกมาจากความง้องแง้งไม่รู้จักโตของพวกผู้ชายยกเว้นเชฟวอลชอลที่เขาไม่ผิดอะไรจนกลายเป็นน่าสงสาร ทุกสิ่งที่เล่าในทุกเรื่องที่สนุกสนานเฮฮาจึงมีอะไรให้ได้คิดได้จับต้องก่อนที่ชีวิตทุกคนจะเปลี่ยนไปตลอดกาล การแต่งงานคือการเริ่มใช้ชีวิตคู่ที่บางทีอาจต้องการมากกว่าความรัก...? Marriage Blue คือศัพท์ที่เรียกอาการเครียดจนอาจซึมเศร้าก่อนแต่งงานหรืออาจมีอาการขวางหูขวางตาใครทำอะไรก็ไม่ถูกใจ ซึ่งสารภาพว่าก่อนแต่งงานกับคุณแม่บ้านผู้เขียนก็มีอะไรให้คิดมากมายแต่ไม่ถึงกับซึมเศร้าเหงาหงุดหงิดปานนั้นและปัจจุบันผู้เขียนก็อยู่กับคุณแม่บ้านมานานจนลูกชายคนโตอายุยี่สิบห้า ที่ผู้เขียนจะสื่อคือการแต่งงานคือจุดสิ้นสุดทางของความรักเพียงครึ่งเดียวเมื่อคนสองคนกำลังจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันโดยที่ถนอมจุดร่วมสงวนจุดต่าง แล้วสิ่งที่เห็นในหนังคือจุดต่างล้ำหน้าจุดร่วมออกมาทั้งจากฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเองและแน่นอนปัจจัยรอบข้างในสังคมตะวันออกคือเรื่องครอบครัวพ่อแม่แม้กระทั่งศาสนา เพราะเมื่อได้ใช้ชีวิตร่วมกันจะต้องได้เห็นจุดต่างเหล่านี้ทุกเมื่อเชื่อวันกระทั่งตอนนอนก็ต้องเจอกับเรื่องนอนกรน ความคิดของคนที่จะเดินเข้าสู่งานแต่งจึงพุ่งพล่านอย่างช่วยไม่ได้หรือแม้กระทั่งการที่ชีวิตธรรมดาปานต้มมาม่าเกินไปก็อาจทำให้ชีวิตติดหล่ม ความเข้าใจเท่านั้นที่จะประสานเรื่องความต่างเหล่านี้เข้าหากันโดยที่อาจไม่ต้องหายไปแต่มองข้ามไป เพราะการใช้ชีวิตคู่หลังจากแต่งงานต่างหากคือของจริงที่ต้องใช้มากกว่าความรัก รวมนักแสดงที่มีเสน่ห์เล่นแบบผ่อนคลายอาจมีบ้างที่ไม่เนียนไปแต่ไม่ใช่ปัญหา ด้วยความที่หนังออกฉายมาตั้งแต่สิบปีที่แล้วเรื่องการแสดงจึงยังมองเห็นบ้างว่ามีบางครั้งในบางคนดูตั้งใจเกินไปหรือยังไม่ถึงมาตรฐานของการแสดงในวันนี้ แต่เมื่อย้อนเวลาไปสิบปีก็พอให้อภัยได้เพราะวุฒิภาวะทางการแสดงยังไม่เก๋าพอแต่ก็มีบางคนที่ทำได้ดีแต่คงไม่แจกแจงเพราะนักแสดงก็เยอะ ทั้งคิมคังอู,คิมฮโยจิน,อียอนฮี,จูจีฮุน,แทคยอน,อีฮีจุน,โกจุนฮี,มาดงซอกและ Guzal Tursunova ทีแสดงอย่างมีเสน่ห์น่ารักน่าลุ้นในทุกเรื่องราวให้เก็บเกี่ยวอารมณ์และได้ฉุกคิดบางอย่างคุ้มกับหน้าที่ ที่น่าสนใจคือผ่านมาสิบปีมีเพียงไม่กี่คนที่มีเสน่ห์มากในเรื่องนี้ที่กลายมาเป็นนักแสดงแถวหน้าซึ่งคงไม่ไปลงลึกอะไรเพาะเราก็ไม่รู้ความจริงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานักแสดงบางคนจากเรื่องนี้ชีวิตจริงเขาได้ผ่านอะไรมาบ้าง แต่สิ่งที่เห็นคือการรับหน้าที่ได้ดีที่สุดดูผ่อนคลายลื่นไหลพาให้คนดูดูสนุกได้อย่างที่ตั้งใจหวัง ทำให้คนดูเชื่อทั้งใจว่าใครเป็นใครจะสงสารหรือเห็นใจใครหรือจะอยากดีดหูใครได้อย่างสนุกทำให้อะไรที่เป็นริ้วรอยไม่ใช่ปัญหาหนังสนุกและดูเพลินดูไปพร้อมเสียงหัวเราะรอยยิ้มที่หลากหลายอารมณ์ตามความหลากหลายเชิงมิติ เมื่อเปิดหัวมากับพฤติกรรมห่ามๆของตัวละครผู้เขียนก็รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้จะตั้งท่ามาบันเทิงแน่นอน ซึ่งถ้าดูปีที่ออกฉายอาจจะไว้ใจได้ระดับหนึ่งว่าหนังเกาหลีสมัยนั้นอาจมีบ้างที่ตั้งใจมาสนุกแต่กลับไม่ใช่ แน่นอนความสนุกยังมีผ่านพฤติกรรมห่ามๆของพวกผู้ชายที่คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลไม่เว้นแม้แต่เชฟวอลชอลผู้น่าเห็นใจ หนังจึงเทไปยังฝั่งผู้หญิงได้อย่างคมคายเพราะหลังจากนี้ผู้หญิงอาจไม่ได้เป็นตัวของตัวเองเพราะต้องเป็นแม่บ้านและถ้ามีลูกจะยิ่งหนัก ความสนุกสนานขบขันตลอดเรื่องที่มีมาจึงเห็นเป็นเรื่องสิทธิสตรีที่แฝงไว้อย่างเนียนเหลือเชื่อที่ถ้าไม่คิดตามอาจมองไม่ออก แน่นอนเรื่องของความรักที่อุตส่าห์ฝ่าฟันมาจนเกือบถึงวันใช้ชีวิตคู่แต่ต้องมาเจออุปสรรคอีกครั้งเมื่อสมองของคนคิดมากไปและที่เจ็บปวดคือดันคิดเข้าข้างตัวเอง หนังเก่าอายุสิบปีเรื่องนี้ถ้าว่ากันที่เนื้อหาและการเล่าเรื่องที่ดูสนุกดูเพลินคนดูก็อาจพลันได้คิดบางอย่างว่าความรักอาจไม่ใช่ทั้งหมดของการใช้ชีวิตคู่เพื่อเดินไปสู่การเป็นคู่ชีวิตดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก 1,2,3 / ภาพที่ 1,2,3,4,5,6,7,8 จาก cgv.co.kr ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/zZV7D3QW4EDXhttps://entertainment.trueid.net/detail/RGdN7R8pYly3https://entertainment.trueid.net/detail/JG3Orxqj9zZGhttps://entertainment.trueid.net/detail/13VmAQdVj7PZ จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !