ขยายจักรวาล! เผชิญหน้าความเงียบ :กำกับ ไมเคิล ซาโนสกี้ : สยองขวัญ/ไซไฟThe Quiet Place : The One เราสามารถเรียกว่าเป็น หนังซีรีส์ ได้ไหม สำหรับหนังแนวนี้ ซึ่งไม่ได้มีแค่ตอนนี้ ตอนเดียว ก่อนหน้านั้น ทั้งสองภาค ผมต้องยอมรับว่า อาจไม่ใช่คอหนังแนวนี้ ซึ่งที่ผมได้มาดูเรื่องนี้ ก็เพราะว่า เห็นชื่อ หนึ่งในผู้กำกับคนเดียวกันกับ เรื่อง IF (จอห์น คราซินสกี้) คลิ๊กอ่านได้ที่ลิงค์เลยนะครับ ทำให้ผมตั้งหน้าตั้งตาคอยชม ผลงานของเขาคนนี้ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นผู้กำกับ ท่านอื่นมาทำแทนหน้าที่นี้โดย ไมเคิล ซาโนสกี้ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลย กลับคิดซะอีกว่า เขาทำฉากนี้ได้ยังไงน้า เป็นฉากที่ทุกอย่างรอบตัว มีแต่หมอกควัน?โดยในภาคนี้ ฉากทั้งหมดเกิดขึ้นที่ นิวยอร์ค เมืองที่ติดอันดับ ว่าน่าอยู่ ของคนทั่วโลก และเกริ่นนำถึง ความวุ่นวายของคนเมือง และเสียงแตรรถ ที่ดูเหมือนไม่มีวัน จะเงียบหายไป ในเมืองใหญ่ กลางนิวยอร์ค แห่งนี้ ยังมีหนึ่งสถานที่ พักพิงสุดท้าย ของผู้ป่วย มะเร็ง ณ สถานพักฟื้น ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย แค่นี้ก็ทำให้ผม รู้สึกสะเทือนใจ และ เข้าใจในความรู้สึกของ "คนป่วย" ที่เขาหยิบยก เค้าโครงเรื่องนี้ มาเป็นตัวนำ แต่ยังคง แอบยัดมุขตลก ตามสไตล์ตลกฝรั่ง ที่ดูเหมือนเราจะ เห็นได้ในหนังแบบนี้ หรือที่เรียกว่า ตลกหน้าตาย ก็ไม่ผิดนัก เนื้อเรื่องก็ กำลังดำเนินไปด้วยดี จนกระทั่งผมเริ่มติดใจ กับคำว่า" พิซซ่า" ที่ผู้กำกับ พยายาม รึ จงใจ ใส่เพิ่มมันเข้าไป ซึ่งมันเป็นแนว สยองขวัญ/ไซไฟ ใช่ไหม แต่เขาพยายาม ที่จะทำให้กลายเป็น คอมเมดี้ ติดตลกหน่อยๆ แต่ไม่ถึงกับมาก เอาแบบพอหอมปากหอมคอ ซึ่งผมคิดว่า คงมีคนคิดแบบเดียวกับผม ว่าทำไม เป็นอะไรกับพิซซ่านักหนา เพราะทีแรกผม เข้าใจได้ว่า อ่อเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย อยากกินก่อนตาย อ่ะอันนี้พอเข้าใจได้ ซึ่งเขาเอาไปล้อกับสถานการณ์ ที่ค่อนข้างอันตราย จะเป็น รึ จะตาย ก็ยังไม่รู้ แต่ก็ขอให้ได้ กินพิซซ่าสักครั้งเถอะ คือผมคิดว่า มันคือตลกร้าย กับสถานการณ์ ที่ไม่เอื้ออำนวย กับความอยากที่อยู่ภายใน จิตใจของมนุษย์ กับตัวละครนี้ (ที่รับบทเป็น แซม โดย ลูพิตา ญองอ ซึ่งสายตาทุกคู่ ถูกจับจ้องมาที่เธอ จากผลงานการแสดง Balck Panter ที่ผมยังจำได้แม่นกับบทบาทของเธอในเรื่องนี้)มาเข้าเรื่องกัน! กับตอนต้น ที่ดูเหมือนยังไม่มีอะไร ให้ตื่นเต้น กับผู้ดูแล รูเบ็น ที่แสดงโดย (Alex Woff) ที่ทำให้เรา รู้ซึ้งถึงคำว่า นาทีสุดท้าย ของชีวิตที่ โรงละครหุ่นเชิด (The Puppet Show) ผมบอกได้เลยว่า ผมตีความหมายของมัน ได้แบบลึกซึ้งอย่างทันท่วงที ถึงความหมาย ที่มันซ่อน อยู่ในละครหุ่นนี้ เราลองนึกภาพ ดูสิ มันเปรียบเสมือนความฝัน หรือความสำเร็จ ที่มันลอยอยู่ จุดสูงสุดของชีวิต แล้วอยู่ดีๆมันก็แตก ร่วงโรยล้มลงสู่พสุธา กลายเป็นจุดต่ำสุดในการใช้ชีวิตที่เหลือ ในกล่องสี่เหลี่ยม ห้องเล็กๆในสถานพักฟื้น รอวันปิดฝากล่อง และจากโลกนี้ไป อย่างไม่ใยดี ค่อนข้าง ตะ-เตือน-ไต อยู่พักหนึ่ง แล้วก็ต้องตะลึง กับมหันตภัยร้าย ตกลงมาสู่โลกมนุษย์ และทำลายร้าง ชนิดไม่มีอะไรเหลือ กับปีศาจร้าย ที่มันอยู่ในความเงียบ ที่เขาว่าเหมือน ปีกนางฟ้าตกสวรรค์ ลงมาเป็นร่างของปีศาจ เพื่อกำราบความชั่วร้ายของมนุษย์ ให้หมดไป แต่ที่น่าตลกอยู่อย่างคือ ปีศาจกลัวน้ำ! คือก็แบบว่า อะน่ะ อย่างน้อยก็ยังมีจุดอ่อน ที่มันค้านกับจุดแข็ง เรื่องเสียง ที่แหม่ แค่กระดิก เพียงนิดเดียว ก็ถูกลากออกไปฆ่า ฉากที่ผมปลาบปลื้มมาก คือ ฉากที่กำลังหนี หัวซุกหัวซุน ในเงาหมอก สีขาวรายล้อมรอบตัว ของนักแสดงหญิงเหล็กของเรา ที่กำลังตัวสั่นงันงก กับภาพที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า ไม่รู้จะหาหนทางหนีไปทางไหน จะตะโกนก็ไม่ได้ จะร้องไห้ หรือขอให้ใครช่วยก็ไม่ได้ หลังจากที่ทั้งเมือง ถูกทำลาย แต่เชื่อไหม ในใจของเธอยังคง โหยหาพิซซ๋า! นี่แหละที่ ผมบอกว่า ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าสถานการณ์เลวร้ายขนาดนี้ ย๊างจะกินพิซซ่า อีกเหรอ! หลังจากที่ รูเบ็น ตายไปจากความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ ที่เครื่องปั่นไฟ เสียงฉีกขาด จากเสื้อคลุม ทำให้พวกมันขย้ำเขา เข้าไปในซอกหลืบ ในมุมตึก ทำให้แซมตระหนักได้ว่า ฉันต้องเดินตามฝัน ไปให้ได้ คือ การได้กินพิซซ่า ก่อนตายนั้นคือเป้าหมายสูงสุดของเธอ หลังจากได้รับประกาศ จากเสียงเฮลิคอปเตอร์ ให้ทุกคนย้ายออกจากที่พัก มาขึ้นเรือข้ามฟากแทน เพราะสะพานถูกระเบิด ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะเหตุการณ์นี้ ทำให้เธอได้พบกับ หนุ่มนักกฏหมาย ที่จับผลัดจับผลูมาเรียนต่อ ที่นิวยอร์ค ทำให้ตกกระไดพลอยโจน กับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ หลังจากที่เขาโผลพ้นจากท่อระบายน้ำขึ้นมาได้ พร้อมกับสภาพหน้าตาตื่นกลัว ซึ่งรับบท เป็น อีริก โดย โจเซฟ ควินน์ ในเรื่องยังมีตัวละครเอก ที่ไม่คิดว่าจะกลายมาเป็น ตัวนำเรื่องนี้ได้เลย แต่กลับกลายเป็น ว่าความสนใจทั้งหมด ตกมาอยู่ที่ แมว เหมียวๆ ที่เห็นแล้ว ต้องทึ่งในความฉลาด เอาตัวรอด ทั้งเรื่องของมัน จริงๆ หากขาดเหมียวน้อยตัวนี้ไป ไม่แน่ว่า แซมอาจจะตายไปแล้วก็ได้ จากเหตุการณ์นี้เอง ที่ทำให้ทั้งคู่ได้มาพบกัน ความอยากกินพิซซ่า กับ อีกคนที่ยังไม่รู้ทางหนีทีไล่ ทำให้แซมจำใจจำยอม ให้อีริกเดินตามมาด้วย และบอกทางที่เขาควรจะไป ไม่ใช่ทางที่เธอกำลังมาอยู่นี่ แน่อนไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่คิดว่า พิซซ่าจะสำคัญกับเธอขนาดนี้ แต่เป็นเพราะความเห็นอกเห็นใจ ของอีริก ที่คิดว่าท้ายที่สุดแล้ว อยากทำความฝันของเธอให้เป็นจริง หลังจากที่รู้ว่าเธอกำลังป่วยหนัก อีริกก็ตอบแทนเธอ โดยการ เสี่ยงออกไป หายาระงับปวด ให้กับเธอ จนเกือบจะเอาตัวไม่รอด แต่ก็เพราะแมวอีกนั้นแหละ ที่เป็นตัวชี้นำให้เขาได้รอดกลับมา อย่างหวุดหวิด และได้มีเสี่ยวเวลาเล็กๆ ที่ทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอ ได้พบกับความสุขสมหวัง กับพิซซ่า ที่อีริก หามาประเคนให้เธอได้ในที่สุดท้ายที่สุดแล้ว เธอรู้ตัวดีว่า ไม่มีโอกาสรอดอีกแล้ว เธอจึงฝากฝังแมวไว้เลี้ยงดู และให้เสื้อโค้ทเป็นที่ระทึกแก่ อีริก คือมันระทึกจริงๆ กับการที่พวกเขาต้องไปเสี่ยงกับ ดงปีศาจ ตลอดทางที่เธอตั้งใจ จะตอบแทนเขาโดยการให้เขา ได้มีโอกาศรอดชีวิตกลับไปขึ้นเรือ และฉากจบที่แนวมากๆ เหมือนกับว่า ชีวิตนี้ฉันไม่แคร์อะไรอีกแล้ว ฉันอยากทำอะไรก็ทำ อยากเปิดเพลงดังๆ ฟังคนเดียว ในเมืองที่แสนโดดเดียว แห่งนี้และพร้อมจากไป กับปีศาจที่พร้อมจะกระชากวิญญาณเธอ ออกจากร่างไปในที่สุด ผมบอกได้ว่า อาจจะอดใจไม่ไหวที่จะต้องรีบไปหา ภาค ๑ และ ภาค ๒ มาดูด่วนๆ แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง กับฉากแอคชั่น ที่จะมากระชากวิญญาณ ของคุณ ให้ออกจากร่าง อ๊ะ❗ อ๊ะ❗ อย่าส่งเสียง🔇 เพราะพวกมันคอยฟังคุณอยู่นะ! ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันมาตลอด และหวังว่าทุกท่านจะชอบและสนุกไปกับเนื่้อเรื่องย่อ และขอให้วันนี้เป็นวันดีสำหรับทุกท่านครับ ภาพประกอบบทความจาก Facebook Paramount pictures (1)(2)(3)(4) ภาพประกอบหน้าปก (1), Shadow Element โดย Luiza Bola จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !