ซีรีส์แนวดาร์กแฟนตาซี คอมเมดี้ ผลงานล่าสุดจาก Marvel Television Agatha All Along สตรีม 2 ตอนแรกได้แล้วตอนนี้บน Disney+ Hotstar ร่วมผจญภัยไปกับโลกแม่มดสุดดาร์ก พร้อมท่องไปบนเส้นทางสุดอันตรายกับแม่มดวายร้ายจอมขโมยซีนขวัญใจแฟน ๆ จาก “WandaVision” ซึ่งครั้งนี้เธอพร้อมแล้วที่จะกลับมาทวงคืนพลังที่สูญเสียไป พร้อมพาผู้ชมดำดิ่งไปยังโลกเวทมนตร์สุดโกธิคและเมืองต้องสาปที่ซ่อนไว้ซึ่งสิ่งเร้นลับกว่าเดิม พร้อมกับเดอะแก๊งแม่มดไร้กลุ่ม (Covenless Witches) ที่อาจจะกลายมาเป็นขวัญใจแฟน ๆ หลายคนหลังจากนี้
เรียกกระแสตอบรับได้ดีเยี่ยม สำหรับ 2 ตอนแรกของ Agatha All Along กับ Agatha Harkness แม่มดวายร้ายจอมโขมยซีนที่กลายไปขวัญใจของแฟน ๆ อีกครั้งเพียงชั่วข้ามคืน โดยมีเพจรีวิวหนังจำนวนไม่น้อยที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “Agatha All Along ไม่ได้มาเล่น ๆ” เพราะรอบนี้ทาง Marvel Television ได้เผยโปรดักชันแบบจัดเต็ม ทั้งการแต่งหน้าทำผมและคอสตูม รวมถึงเคมีของตัวละครที่ลงตัว ทำให้บทตบมุก-รับมุกดูเป็นธรรมชาติ และบรรยากาศความน่ากลัวแบบขนลุกขนพองที่ช่วยขายความเป็นดาร์กแฟนตาซี คอมเมดี้ เรื่องแรกของมาร์เวลได้เป็นอย่างดี
Agatha Harkness จากแม่มดพลังม่วงตัวร้ายสู่ดาวเด่นในจักรวาลใหม่
นับเป็นครั้งแรกในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลที่ตัวละครที่ไม่เคยมีคอมมิคของตนเอง ได้มาเฉิดฉายในรูปแบบซีรีส์เดี่ยว จากกระแสตอบรับจากแฟน ๆ อย่างล้นหลามตั้งแต่การปรากฏตัวครั้งแรกของ Agatha Harkness ภายใต้หน้ากากของเพื่อนบ้านแสนดีที่แปรมาเป็นแม่มดตัวร้าย แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าเธอเป็นถึงแม่มดในตำนานที่มีชีวิตมายาวนานหลายศตวรรษ และได้สั่งสมพลังเวทย์น่าสะพรึงกลัว จนกลายเป็นหนึ่งในแม่มดที่มีพลังมากที่สุดในจักรวาลเวทมนตร์
อย่างไรก็ตาม ในฉากเปิดจากตัวอย่างของ Agatha All Along ทำให้เราได้เห็นอีกมุมหนึ่งของแม่มดพลังม่วงตนนี้ โดยเรื่องราวได้เล่าต่อจากที่ Agatha Harkness ถูกดูดพลังไปจนหมด และลืมตัวตนแม่มดไปจนหมดสิ้น ซึ่งได้พลิกผันชะตากลายเป็นนักสืบที่กำลังตามสืบเหตุฆาตรกรรมปริศนา กลายมาเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ Agatha Harkness ฟื้นคืนตัวตนที่แท้จริงกลับมาอีกครั้งก่อนเดินหน้าสู่ภารกิจแก้แค้นที่เจ็บแสบ และทวงคืนพลังของตนเองกลับมาด้วยการช่วยเหลือของวัยรุ่นปริศนาที่อาจเป็นตัวแปรสำคัญของอนาคตโลกเวทมนตร์
Jac Schaeffer หัวหน้าทีมเขียนบทและผู้อำนวยการสร้างซีรีส์ Agatha All Along เล่าเพิ่มว่า Agatha Harkness เป็นตัวละครที่ซับซ้อน ที่ไม่ได้ถูกตีตราชัดว่าเป็นตัวร้ายหรือคนดีบนผ้าสีขาว แต่กลับเป็นตัวละครสีเทา ที่ยึดถือมั่นในความคิดของตนเอง และจะเดินไปในเส้นทางที่เธอเชื่อว่าถูกต้องตามสัญชาตญาณ ทำให้ในบางเวลาเธอเปรียบเสมือน “ครู” แต่ในเวลาอื่น ๆ ก็กลายเป็น “วายร้าย” เต็มรูปแบบ โดยใน Agatha All Along แฟน ๆ จะได้เห็นอีกหลายมุมของตัวละคร Agatha Harkness ในฉากหลังต่าง ๆ ทั้งในเมือง Westview และระหว่างการผจญภัยบน Witches’ Road ที่เต็มไปด้วยความลึกลับ
รวมก๊วนแม่มดที่นิสัยไม่เข้ากัน แต่กลับเคมีตรงกันในทุกจังหวะ
เมื่อ Agatha Harkness ผู้สูญเสียพลังเวทมนตร์ ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ คือการรวมทีมแม่มด Covenless Witches ที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อฝ่าบททดสอบสุดโหดบน Witches’ Road การรวมทีมครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องอาศัยความร่วมมือและความเข้าใจระหว่างกัน โดยเฉพาะเมื่อ Agatha ต้องร่วมมือกับอริเก่าอย่าง Rio Vadal แม่มดวายร้ายที่เคยขัดแย้งกันมาก่อน หรือ Jennifer Kale แม่มดที่ใช้เวทมนตร์เพื่อแสวงหากำไร และ Alice Wu-Gulliver ลูกสาวของร็อคสตาร์ชื่อดังผู้ไม่เห็นด้วยกับทุกสิ่ง และคอยตั้งแง่กับ Agatha อยู่ตลอดเวลา รวมถึงตัวละครสำคัญอื่น ๆ เช่น Lilia Calderu แม่มดที่สูญเสียความสามารถในการมองเห็นอนาคต และ Mrs. Hart ชาวเมือง Westview ที่เคยมีบทบาทใน “WandaVision” นอกจากนี้ ยังมี Teen หนุ่มลึกลับที่ไม่มีใครรู้จักที่มาและเป้าหมายที่แท้จริง แต่กลับมีบทบาทสำคัญในการเดินทางครั้งนี้
ไฮไลท์ของ Agatha All Along คงหนีไม่พ้นเรื่องเคมีของตัวละครที่โคจรรอบ Kathryn Hahn ในบท Agatha Harkness โดยผู้ชมจะได้พบกับแม่มดในจักรวาลนี้อีกมากมาย ที่ล้วนแล้วต่างมีเป้าหมายของตนเอง ความฮาจึงบังเกิดเมื่อก๊วนแม่มดไร้กลุ่มที่นิสัยไม่เข้ากันนี้ต้องจำใจร่วมผจญภัยไปกับ Agatha ผู้ซึ่งคุ้นชินกับการอยู่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด
ดีไซน์ฉากอลังการสมจริงแบบไม่พึ่ง CGI
แน่นอนว่าหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญของโปรดักชันซีรีส์แนวแฟนตาซีคงหนีไม่พ้นการใช้ CGI เพื่อสร้างเอฟเฟ็กซ์ที่สร้างชีวิตของโลกเวทมนตร์ขึ้นมา แต่ความ “สมจริง” ของฉากใน Agatha All Along ได้สร้างความประหลาดใจที่น่าจับตามอง เมื่อ Mary Livanos โปรดิวเซอร์ของซีรีส์เรื่องนี้ ผู้นำทีมคว้ารางวัลOutstanding Production Design for a Narrative Program (Half-Hour) ของเวที Emmy Awards 2021 จาก “WandaVision” มาแล้ว เผยว่า แต่ละฉากใน Agatha All Along แทบจะใช้เทคนิควิชวลเอฟเฟกต์เป็นศูนย์
“เรามองว่าการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างโลกแฟนตาซีกับโลกความจริงค่อนข้างสำคัญสำหรับนักแสดงและทีมงานมาก โดยจากซีรีส์ของ “WandaVision” ก่อนหน้านี้ที่เราตั้งใจพาผู้ชมกลับไปยังยุคทองของรายการโทรทัศน์ซิตคอม สำหรับ Agatha All Along เราจึงตั้งใจพาทั้งนักแสดงและผู้ชมกลับไปยังยุคทองของการสร้างหนังแฟนตาซีในยุค 1989 เช่นเดียวกัน”
Mary Livanos ยังกล่าวเสริมว่า เสน่ห์ของการถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้คือการทำให้เหล่านักแสดงเชื่อว่ากำลังอยู่ในโลกแม่มดจริง ๆ ผ่านการใช้เอฟเฟ็กซ์และฉากที่จับต้องได้ ตั้งแต่ฉากขี่ไม้กวาด เส้นทางสายแม่มดที่สยดสยองแต่ก็ห้อมล้อมด้วยเวทมนตร์น่าค้นหา ไปจนถึงปีศาจร้ายที่พบเจอระหว่างทาง และการใช้ไฟจริงในฉาก ซึ่งสร้างความแตกต่างให้กับโลกแม่มดที่ฉีกออกจากภาพจำของจักรวาลมาร์เวลอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง
หนึ่งในอีกเหตุผลที่ทีมงานตัดสินใจถ่ายทำโดยแทบจะไม่ใช้ CGI นั้น เกิดจากความตั้งใจให้องค์ประกอบสอดคล้องกับการที่ Agatha Harkness สูญเสียพลังของเธอไป โดยถือว่าเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของโปรดักชันมาร์เวลในการสร้างฉากสมจริง 360 องศา โดยองค์ประกอบในฉากสำหรับเส้นทางสายแม่มด ได้สร้างบรรยากาศน่าหวาดกลัวให้นักแสดงรู้สึกถึงลางร้ายจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างอุโมงค์ที่หากตัวละครก้าวพลาด จะมีบางอย่างปรากฏขึ้นมา ซึ่งไม่เพียงแต่ตาเห็นเท่านั้น แต่ละฉากยังยกระดับความสมจริงโดยนักแสดงสามารถสัมผัส และได้กลิ่นทั้งน้ำ หมอก หรือหญ้าที่ปกคลุมบนพื้นอีกด้วย โดยเรียกได้ว่า การสร้างฉากแบบไร้ซึ่งเวทมนตร์จาก CGI กลับถือเป็นมนต์เสน่ห์ที่สร้างโลกของ Agatha All Along ให้มีชีวิตขึ้นมาได้อย่างแท้จริง
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงปฐมบทเท่านั้น โลกของแม่มดในจักรวาลมาร์เวลยังมีความลับที่น่าค้นหาอีกมากมาย โดยแฟน ๆ สามารถลุ้นชะตากรรมของ Agatha และก๊วนแม่มด ใน Agatha All Along ทั้ง 9 ตอน ทุกวันพฤหัส พร้อมพากย์ไทย เฉพาะบน Disney+ Hotstar เท่านั้น
-------------------------------------
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa