รีเซต

แซม ยุรนันท์ เปิดวีรกรรมคุณแม่ ดีกรีคุณครูสาวสวย ตำแหน่งรองนางสาวไทย

แซม ยุรนันท์ เปิดวีรกรรมคุณแม่ ดีกรีคุณครูสาวสวย ตำแหน่งรองนางสาวไทย
ข่าวสด
10 กรกฎาคม 2564 ( 21:28 )
351

แซม ยุรนันท์ เปิดวีรกรรมคุณแม่ ดีกรีคุณครูสาวสวย ตำแหน่งรองนางสาวไทย ประจำปี พ.ศ. 2491

แซม ยุรนันท์ เปิดวีรกรรมคุณแม่ - เปิดเรื่องราวย้อนอดีตสนุกๆ มาฝากแฟนๆอีกครั้ง สำหรับนักแสดงหนุ่ม แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี ได้ออกมาเขียนข้อความเล่าวีรกรรมของคุณแม่ เรณู ภมรมนตรี กับที่มาของตำแหน่งรองนางสาวไทย ประจำปี พ.ศ. 2491 เป็นที่เลื่องลือ กับความสวย อารมณ์ดี ขวัญใจเด็กๆโรงเรียนสตรีวรนาถ

โดย แซม ยุรนันท์ กล่าวว่า "กลายเป็นนักเขียนออนไลน์ไปซะละ 555 วันนี้เป็นเรื่องคุณแม่นะครับ คุณเรณู (พิบูลภานุวัธน์) ภมรมนตรี เป็นบุตรสาวคนเล็กของคุณหลวงศรไกรรณรงค์ นายทหารเรือจอมเฮี้ยบ! แต่ลูกสาวคนนี้จอมเฮี้ยวจอมซนไม่ฟังใคร ..คุณพ่อ จึงตัดสินใจส่งเข้าโรงเรียนประจำหญิงล้วนที่โรงเรียนราชินีครับ หวังจะให้อบรมบ่มนิสัยให้สมกับเป็นกุลสตรีไทย

แต่กลับกลายเป็นว่าไปเป็นหัวโจกสร้างตำนาน กล่าวขานจากรุ่นสู่รุ่น! ว่าเป็นเด็กที่แก่นแก้วที่สุดก่อวีรกรรมแสบๆคันๆไว้มากมาย คุณแม่เคยเขียนเล่าวีรกรรมต่างๆไว้บ้างเป็นตอนๆ ในหนังสือแพรวอยู่เป็นปี เป็นที่สนุกสนานจนมีเสียงเรียกรองให้รวมเป็นเล่มชื่อว่า 60 ยังแจ๋วครับ แต่ด้วยความที่เด็กหญิงเรณูมีหน้าตาสะสวย ช่างพูดขี้ประจบทำให้ครูบาอาจารย์โกรธไม่ลง

แต่ก็ไม่มีท่านใดอยากให้สอบตกอยู่ช้ำชั้นของตนอยู่ดี และมักจะถูกเรียกมานั่งอยู่หน้าชั้นเรียนเป็นประจำ (ซึ่งจะเป็นโต๊ะทองไว้สำหรับนักเรียนที่เรียนเก่งและมารยาทดีที่สุดของห้องครับ) เพื่อคุณครูจะได้หยิกได้ตีง่ายๆ อีกทั้งจะได้ไม่ชวนเพื่อนคนอื่นๆเหลวไหลซุกชนไม่ตั้งใจเรียน

..อยู่มาวันนึงท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษารูปหล่อ (คุณพ่อผมเอง) มาตรวจเยี่ยมโรงเรียน (ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมเลือกมาตรวจโรงเรียนหญิงล้วน555) แล้วด้วยบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบท่านก็ถูกพามาทักทาย นักเรียนห้องนี้!! ชมว่านักเรียนทุกคนเรียบร้อยน่ารักสมกับเป็นกุลสตรีไทย และถามคุณครูประจำวิชานั้นว่า.. "เด็กที่ได้นั่งโต๊ะทองหน้าชั้นเรียนนั้นมีความหมายว่าอย่างไรครับ"

คุณครูสารภีจำใจตอบท่านอย่างไม่ค่อยเต็มปากนักว่า "เด็กที่ได้นั่งโต๊ะทองต้องเป็นเด็กเรียนเก่ง และความประพฤติดีเยี่ยมค่ะท่าน" ท่านก็เข้ามาชื่นชมว่านอกจากจะเรียนเก่งความประพฤติดีงามแล้วยังหน้าตาสวยน่ารักอีก ด้วยน่าปลื้มใจแทนคุณพ่อคุณแม่นะครับ แม่ยิ้มสะใจ แล้วหันไปหลิ่วตาให้ครูสารภีหนึ่งที! ..คุณครูมองกลับตาเขียวปั๊ด เพื่อนๆหัวเราะกันทั้งห้อง 555

เคยถามคุณพ่อว่าจำเด็กคนนั้นได้หรือเปล่า?? พ่อตอบว่าจำได้สิ!! ศรรักปักอกตั้งแต่ตอนนั้นเลย (แหมๆๆท่านน้อยๆหน่อย 555) และนั่นคือการได้เจอกันครั้งแรกครับ จากเด็กนักเรียนจอมแสบ คงไม่มีใครเชื่อใช่ไหมครับ ว่าคุณแม่ผมจะเป็นครู? ใช่ครับ..คุณแม่เคยเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนสตรีวรนาถ แม่บอกว่า"ชั้นเป็นขวัญใจของเด็กๆนะจ๊ะจะบอกให้
เด็กจอมเฮี้ยวทั้งหลายชั้นเอาอยู่หมดทุกคน!!

มีคนลือกันว่าครูโรงเรียนนี้สวยจนมีผู้ใหญ่ของกระทรวงการคลังมา ทาบทามที่โรงเรียนขอส่งครูเรณูประกวดนางสาวไทย!! ท่ามกลางเสียงเชียร์ลั่นของเด็กนักเรียนแต่เพื่อนๆพี่ๆครูด้วยกันสิครับ แอบหวั่นใจว่าจะไหวเหรอ? ที่แรกคุณตาไม่ยอมให้ครับเพราะหวงลูกสาวแต่คุณยายโอเคจะไปคุมให้เอง

การประกวดสมัยนั้นไม่อนุญาตให้แต่งหน้า ให้ทาปากได้อย่างเดียวครับ ชุดก็มีเพียงแค่ชุดไทยและชุดลำลองเป็นกางเกงขาสั้นเท่านั้นครับ คุณแม่บอกว่าถ้าเทียบกับผู้เข้าร่วมประกวดคนอื่นๆแล้วแม่ช่างดูห่างไกลจากตำแหน่งนางสาวไทยในนิยามเหลือเกิน ทุกคนดูอ่อนข้อย ค่อยๆพูดค่อยๆเดิน เอวบางร่างน้อยๆ ส่วนแม่ก็กระโดกกระเดก ว่องไวสูง 170 ซึ่งสูงมากในสมัยนั้น

แม่บอกว่ากว่าคนอื่นจะเดินหมุนร่มกันไปมาได้ครบรอบ แม่ก็เดินฉับๆต่อไม่รอใครไป 3 รอบแล้ว 555 เขาให้ยิ้มตลอดเวลา ก็ไม่ยิ้ม!! บอกว่าไม่ใช่คนบ้านะจะได้ยิ้มตลอดเวลาได้ไง!!(โธ่..ขุ่นแม่ค้าบบ แต่แม่ก็เป็นขวัญใจของกองเชียร์นะ ทุกวันพอแม่ออกมาเสียงเชียร์กระหึ่ม
ผมถามว่าอาจเป็นเพราะแม่แปลกแหวกทุกกฎไม่เหมือนคนอื่นเขารึเปล่า? แม่บอกว่า"ชั้นสวยย่ะ"555

แต่กรรมการท่านคงลำบากใจแน่ๆ เพราะนางคงดื้อมากแหละ!! สุดท้ายตำแหน่งนางสาวไทยในปีนั้นก็เป็นของคุณลัดดา สุวรรณสุภาครับ ส่วนคุณแม่เป็นรองอันดับหนึ่งครับ (ตามรูป) แต่ก็เป็นรองที่Popular มากครับ ได้รับเชิญให้ออกงานแทบทุกวัน ขนาดว่าคุณครูเอื้อ สุนทร
สนาน แห่งวงดนตรีชื่อดังสุนทราภรณ์ถึงกับแต่งเพลงประจำตัวให้แม่..ชื่นชมในความงามความหอม..เวลาไปปรากฏตัวที่งานไหนจะบรรเลงเพลงนี้ต้อนรับ

หรือเป็นเพลงเปิดฟลอร์ให้เต้นรำในจังหวะแทงโก้เร้าใจ!ผู้ ชื่อเพลงว่า."เรณูดอกฟ้า" ขับร้องโดยคุณมัณฑนา โมรากุลนักร้องชื่อดังมาก ในสมัยนั้นครับ และได้แสดงเป็นนางเอกละครเรื่อง ราชันย์ผู้พิชิต เพื่อเป็นการเปิดโรงละครแห่งใหม่สุดอลังการใน สมัยนั้นคือโรงละครเฉลิมไทย(ต่อมาเปลี่ยนเป็นโรงภาพยนตร์ ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานอนุสาวรีย์พระบรมรูป รัชกาลที่3 ครับ) ...จากนั้นก็ไปเรียนที่อังกฤษอยู่หลายปี"