F Is for Family ถึงจะดูเป็นการ์ตูนลายเส้นเบาสมอง แต่อย่าได้เปิดให้เด็กดูเชียว นี่คือการ์ตูนสำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ F word เป็นที่รู้กันว่าย่อมาจากคำว่าอะไร แต่ชื่อซีรีส์เรื่องนี้เล่นคำโดยให้ตัว F หมายถึง Family ซึ่งเป็นครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ บางครั้งก็ทำให้ปวดหัวแทบระเบิด หงุดหงิดจนแทบจะเป็นบ้า แต่ก็ประคับประคองกันยามเจอปัญหาเลวร้ายจนผ่านพ้นไปเนื้อเรื่องจะพาย้อนกลับไปยังอเมริกายุค 1970 ครอบครัวเมอร์ฟีนั้นเป็นครอบครัวชนชั้นกลางเล็ก ๆ ที่อาศัยในบ้านขนาดกลางทั่วไปย่านชานเมือง นำโดย แฟรงก์ เมอร์ฟี่ หัวหน้าครอบครัวขี้หงุดหงิด ติดสบถ พ่นคำหยาบวันละหลาย ๆ รอบเมื่อเกิดอะไรไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะหงุดหงิดกับเรื่องงาน พอเข้าบ้านก็เจอลูก ๆที่ทำให้ปวดหัวหนักกว่าเดิม ซู เมอร์ฟี่ แม่บ้านผู้ใจเย็น คอยจัดการดูแลครอบครัวและรองรับอารมณ์แฟรงก์ พยายามทำให้แฟรงก์เป็นคนใจเย็นและเลี้ยงดูลูกโดยไม่ต้องดุด่าแต่ก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ทั้งคู่มีลูกสามคน ลูกชายคนโต เควิน เมอร์ฟี เป็นเด็กวัยรุ่นที่อยู่ในวัยกำลังต่อต้าน และคนที่เขาต่อต้านมากที่สุดก็คือแฟรงก์นั่นเอง เควินไม่ชอบไปโรงเรียน รักดนตรี ชอบเล่นกีตาร์ มีวงดนตรีที่ทำร่วมกับเพื่อน ถึงจะดูเป็นเด็กเหลวไหลแต่จริง ๆ แล้วเป็นคนที่มีจิตใจดีและเป็นคนอ่อนไหว รักครอบครัวแต่ไม่ชอบแสดงออกถัดมาเป็นลูกชายคนกลาง บิล เมอร์ฟี่ บิลเป็นเด็กแหยและขี้ขลาด มักจะโดนแกล้งหรือโดนเอาเปรียบอยู่บ่อย ๆ แม้แต่พ่อเขาเองก็มักจะพูดลับหลังเสมอว่าเป็นเด็กขี้แย บิลมีเพื่อนสนิทชื่อฟิลลิปส์ ซึ่งบ้านอยู่ใกล้ ๆ กัน ฟิลลิปส์เป็นเด็กขี้ขลาดยิ่งกว่าบิลและมักจะเป็นคู่หูที่โดนแกล้งเป็นประจำลูกสาวคนสุดท้อง มอรีน เมอร์ฟี่ ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเดียว แฟรงก์จึงโอ๋ลูกคนนี้เป็นพิเศษอย่างออกนอกหน้าและเรียกมอรีนว่าเจ้าหญิง สังเกตได้ว่าแฟรงก์ไม่เคยพูดคำหยาบกับมอรีนเลย มอรีนเป็นเด็กฉลาด ชอบคอมพิวเตอร์และวิทยาศาสตร์ แต่ด้วยความที่ยุค 70 ยังเป็นยุคที่สตรีไม่ได้รับการยอมรับสักเท่าไหร่ ความชอบและความฉลาดของเธอจึงไม่ถูกยอมรับและมักจะไม่มีคนสนับสนุน มอรีนมักชอบแกล้งบิลและใช้พ่อเป็นโล่กำบังอยู่บ่อย ๆก่อนหน้าลูก ๆ จะเกิด แฟรงก์เคยเข้าโรงเรียนการบินและใฝ่ฝันจะเป็นนักบินและกำลังเดทกับซูซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่บังเอิญว่าซูเกิดท้องขึ้นมาก่อนในระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย ทำให้ซูต้องพักการเรียนไว้และไม่ได้กลับไปเรียนต่ออีก ส่วนแฟรงก์ก็ต้องออกจากโรงเรียนการบินและมาทำงานในตำแหน่งจัดการสัมภาระของสายการบินโมฮีแกนที่เขาเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นกัปตันที่นี่ และเริ่มต้นชีวิตครอบครัวจากนั้นเป็นต้นมา ซึ่งเป็นปมหนึ่งที่ทำให้แฟรงก์รู้สึกคับแค้นใจกับชีวิต ในขณะที่ซูก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากเป็นแม่คน จึงพยายามหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ชีวิตว่างเปล่าส่วนลูก ๆ แต่ละคนก็มีปมปัญหาของตัวเอง เควิน ลูกชายที่รู้สึกว่าพ่อไม่ยอมรับในสิ่งที่ชอบ ต่อต้านสังคม เกลียดการโกหกปลิ้นปล้อนของผู้ใหญ่ และอยากจะเป็นร็อกสตาร์แต่ไม่มีคนสนับสนุน บิล มักจะโดนเด็กอันธพาลแกล้งและขู่จนกลัวขึ้นสมอง เป็นเด็กอ่อนแอที่สับสนและยังไร้เดียงสากับโลกของผู้ใหญ่ในขณะเดียวกันที่มอรีน ก็ต้องต่อสู้กับความคิดของคนยุค 70 ที่มองว่าผู้หญิงไม่เหมาะกับวิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ทำให้ไม่ค่อยมีคนสนับสนุนในความสามารถของตัวเอง เนื้อเรื่องแต่ละวันจะเริ่มขึ้นที่บ้านอันวุ่นวาย เหล่าเพื่อนบ้านจอมสอดรู้สอดเห็นที่ชอบยื่นจมูกเข้ามายุ่งกับเรื่องในครอบครัว กลุ่มเพื่อนลูก ๆ ที่ทั้งเนิร์ดสุดขั้วและเหล่าเด็กมีปัญหา สังคมที่ทำงานของแฟรงก์ที่แบ่งเป็นกลุ่ม white collar และ blue collar โดยมีแฟรงก์เป็นตัวเชื่อมระหว่างคนสองชนชั้นนี้นอกจากนี้ F Is for Family ยังมีมุกตลกเกี่ยวกับเรื่องเหยียดสีผิว องค์ความคิดอคติเหมารวมเกี่ยวกับคนผิวสี เกย์ หรือกลุ่มคนรักร่วมเพศ และปัญหายาเสพติด ซึ่งควรใช้วิจารณญาณในการรับชมให้มาก ว่าเป็นการเสียดสีกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้ว ซึ่งในช่วงหนึ่งนั้นเคยเกิดขึ้นจริง หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ทางการเมืองในยุคนั้น หนึ่งในปัญหาที่เห็นได้ชัดคือ ตัวแฟรงก์เองซึ่งเป็นทหารผ่านศึกจากเวียดนาม ในบางครั้งจะเห็นได้ว่าเขายังมีอาการประสาทหลอนจากสงคราม เช่น ละเมอว่าอยู่ในพื้นที่สู้รบอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการที่ยุคนั้นยังไม่มีการปรับสภาพจิตใจของทหารที่ผ่านศึกก่อนจะกลับคืนสู่สังคมปกติ ซีรีส์เรื่องนี้จึงสะท้อนปัญหาสังคมยุคนั้นได้อย่างดีในส่วนของเพลงประกอบนี้จัดได้ว่าเป็นเพลย์ลิสต์ที่จัดมาอย่างพิถีพิถันตรงยุค ไม่ว่าจะเป็นเพลงไตเติ้ลเรื่อง Come and get you love โดย Red bone ซึ่งทำให้เรานึกถึงหน้าแฟรงก์เหาะไปบนท้องฟ้า Reflection of my life โดย The Marmalade ที่ประกอบช่วงซีนที่แต่ละคนต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ส่วนเพลงอื่น ๆ ก็แทรกอยู่ตามเนื้อเรื่องได้อย่างเหมาะสมตามโอกาส โดยสรุปแล้วซีรีส์เรื่องนี้เป็นการ์ตูนตลกที่ไม่ตลกไร้สาระซะทีเดียว หากแต่มีหลายแง่มุมให้ฉุกคิดและวิเคราะห์ตาม ไม่ควรเปิดให้เด็กดูอย่างยิ่งเนื่องจากฉากความรุนแรง เพศ และการใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสม แต่เหมาะที่จะนั่งดูยามที่คุณเหนื่อยล้าจากการทำงานและโหยหาบรรยากาศเก่า ๆ ของยุค 70 สามารถรับชมความสนุกแบบนี้ได้ที่ Netflix เลยค่ะเครดิตภาพ: F Is for Family (Official Trailer)