กลับมาอีกครั้งกับ Thor 4 : Love and Thunder ชื่อภาษาไทยคือ ด้วยรักและอัสนี (2022) หลังจากๆแฟนๆ Marvel ตั้งความหวังกันมายาวนานและ Thor ภาคนี้ก็ไม่ทำให้แฟนๆหรือคนดูผิดหวังเลย เพราะหนังทำให้คนดูหัวเราะออกมาจนน้ำตาเล็ด และซาบซึ้งออกมาจนน้ำตาไหลได้จริงๆในโรงภาพยนต์ เต็มที่ทุกอารมณ์จริงๆ บทจะขายขำก็ขายขำหนักมาก บทจะจริงจังก็จริงจังจนซึ้งไปหมดเลย หนังได้ผู้กำกับคนเดิมจากภาคที่แล้วนาย Taika Waititi มากำกับเรื่องย่อ เล่าเรื่องของกอร์ (รับบทนำโดยคริสเตียน เบล) ชายผู้สูญเสียลูกชายจึงตัดสินใจไล่เชือดเทพเจ้าทุกองค์และวางแผนจะบุกแอสการ์ด เพื่อพาโลกนี้ไปสู่ด้านที่ดำมืด ธอร์ (รับบทโดยคริส เฮมสวอร์ธ) หลังจากที่รักษาหุ่นจนกลับมา firm แล้วและหล่อเหมือนเดิม จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อหยุดกอร์ แต่ในระหว่างทางก็เจอแฟนเก่า เจน (รับบทโดยนาตาลี พอร์ตแมน) ที่เลิกกันไปนานแล้ว กลับมาในลุคของซูเปอร์ฮีโร่ถือค้อนสายฟ้าของเขามาด้วย ความรู้สึกที่ได้ดู สนุกค่ะ ใครไม่รีบดูจะรู้สึก ธอร์มาน เป็นหนังที่เดินออกมาแล้วแต่ก็ยังลืมไม่ลงจริงๆ ถ้าเทียบกับภาค Ragnarok ภาคนี้ทำออกมาได้ตลกขบขันสร้างช่วงเวลาดีๆในกับคนดูและแฟนๆของธอร์ เทพสายฟ้าเป็นอย่างมาก นักแสดงสวมบทบาทค่อนข้างดี ทั้งตัวละครหลักในเรื่องอย่าง คริส เฮมสวอร์ธที่รับบทเป็นธอร์ และตัวขโมยซีนในภาคที่แล้วอย่าง เทสซา ธอมป์สัน ที่รับทเป็น วัลคีรี นักรบชาวหญิงโบราณชาวแอสการ์ดที่ต่อสู้ในสมรภูมิใหญ่ก่อนที่ธอร์จะเกิดมา มีการใส่ประเด็นธีม LGBTQ+ ที่น่าสนใจ โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องแบบที่ Marvel ไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลย ใครชอบมุก American dirty joke ไม่ควรพลาดหนังของธอร์ภาคนี้เลย เพราะมีมุกตลกที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กและเด็กเล็กมากเท่าไร แต่คนดูอย่างผู้เขียนฮาจนท้องแข็งชนิดไม่มีฉากไหนที่ไม่ขำเลย บทจะปล่อยมุกก็ฮาจนน้ำตาไหล บทจะจริงจังก็ซาบซึ้งจนแอบหน่วงๆใจไป เอาจริงๆ ผู้เขียนคิดว่าถ้าเราไม่ได้ผู้กำกับอย่าง Taika มากำกับหนังเรื่องนี้ การเล่าเรื่องโดยใส่เนื้อเรื่องแค่มิติเดียวอาจจะทำให้ตัวหนังดูน่าเบื่อมาก แต่เพราะการใส่ทุกอย่างอย่างไม่มีเหตุมีผลนี่แหละหนังภาคนี้ถึงได้สนุกมาก CG แฟนตาซีค่อนข้างทำออกมาได้ยิ่งใหญ่ อลังการเลย สำหรับสถานที่อันโอ่อ่า ชุด คอสตูม ไลฟสไตล์อันหรูหราของเทพเจ้า ทุกอย่างมันสุดยอดมากๆ ทั้งเพลงธีมย้อนยุคเหมือนหลุดออกมาจากหนังปี 80 ที่เพลงสมัยนั้นฮิตมากๆ สิ่งที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดในเรื่องคือการที่มนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่งอย่างกอร์กล้าตั้งคำถามกับเหล่าทวยเทพถึงสาเหตุที่เขาสูญเสียลูกแท้ๆของตัวเองไป ฉากที่ผู้เขียนชอบนที่สุดคือแม้แต่เทพเจ้ายังธอร์เองก็ตามพอเจอเรื่องหลายๆเหตุการณ์เข้าในเรื่องก็เริ่มตั้งคำถามกับเทพเจ้าที่เขาเคยนับถือเช่นกัน หรือแม้แต่เจนเองก็ตาม ที่แม้จะเป็นนักวิทยาศาสตร์แต่ก็ยังเชื่อถือและศรัทธาในเทพเจ้าก็เริ่มหันหลังให้กับความเชื่อดั้งเดิมของตัวเองเอาจริงๆชีวิตของธอร์นี้โคตรรันทดเลยนะในสายตาของผู้เขียน เป็นซูเปอร์ฮีโร่ในจักรวาล Marvel ที่ประสบพบเจอกับความสูญเสียทั้งสูยเสียแม่ สูญเสียพ่อ สูญเสียน้องชาย และสูญเสียเมืองแอสการ์ด ที่ๆเขาเกิดและเติบโตมา เอาเป็นว่า ทุกการกลับมาของตัวละครตัวนี้ เราจะมองเห็นพัฒนาการและการเติบโตของธอร์จริงๆ ที่ไม่ว่าเขาจะประสบพบเจอกับความผิดหวัง ความเจ็บปวดกี่ครั้งๆก็ตาม เขาก็ลุกขึ้นมายืนหยัดและเข้มแข็งได้เสมอในการกลับมาทำสิ่งที่ถูกต้อง ในฐานะของหนึ่งในสมาชิกทีม The Avengers ในฐานะของซูเปอร์ฮีโร่ ในฐานะของธอร์ เทพสายฟ้าที่พวกเราทุกคนรู้จักกัน มีหลายฉากที่ทำออกมาได้ดี น่าประทับใจ เต็มที่ทุกอารมณ์ และทุกเวลาที่รับดูจริงๆสำหรับธอร์ภาคนี้ ตัวละครที่ผู้เขียนชอบที่สุดในเรื่องก็คือตัวของธอร์เองค่ะ เพราะมีมิติมากขึ้นด้วย สำหรับตัวละครเทพสายฟ้าตัวนี้ สำหรับคนที่ประสบความสูญเสียความเจ็บปวดและค้นพบแล้วว่าสิ่งที่เขาต้องการในชีวิตของเขาจริงๆแล้วคืออะไรกันแน่ คะแนนรีวิว 10/10 บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิว First kill season 1 (2022) รับชมได้ทางช่อง Netflixรีวิว ANNA (2022) เมื่อเธอต้องโกหกว่าเป็นคนอื่นจนได้ใช้ชีวิตหรูหราอู้ฟู่รีวิว Link : Eat Love Kill (2022) ซีรีส์แฟนตาซีที่ไว้ใจใครไม่ได้เลย10 ซีรีส์/หนังโปรดของผู้เขียนที่สามารถรับชมได้ทางช่อง Netflix ปี 2022รีวิว Hurt Like Hell เจ็บเจียนตาย (2022) ตีแผ่วงการมวยได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปก / Canva รูปประกอบภาพหน้าปกที่ 1 / 2 / 3 / 4 โดย Major Groupรูปภาพประกอบที่ 1 / 2 / 3 / 4 โดย Major Group*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565