ประเทศอินเดียเคยตกอยู่ภายใต้อำนาจของกองทัพอังกฤษในยุคล่าอาณานิคมและมีผู้เสียชีวิตมากมายจากเหตุการณ์สังหารหมู่ ในท้ายที่สุดอินเดียก็ได้รับเอกราช พ้นจากการปกครองของอังกฤษ ตัดภาพมาในปัจจุบันซึ่งมีรัฐบาลที่มีหน้าที่ในการดูแลทุกข์สุขประชาชน คอยบริหารประเทศให้ก้าวหน้า แต่หากรัฐบาลนั้นเป็นรัฐบาลคอรัปชั่นที่เหล่านักการเมืองต่างโกงกินบ้านเมือง มีระบบการปกครองที่สกปรก ใช้ความรุนแรงปราบปราม ไม่เห็นหัวประชาชน ความเจริญที่ว่านั้นก็คงไร้วี่แววจะเบิกบาน ในขณะเดียวกันท่ามกลางประชาชนที่ยอมจำนนต่อการทุจริตก็จะมีผู้กล้าที่จะพูด และยืนหยัดในอุดมการณ์ประชาธิปไตยเสมอ ต้องการให้บ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลงให้ก้าวหน้า และท้ายที่สุดอาจมีคนที่ยอมเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อเป็นแรงพลังสำคัญให้คนรุ่นหลังสานต่ออุดมการณ์นี้ต่อไป วันนี้ซามะมีหนังอินเดียน้ำดีอีกหนึ่งเรื่องมาแชร์ให้ทุกคนค่ะ นั่นคือเรื่อง Rang De Basanti เลือดเนื้อพลีเสรีชน (2006) หนังที่ว่าด้วยกลุ่มวัยรุ่นที่มองว่าการเรียกร้อง การรักชาติเป็นเรื่องไร้สาระ แต่แล้ววันหนึ่งพวกเขากลับทำเรื่องที่พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะทำมาก่อน นั่นคือตั้งตนเป็นผู้ต่อต้านรัฐบาลเสียเอง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร เชิญอ่านรีวิวของซามะได้เลยจ้า (การรีวิวนี้เป็นความเห็น และความรู้สึกส่วนตัวของซามะนะคะ ผิดพลาดประการใดขออภัยล่วงหน้าจ้า) ตัวอย่างคลิปตัวอย่าง Rang De Basanti - Official Trailer 2006 | Aamir Khan |ขอบคุณคลิปจาก Youtube : ROMP Pictures เรื่องย่อ ซู นักทำสารคดี มีแรงบันดาลใจจากบันทึกของปู่สมัยเป็นทหารที่ได้เขียนถึงนักโทษที่ก่อกบฏในยุคที่อังกฤษปกครองประเทศอินเดีย แต่ทางผู้ใหญ่ไม่อนุมัติเงินให้ทำ เธอจึงลาออกและอยากทำด้วยตัวเอง เมื่อมาถึงอินเดียเธอก็ได้รับความช่วยเหลือจากโซเนีย เพื่อนสาวชาวอินเดีย ซึ่งนำพาไปเจอกับดีเจ กับเพื่อน ๆ ในช่วงแรกของการถ่ายทำนั้นซูค้นพบอุปสรรคมากมาย ดีเจและเพื่อนไม่ได้รู้สึกรักชาติ มองเป็นเรื่องเพ้อฝัน ไม่ได้เชื่อมั่นในการต่อสู่กับอยุติธรรมเหมือนบทที่ซูเขียนให้ แต่สุดท้ายทุกคนก็ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันจนทำให้การถ่ายทำเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี เนื้อหาในหนังของซูเกี่ยวกับเรื่องการก่อกบฏที่อยากได้ความยุติธรรมและพวกกบฏระดับหัวหน้าถูกจับไปทรมานและประหารชีวิต ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับการคอรัปชั่นของรัฐบาลในปัจจุบัน และประชาชนต้องการเสรีภาพ ดีเจและเพื่อน ๆ นักศึกษาก็กลายเป็นเหมือนกลุ่มก่อกบฏ ชีวิตท่ามกลางปมขัดแย้งทางการเมืองอย่างหนักจะแก้ไขอย่างไร การเมืองพินาศทำคนหนุ่มสาวสิ้นหวังกับประเทศหากเราอยู่ในประเทศที่คนที่มีอำนาจในระบบราชการ การเมือง เจ้าหน้าที่รัฐสามารถเปลี่ยนดำเป็นขาวได้ การเมืองที่ข้างในเน่าเฟะ เต็มไปด้วยปัญหาคอรัปชั่น แต่ก็ยังพ้นผิด ตรวจสอบไม่ได้นั้น เราก็คงรู้สึกสิ้นหวังต่ออนาคตและประเทศของเรา ดีเจกับเพื่อนก็รู้สึกว่าประเทศนี้ช่างน่าสมเพชสิ้นดี หมดศรัทธาจนยากที่จะมองว่าความยุติธรรมในสังคมนั้นมีอยู่จริง ตัวหนังจะเห็นได้ชัดว่าการเมืองที่สร้างบาดแผลให้ประชาชนมากเท่าไหร่ ประชาชนก็พร้อมที่จะเอาใจออกห่าง และพร้อมไปอยู่ในที่ที่ดีกว่า การเรียกร้องสิทธิเสรีภาพมาพร้อมกับความเสียสละ (?)หลายครั้งที่ประชาชนออกมาต่อต้านรัฐบาลสกปรกๆ รัฐบาลพวกนี้จะต้องปราบปรามด้วยวิธีสกปรกๆ เช่นกัน ในหนังจะมีฉากที่มวลชนออกมาแสดงจุดยืน เรียกร้องความเป็นธรรมจากรัฐ แต่ก็เจ้าหน้าที่ปราบปรามด้วยวิธีรุนแรงเหมือนไม่เห็นประชาชนเป็นมนุษย์ ดีเจจึงตั้งคำถามว่าเพียงแค่ขอความยุติธรรมให้กับประชาชนต้องทำกันขนาดนี้เลยหรือ สิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้พวกเขามั่นใจว่า พวกเขาเองจะเป็นคนลุกขึ้นสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หากต้องการการเปลี่ยนแปลง เราต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง(Spoiler Alert!) หลังจากที่พวกดีเจและเพื่อนๆ ยึดสถานีวิทยุ โดยการันจะเป็นผู้ดำเนินรายการตอบคำถาม มีอยู่สายหนึ่งโทรมาด้วยคำถามที่ว่า ‘ถึงแม้พวกคุณเรียกร้องไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะมันเป็นแบบนี้มาเนิ่นนานจนยากที่จะเปลี่ยนแปลงแล้ว’ การันจึงตอบคำถามไปว่า ‘ไม่มีประเทศไหนเพอร์เฟกต์หรอก แต่เราจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเมืองและขับเคลื่อนรัฐบาล เราจะเปลี่ยนประเทศ’ ทุกประเทศย่อมเผชิญปัญหาใดปัญหาหนึ่ง หรือหลายๆ ปัญหา แต่ทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ หากเรามีส่วนร่วมในการจัดการแก้ไข ปรับเปลี่ยนให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้น เราอาจจะลงเล่นการเมือง เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือเป็นเพียงประชาชน หากเรามุ่งมั่นในความเท่าเทียม ต้องการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ปัญหาสังคมจริงๆ โดยสุจริตเป็นที่ตั้ง ประเทศก็จะขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รีวิวจากซามะส่วนตัวซามะชอบนะคะ เป็นหนังอินเดียเรื่องหนึ่งที่ต้องการสื่อสารไปยังการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ เล่าถึงความอัปยศของเจ้าหน้าที่ นักการเมืองที่คอรัปชั่น ทุจริตในการทำงาน เรื่องนี้มีการเอ่ยชื่อนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เคยมีชีวิตอยู่จริงด้วยน้า ใครที่อยากรู้ลองดูหนังเรื่องนี้ แล้วเสิร์ชชื่อหาดูค่ะ ^ . ^ อีกอย่างคือเห็นถึงมิตรภาพอันแน่นแฟ้นของดีเจและผองเพื่อนที่เป็นเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว และเพื่อนตายไปด้วยกัน ดูแล้วรู้สึกซึ้งมากๆ ใครที่ยังไม่ได้รับชมเรื่องนี้ อย่าลืมไปดู Rang De Basanti เลือดเนื้อพลีเสรีชน (2006) นะคะ สุดท้ายนี้ซามะอยากจะฝากคำถามให้ทุกคนลองคิดเล่นๆ ว่า “การสละชีพเพื่อเรียกร้องสิทธิที่ควรพึงมี จะหมดไปจากสังคมเราได้อย่างไร” คอมเม้นท์ตอบกันมาได้นะคะ ทุกคนสามารถอ่านความอื่นๆ ของซามะได้โดยคลิ๊กที่ชื่อเลยนะคะ สำหรับวันนี้ซามะขอลาไปก่อน สวัสดีค่าา เครดิตภาพภาพปก: Canva จาก ผู้เขียน (ซามะ) I ภาพประกอบโดย Bollywood Hungama (1) (2)ภาพที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 8, 9, 10 จาก Bollywood Hungamaภาพที่ 7 จาก Facebook: Rang De Basanti เครดิตคลิปจาก Youtube: ROMP Picturesคลิปตัวอย่าง Rang De Basanti - Official Trailer 2006 | Aamir Khan | จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !