อีกหนึ่งหนังไทยสะท้อนสังคมที่หยอดกลิ่นอายหนัง LGBTQ+ ลำดับล่าสุดของค่าย GDH ที่จะพาคนดูเข้าไปสำรวจเรื่องราวของสองตัวละครหญิงที่ทั้งความฝันและความรักของทั้งคู่ต่างสวนทางกันด้วยสถานภาพทางสังคมที่สภาพแวดล้อมบีบบังคับพวกเธอ จากผลงานผู้กำกับที่นำแรงบันดาลใจเรื่องราวจากชีวิตวัยเด็กเมื่อครั้งหนึ่งเคยได้อาศัยอยู่ในแฟลตตำรวจ มาบอกเล่าเป็น Flat Girl ชั้นห่างระหว่าง เ ร า และเป็นอีกครั้งที่หนัง GDH กล้าจะเล่าประเด็นสาระสังคมที่น่าสนใจ เล่าผ่านตัวละครของตัวเอกเจ้าของเรื่องที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาความเหลื่อมล้ำต่าง ๆ ที่ล้วนเกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็นฐานะ เพศ สังคม ที่เห็นได้ชัดเจนสุดคงเริ่มมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว อย่าง "หลานม่า" และตามด้วย "วิมานหนาม" ก่อนจะมาผลงานล่าสุดเมื่อต้นปี 2025 ที่ผ่านมาอย่าง "FLAT GIRL ชั้นห่างระหว่าง เ ร า " ที่เขายังคงมุ่งมั่นตั้งใจจะเล่าถึงความต่างของความห่างทั้งตัวชั้นห้องแฟลต และสถานะสังคมที่ดูธรรมดาแต่เจ็บปวดลึกซึ้งที่ยากจะเยี่ยวยาจริง ๆ ที่อาศัยประสบการณ์ส่วนตัวของตัวผู้กำกับ "แคลร์ จิรัศยา" ผู้ที่นำไอเดียจากเรื่องจริงจากวัยเด็กที่ตนเคยอาศัยอยู่ในแฟลตตำรวจมาบอกเล่า แม้หน้าหนังดูจะเป็นรัก LGBTQ+ แต่เนื้อในนั้นกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! หนังที่จริงใจจะเล่าเรื่องความเจ็บปวดของการเป็นวัยรุ่นจากสองตัวละคร ความรู้สึกแรกที่เราผุดขึ้นมาเลยหลังตัวอักษรเครดิตภาพยนตร์ขึ้นคือ มันเป็นหนังที่ทำงานให้เราได้นั่งนิ่ง ๆ อยู่กับความคิดตัวเองต่ออีกนานสักพัก หนังไม่ได้พยายามจะสอนหรือยัดเยียดอะไรแบบตรง ๆ แต่มันค่อย ๆ เล่าเรื่องและดึงเราเข้าไปสู่โลกที่เต็มไปด้วยความเปราะบางของตัวละครแบบไม่รู้ตัว ที่ทั้งจริง เจ็บปวด ลุ่มลึก ไม่อ่อนโยน พอรู้ตัวอีกทีก็เผลอผูกพันไปแล้ว มันเป็นหนังที่เรียบง่ายแต่มีพลังอย่างประหลาดบนเส้นเรื่องที่ร้อยไปมาด้วยความง่าย ๆ แต่ธรรมชาติและอินเต็มที่ “บรรยากาศของหนัง” ที่ชวนฟูกฟักเพิ่มภาพความอิน แต่กลับดึงดูดให้เราอยากรู้ต่อว่าตัวละครจะไปทางไหนต่อ มุมกล้องเรียบง่ายแต่เก็บดีเทลชีวิตประจำวันของตัวละครได้ชัดมาก ๆ เหมือนเราแอบส่องชีวิตใครสักคนอยู่จริง ๆ ได้เห็นการกระทำของตัวละครแต่ละตัวทั้งการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ใหญ่ในฉากสำคัญ มันประติดประต่อแล้วเห็นมุมมิติตัวละครที่ดีขึ้นและชัดขึ้น การเลือกเล่าเรื่องผ่านสิ่งเล็ก ๆ เช่นห้องเช่าเล็ก ๆ หรือมื้ออาหารง่าย ๆ ยิ่งทำให้เรารู้สึกอินและเชื่อว่าโลกนี้มันมีอยู่จริง ด้วยสถานที่ของเรื่องราวที่ผู้กำกับเลือกที่ ๆ เป็นสถานที่ตนเคยอยู่ ทำให้ความซึมซับของบรรยากาศถูกถ่ายทอดออกจากตัวผู้กำกับที่อินร่วมได้อย่างเต็มที่ และเช่นเดียกวันมันก็ส่งมาถึงตัวคนดูได้ชัด วิพากษ์เรื่อง "ชนชั้นและความยากจน" เจ็บถึงทรวงอก โดยไม่ต้องพูดตรง ๆ ตัวละครของ Flat Girl ไม่ได้ยากจนแบบดราม่าหนักหน่วงแต่กลับรู้สึกเจ็บปวดปนความอึดอัด ความไม่สามารถเลือกได้ในหลายอย่างในชีวิต เช่นที่อยู่, การศึกษา, โอกาส ความรู้สึกว่าชีวิตมันถูกตีกรอบไว้อย่างแน่นหนา หนังสะท้อนความจริงที่หลายคนอาจมองข้ามได้อย่างเจ็บลึก ด้วยการสร้างสองตัวละครที่พ้อยด์และรูปแบบการดำเนินชีวิตที่ต่างกัน สะท้อนความคิดที่ต่างกัน ทำให้เรารู้สึกเข้าใจการกระทำของทั้งคู่และระหว่างทางก็ยากจะมองหาตอนจบที่ลงเอยสำหรับบทสรุปสองคนนี้ได้เลย ไม่ใช่ประเด็นใหม่ แต่ยังย้ำให้เจ็บอยู่ทุกวัน มันไม่ได้ใหญ่โตระดับรัฐหรือสังคมเสมอไป แต่มันเริ่มจากความรู้สึกเล็ก ๆ ของคนตัวเล็ก ๆ อย่างเช่น การที่ตัวละครรู้สึกว่า “เราไม่ควรอยู่ตรงนี้” หรือ “เราจะไปต่อได้แค่ไหนในชีวิตแบบนี้” หนังไม่ได้บอกว่าใครผิดหรือใครถูก แต่มันถามคำถามกลับมาว่า เราทุกคนมีสิทธิ์ฝันเหมือนกันไหม ถ้าจุดเริ่มต้นของเราต่างกันขนาดนี้ เมื่อนำแฟลตตำรวจและลูกเจ้าของแฟลตตำรวจมาผสมกันกลับกลายเป็นประเด็นที่สะท้อนไปมาถึงตัวตนการก้าวข้ามผ่านวัยที่ดูจริงจังและเจ็บปวดมาก ๆ อีกคอนเทนต์สำหรับหนังไทยของปีนี้ที่เรามองว่า GDH ใส่สุดมาก ๆ ที่จะเล่าตรงนี้แบบไม่มีกั๊กหรือใจดีกับคนดูเลย นักแสดงนำที่สาดพลังชวนดำดิ่ง โดยเฉพาะนักแสดงหญิงสองคนหลักอย่าง เอินเอิน – ฟาติมา เดชะวลีกุล รับบทเป็น "แอน" สาววัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในแฟลตตำรวจชั้นล่าง ครอบครัวของเธอมีฐานะยากจน แอนต้องช่วยแม่ทำงานและเลี้ยงน้องสามคนหลังจากที่พ่อเสียชีวิตในหน้าที่และความฝันของเธอที่อยากมีกับสภาพแวดล้อมที่บังคับบีบฝันเธอให้แตกสลาย เธอถ่ายทอดจิตวิญญาณความเป็นแอนออกมาดีมาก แม้ภายนอกจะดูแข็งแกร่ง เป็นผู้ใหญ่ แต่ภายในก็ซ่นอความทุกข์ ความเหนื่อยล้า และการตั้งคำถามถึงตัวตนตัวเองในวันที่ทุกอย่างไม่เป็นใจได้ดีมาก ๆ เช่นเดียกวับ แฟร์รี่ – กิรณา พิพิธยากร รับบทเป็น "เจน" สาววัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในแฟลตเดียวกัน แต่ครอบครัวของเธอมีฐานะร่ำรวยกว่า เจนเป็นลูกสาวของตำรวจยศสูงและแม่ที่มีอิทธิพลในแฟลต ที่นอกจากจะสอบผ่านมาก ๆ ในแง่ความเป็นโลกที่สดใสของแอน แต่หนังก็ได้มอบบททดสอบของเธอในช่วงครึ่งหลังที่ครอบครัวเธอเองก็เผชิญปัญหาหนักไม่แพ้ตัวของแอนซึ่งมองว่าเป็นการเขียนบทที่กระจายน้ำหนักให้สะท้อนให้เห็นว่าคนที่เราเห็นว่าชีวิตเขาดี ชีวิตมีความสุข แต่แท้จริงภายในก็มีเรื่องให้จิตใจแหลกสลายไม่แพ้กัน ซึ่งถ่ายทอดความเป็นวัยรุ่นเจน Z ที่ล้วนพบเจอออกมาได้ละเอียดอ่อนเข้าใจง่ายอีกเรื่องของ GDH ในช่วงหลัง ๆ ที่ได้ลงมาเล่นแนวนี้เลย ตัวละครสมทบก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนข้างห้อง หรือตัวละครจากอีกฝั่งของ “ความห่าง” ที่มาจากคนละโลกที่ "บอย ปกรณ์" แสดงคนเหล่านี้มีบทที่ช่วยเสริมให้เราเข้าใจมิติสังคมมากขึ้น แ ทุกคนล้วนมีเหตุผลในแบบของตัวเอง แถมยิ่งเสริมมิติความเป็นก้อนเนื้อก้อนเดียวของหนังเรื่องนี้ชัดเจน ออกแบบภาพและโปรดักชั่นสะท้อนสถานภาพได้แหลมคม ถือว่าเรียบแต่คม คุมโทนดีมาก ทั้งการจัดแสงและสีที่ค่อนข้างหม่นแต่ดูไม่เศร้าเกินไป มันเหมือนความรู้สึกเทา ๆ ที่ล้อมรอบชีวิตคนตัวเล็ก ๆ เอาไว้ และทำให้เราจมเข้าไปกับอารมณ์ของหนังได้ง่าย การเลือกโลเคชันต่าง ๆ ก็สะท้อนความเหลื่อมล้ำในรูปธรรมอย่างชัดเจนดนตรีประกอบมีไม่เยอะ แต่ใช้ได้ตรงจังหวะ ดนตรีไม่ได้บอกเราว่าต้องรู้สึกยังไง แต่มันช่วยสร้างความรู้สึกให้กลายเป็นจริงมากขึ้น โดยเฉพาะในฉากที่ไม่มีบทพูด ดนตรีทำหน้าที่แทนเสียงในใจของตัวละครได้ดีอย่างน่าประทับใจ หนังสะท้อนปัญหาสังคม ที่ไม่ใช่ทุกคนจะชอบ จุดที่รู้สึกว่าอาจทำให้บางคนไม่ชอบคือจังหวะหนังที่ค่อนข้างช้า และไม่มีเหตุการณ์อะไรใหญ่ ๆ เกิดขึ้นเลย มันไม่ใช่หนังที่มีพีค มีหักมุม หรือมีฉากร้องไห้สะเทือนใจแบบหนังดราม่าทั่วไป ถ้าใครคาดหวังอะไรแบบนั้น อาจรู้สึกว่าเนือย อีกจุดหนึ่งคือบางช่วงที่หนังใช้ความนิ่งมากเกินไปจนรู้สึกว่าอืดเล็กน้อย โดยเฉพาะช่วงกลางเรื่องที่ตัวละครเหมือนจะวนอยู่กับที่ อาจทำให้คนดูบางกลุ่มรู้สึกหลุดจากเรื่องราวได้ถ้าไม่ตั้งใจดูจริง ๆ โดยภาพรวมแล้ว "Flat Girl: ชั้นห่าง ระหว่างเรา" หนังที่เจ็บปวดหัวใจแต่จริงใจจะเล่าแบบไม่ปราณี เป็นหนังที่ลึกซึ้งและจริงใจมาก มันเหมือนกระจกบานหนึ่งที่สะท้อนชีวิตคนตัวเล็ก ๆ ในโลกที่ไม่ได้เท่าเทียมกันเสมอไป หนังพาเราไปไกลกว่าพื้นที่บนจอ และทำให้เรากลับมาทบทวนความเข้าใจของเราต่อคนอื่นในสังคมโดยไม่ต้องใช้คำพูดหรู ๆ และเรามองว่านี่เป็นอีกครั้งที่ GDH ไม่ได้ใจดีกับคนดูในตอนจบของหนังเรื่องนี้อย่างมาก ๆ ขอบคุณแหล่งที่มาของภาพ ภาพหน้าปก 1 จาก Facebook : GDH ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 จาก Facebook : GDH เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !