Series Full ReviewDoctor Prisoner : หมอในเรือนจำการจะปราบปีศาจ อาจต้องขายวิญญาณให้ปีศาจอีกตนที่ร้ายกว่าNETFLIX : 1 Season 16 Episodes (2019)ถ้าจะเอ่ยถึงซีรีส์เกาหลีแนวบริหารสมองท้าทายความระทมกบาลที่มีความหนักหน่วง หักเหลี่ยม ชี้นำให้คิดและคาดเดาอย่างหนักสุดท้ายโดนหักหลัง ความเร้าใจในทางเชือดเฉือนกันอย่างเมามันจนต้องอดหลับอดนอนดูนั้น ดูไปบ่นไปซีรีส์อย่าง Stranger (2017) ยืนหนึ่งเพราะเป็นการทำให้กลับมาดูซีรีส์เกาหลีอีกครั้งหลังจากหายไปนาน ที่ถึงพร้อมด้วยความเข้มข้น เงื่อนปม เฉือนคมกันอย่างไร้ที่ติ ผู้เขียนมีซีรีส์อย่าง Voice ซีซันแรก (2017) และ Bad Guys (2014) ที่ลึกลับเชือดเฉือนและมีความดุ เดือด ดิบ พร้อมอารมณ์ที่กดดันดิ่งลึก มีซีรีส์ Signal (2016) และ Tunnel (2017) ที่ลงตัวทุกมิติในการผสมเรื่องราวเงื่อนงำฆาตกรรมกับความเป็นแฟนตาซี แต่พอการมาของ When The Camellia Blooms (2019) ที่เป็นเหมือนกับเปิดอีกมุมของความประทับใจในซีรีส์เกาหลีว่างานเบาๆสวยงามดูสบายก็สามารถเป็นหนึ่งในใจได้เช่นกัน จนกลายเป็นว่าการดูของผู้เขียนมีความหลากหลายขึ้นนับจากนั้น เลยเถิดไปเสพความสวยงามของชีวิตที่ผ่อนคลายอยู่นานจนมาถึงเรื่องนี้ที่การกลับมาดูเรื่องหนักๆอีกครั้ง ได้พิสูจน์ว่างานแนวนี้ของทางเกาหลียังยืนหนึ่ง แม้เส้นเรื่องอาจจะไม่ได้แตกต่างมากมายแต่รายละเอียดของบท ชั้นเชิงการเล่าเรื่องและการแสดงเข้มข้นอย่างถึงใจ กับการกลับไปเข้าคุกอีกครั้งหลัง Prison Playbook ในงานที่เดินหน้าอย่างแรงเต็มที่ตั้งแต่ต้นจนจบ Doctor Prisonerเรื่องย่อนาอีเจ (นัมกุงมิน) นายแพทย์มือฉมังแห่งโรงพยาบาลแทกังผู้มีจิตใจดีชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผู้ยากไร้ วันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่เขาไม่อาจช่วยเหลือคนไข้ไว้ได้และการช่วยชีวิตนั้นถูกขัดขวางโดยอิทธิพลของเจ้าของโรงพยาบาล เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อเขาต้องเซ็นรับรองคำวินิจฉัยปลอมเพื่อแลกกับการผ่าตัดรักษาแม่ของตัวเอง แต่ความเป็นคนหัวแข็งไม่ยอมก้มหัวให้กับอำนาจเงินของเขากลายเป็นชนวนให้ถูกกลั่นแกล้งจนต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ และถึงที่สุดแม่ของเขาก็ไม่ได้รับการผ่าตัดจนเสียชีวิตในเวลาต่อมาสามปีให้หลังการช่วยเหลือของหมอนาอีเจให้นักโทษได้งดเว้นการคุมขังแล้วออกมารักษาข้างนอก ด้วยการสร้างอาการป่วยปลอมๆทำให้หมอนาอีเจได้กลับไปอยู่ในคุกอีกครั้งแต่คราวนี้มาในฐานะผู้อำนวยการทางการแพทย์ของเรือนจำ แต่เมื่อเสือตัวใหม่เข้าถ้ำมาเสือเจ้าที่ที่อยู่มาก่อนหน้าอย่าง ผอ.ซอนมินซิก (คิมบยองชุล) มีหรือจะยอมสูญเสียตำแหน่งราชาง่ายๆ แต่การเข้ามาของหมอนาอีเจกลับไม่ใช่แค่มาเพื่อทำงานตามปกติแต่เขามีเหตุผลบางประการที่เข้ามา ซึ่งก็คือความแค้น และการมาครั้งนี้หมอนาอีเจไม่ใช่คุณหมอที่มีรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรและจิตใจดีเช่นเดิม รอยยิ้มของเขาเปลี่ยนไป แววตาที่อ่อนโยนของเขาหายไป คราวนี้คล้ายกับว่าหมอนาอีเจได้ขายวิญญาณให้กับปีศาจที่ร้ายกาจกว่าปีศาจที่เขาต้องกำราบแล้วหรือไม่ ตัวแปรเดียวที่จะให้วัตถุประสงค์ของหมอนาอีเจบรรลุขึ้นอยู่กับจิตแพทย์สาวที่เข้ามาให้คำปรึกษานักโทษด้วยเหตุผลที่ซ่อนไว้เช่นกันคือหมอ ฮันโซกึม (ควอนนารา) ที่จะเป็นตัวสนับสนุนหรือตัวขัดขวางก็ไม่อาจทราบได้การเล่าเรื่องเดิมๆชั้นเชิงเดิมๆแต่เข้มข้นถึงใจด้วยบทละครที่ซับซ้อนซ่อนกลที่ไม่มีรอยรั่วนี่คือเรื่องที่เล่ามาไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ในซีรีส์เกาหลีแนวนี้ นั่นคือเรื่องของมนุษย์ธรรมดาตัวเล็กๆที่กล้าจะชนกับความอยุติธรรม การต่อสู้ที่เริ่มต้นจากเรื่องส่วนตัวแล้วเลยเถิดไปสู่การขุดไปเจอเรื่องราวที่บานปลาย กลายเป็นการต้องสู้กับองค์กรที่ยิ่งใหญ่ที่เป็นเป้าหมายหลังเป้าหมายด้วยการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน การถูกต้อนจนมุม ความมืดมนอับจนหนทาง ความฉ้อฉลในกลไกแห่งความยุติธรรม การทุจริตคอรัปชั่น แต่ก็แปลกที่แม้จะเห็นมาแล้วมากมายกลับยังคงได้ผล เพราะบทที่แน่นหนามีน้ำหนักอย่างยอดเยี่ยมด้วยเรื่องหลักที่คุ้นชินชี้นำคนดูให้คาดเดา ซึ่งถ้าบทไม่แน่นพอไม่มีทางหลุดรอดจากสมองและสายตาคนดูที่ดูงานแนวนี้มามากพอแน่นอนและจะไปไม่ถึงจุดที่ต้องการแต่เรื่องนี้ที่การเล่าเรื่องทางเดิมของซีรีส์หักเหลี่ยมเฉือนคมกลับมีบทที่ดีมากพอในการล่อหลอกสมองคนดู บททำงานอย่างได้ผลในการนำเสนอความเข้มข้นอย่างถึงอารมณ์ตั้งแต่ตอนแรกจนตอนสุดท้าย การวางเงื่อนปมต่างๆสอดสัมพันธ์กันอย่างละเอียด ชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่เปิดก่อนแล้วย้อนมาเฉลยยังได้ผลเพราะบทต้องดีพอแบบนี้เท่านั้นจึงจะส่งผลให้การหักมุมและพลิกผันครั้งแล้วครั้งเล่าออกมาเร้าใจ ประกอบกับตัวละครทุกคนล้วนไม่มีใครน่าไว้ใจแม้กระทั่งพระเอก ซึ่งบทชั้นยอดของเรื่องนี้ได้นำพาให้เรื่องนี้เดินหน้าอย่างแรงชนิดแทบไม่มีเวลาหยุดพัก แม้จะมีช่วงหนึ่งที่หย่อนลงมาบ้างแต่พอเครื่องติดอีกครั้งก็เดินหน้าไปต่อด้วยอารมณ์ที่คำว่า "อีกสักตอนไม่มีจริง"และที่ผู้เขียนชอบมากคือการวางตัวละครให้เป็นสีเทาทั้งหมด คนดูจะไม่รู้ชัดว่าคนไหนดีจริงหรือร้ายแท้แม้กระทั่งพระเอก ที่ต้องยกนิ้วให้คือความกล้าที่จะวางบทพระเอกให้มีความเป็นมนุษย์ มนุษย์ที่ยังมีอารมณ์ความรู้สึก มีด้านมืด มีรักมีแค้น ในความมีมิติความเป็นมนุษย์ของหมอนาอีเจคือคนที่แค้นจนคลั่งแต่เขามีสติมีสมองและความอดทน อดทนที่จะรอคอยลิ้มรสความหอมหวานของผลที่หว่านเอาไว้ อดทนที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูและแสร้งยิ้ม มิติความเป็นมนุษย์ของหมอนาอีเจในด้านของการทำทุกวิถีทางให้ได้มาซึ่งการบรรลุเป้าหมายแม้ว่ามันจะผิดมโนธรรมจรรยาก็ตาม การกระทำของเขาไม่ต่างกับการขายวิญญาณให้ปีศาจเพื่อปราบปีศาจโดยไม่สนใจว่าผลกระทบจะเป็นเช่นไรในขณะเดียวกันคนที่เขาต้องต่อกรด้วยอย่าง ผอ.ซอนมินซิกคือเสือเฒ่าเก๋าและทันเกม แต่บทก็ใส่มิติความเป็นมนุษย์ให้กับตัวร้ายไม่ต่างกันคือการให้ตัวร้ายมีความเป็นมนุษย์ ร้ายด้วยเล่ห์ปะทะกันด้วยสมองหักเหลี่ยมกัน ในขณะเดียวกันความเป็นมนุษย์ในตัวละครของผู้ร้ายคือความมั่นใจในตัวเองในสมองของตัวเอง จนเกิดความประมาทและสร้างความผิดพลาดในการประเมินคู่ต่อสู้ และความเป็นมนุษย์นั้นก็ทำให้เกิดการเพลี่ยงพล้ำครั้งแล้วครั้งเล่าที่สมใจคนดูยิ่ง นั่นคือมิติความเป็นมนุษย์ที่จับต้องได้ว่าคนฉลาดมักจะพลาดเพราะความมั่นใจในตัวเองเกินไปทุกคน และอีกตัวแปรในการต่อสู้คือความพร้อมในการสูญเสียที่ ผอ.ซอนไม่พร้อม มันก็คือความเป็นธรรมชาติและความเป็นมนุษย์ในตัวบทละครด้วยเรื่องราวที่เรื่องซ้อนเรื่องกลซ้อนกลต่อสู้กันด้วยเล่ห์เหลี่ยมที่แพรวพราว การเล่าเรื่องจึงเดินหน้าอย่างมีพลังตั้งแต่ต้น แต่...เมื่อเป้าหมายแรกของหมอนาอีเจบรรลุพลังของเรื่องกลับตกลงจนสังเกตได้ เดาว่าจงใจให้คนดูได้คลายความเครียดและอึดอัดบ้าง แต่พอดึงอารมณ์ผู้ชมกลับมาสู่เป้าหมายหลังเป้าหมายของเรื่องได้ ทุกอย่างก็กลับมาเร่งเครื่องอย่างเต็มที่แล้วไปสู่บทสรุปที่สาสมใจ แต่ก่อนจะถึงจุดนั้นความดีงามของเรื่องยังให้คนดูได้คาดเดาและลุ้นกันจนนาทีแทบจะสุดท้าย ที่ความจริงไม่เหนือจากการคาดเดาแต่ชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่ดึงอารมณ์คนดูให้ลุ้นสุดตัวแล้วเปิดออกมาก็สะใจดีแม้ความจริงถ้าจะมีที่ให้ตินิดๆคือประเด็นของบทผู้คุมโอที่เซฟวีดีโอการเข้าเยี่ยมนักโทษของหมอนาไว้ในตอนต้น ที่ผู้เขียนคิดว่าน่าจะมีส่วนในการเป็นตัวแปรหรือจุดพลิกเกม แต่ก็กลับหายไปแบบเฉยๆ กับการที่บทหมอนาอีเจฉลาดเกินไปจนคนดูไม่คิดว่าเขาจะเพลี่ยงพล้ำ ความผิดพลาดของเขาคนดูจะคิดอยู่เสมอว่าเขาวางหมากไว้แล้ว และก็มีบ้างที่เขาพลาดจริงๆแต่คนดูกลับไม่เชื่อแต่นั่นอาจเป็นเพราะบทต้องการให้เป็นเพราะเมื่อถึงตอนสุดท้ายคนดูจะรู้เอง และเมื่อถึงตอนนั้นคนดูจะสัมผัสได้ถึงบทที่ซ่อนเงื่อนซ่อนปมอย่างมิดชิดและเฉลยมาเป็นพักๆให้รางวัลกับผู้ชมตามรายทางบ้าง แล้วนำไปสู่การสรุปแบบสมใจสมบูรณ์แต่ยังไม่วายทิ้งเชื้อไว้ให้มีซีซันต่อไปได้เมื่อบทคือการเชือดเฉือนที่ทันกันถูกถ่ายทอดด้วยการแสดงที่ทันกันนอกเหนือจากความเยี่ยมของบทและชั้นเชิงที่อยู่ในระดับสุดยอด สิ่งที่ทำให้ยอดเข้าไปอีกคือการแสดงแบบคุ้มค่าทุกนาทีกันทุกคน นัมกุงมินในบทหมอนาอีเจเยี่ยมมากในการเปลี่ยนจากหมอที่จิตใจดีมีรอยยิ้มที่เป็นมิตรมาเป็นคนที่ร้ายลึก และสายตาอ่อนโยนในตอนแรกกลายมาเป็นรอยยิ้มที่มีเลศนัยดูเจ้าเล่ห์ฉลาดแกมโกงได้เนียนตา นัมกุงมินแสดงเป็นคนเทาๆได้อย่างมองข้ามหน้าหล่อๆได้เลย เพราะเขาแสดงให้เห็นว่าภายใต้หน้าหล่อเหลาและเปื้อนยิ้มของเขามันคือตัวตนของปีศาจอีกตนหนึ่ง ที่แม้จะดูเป็นพระเอกแต่ก็กังขาในการกระทำได้อย่างเป็นธรรมชาติและลื่นไหล แต่คนดูก็เอาใจช่วยเพราะพื้นฐานของตัวละครถูกนำเสนออย่างแข็งแรงจากบทและการแสดงของเขาส่วนเสืออีกตัวอย่างบท ผอ.ซอนมินซิกได้รับการถ่ายทอดอย่างยอดเยี่ยมทันกันโดยคิมบยองชุลที่มาในมาดตัวร้ายที่ร้ายลึก เสียดายที่บทของเขามีมิติเดียวคือร้ายไปเลย ยอมทำทุกอย่างแต่กลับไม่ยอมรับการสูญเสีย ซึ่งด้วยการแสดงผ่านสีหน้าแววตาของเขาทำให้ผู้ชมเกลียดไปเลยเพราะมันคือมิติของความร้ายแบบไม่น่ากังขา ส่วนควอนนาราในบทที่ต้องเป็นตัวแปรในแผนการของหมอนาอีเจนั้น ควอนนาราใส่ความสับสนในตอนแรกได้อย่างน่าทึ่งเมื่อหมอนาอีเจที่เธอเห็นในตอนแรกกับตอนหลังเหมือนเป็นคนละคน แน่นอนว่าเธอกังขาในการกระทำของเขาเช่นเดียวกับคนดูและควอนนาราก็มอบการแสดงได้อย่างน่าเชื่อถือจนน่าชื่นชม เพราะขนาดอยู่ในดงผู้ชายที่จัดจ้านทั้งนัมกุงมิน คิมบยองชุล และชเววอนยองเธอก็ยังไม่ถูกกลบหาย ทั้งนี้รวมไปถึงการแสดงของบทรองๆที่จัดเต็มอย่างน่าชื่นชม ซึ่งที่จริงซีรีส์เกาหลีก็มักเป็นแบบนี้ที่การแสดงแม้กระทั่งตัวหลักตัวรองตัวประกอบมีความเนียนและเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้งานดนตรีที่ส่งเสริมความฮึกเหิม ฉากที่สร้างความน่าเชื่อถือว่านี่คือที่คุมขังของเหล่าเดนมนุษย์จริงๆ มันทำให้งานซีรีส์เรื่องนี้สนุก ตื่นเต้น พลิกผัน และน่าติดตามในทุกนาทีในทุกตอนถ้าคุกใน Prison Playbook คือด้านสว่างคุกในเรื่องนี้ก็คือด้านมืดโดยแท้ ด้วยการเสนอในโทนหม่นๆมืดๆไม่เห็นเดือนเห็นตะวันให้ความสมจริง ด้วยบทยอดๆ ชั้นเชิงการเล่าเรื่องเยี่ยมๆ การแสดงที่จัดจ้านทุกคน นับเป็นซีรีส์ที่แม้จะไม่สมบูรณ์แบบทุกกระเบียดแต่ก็ใกล้เคียงอย่างที่สุด ด้วยจำนวนตอนสิบหกตอนเวลาฉายตอนละประมาณหนึ่งชั่วโมงทำให้เรื่องเดินไปข้างหน้าอย่างเมามันไม่มีเนือยเอื่อย อัตราความน่าติดตามตอนต่อตอนอยู่ในระดับสูงจนยากมากที่จะตัดใจหยุด คำว่าขออีกสักตอนใช้ไม่ได้เพราะยิ่งดูจะยิ่งหยุดลำบากมันคือการยืนยันว่าการที่ใช้บทที่ดีๆเป็นตัวตั้งแล้วเล่าเรื่องอย่างสัตย์ซื่อไม่เป๋ โนสนโนแคร์ว่าจะถูกใจใครหรือไม่ถูกใจใคร เล่าไปตามที่ตั้งธงไว้แล้วใส่ชั้นเชิงและการคัดเลือกนักแสดงที่เหมาะเจาะ ขับเคลื่อนเจตนาของบทด้วยการแสดงในระดับเยี่ยม มันก็ให้ผลลัพธ์ที่เข้มข้น สนุก และน่าติดตามได้อย่างคุ้มค่ากับเวลาในทุกๆตอน จึงเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่คอเกาหลีหรือไม่ใช่ควรจะชม เพราหากตัดอคติที่มีต่อซีรีส์เกาหลีที่มักจะถูกมองว่ามีแต่ความรักกุ๊กๆกิ๊กๆแล้วลองเปิดใจดูแนวๆนี้บ้าง ไม่แน่ท่านอาจจะเป็นแฟนซีรีส์เกาหลีอีกคนก็เป็นได้ เหมือนที่ผู้เขียนเคยเป็นดูไปบ่นไปNETFLIXขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 จาก Facebook KBS 드라마ภาพที่ 8 จาก Facebook Netflixอัปเดตข่าว ดูหนัง ซีรีส์ใหม่ ฟังเพลงฮิตสุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี!