ทุกคนคงรู้จักความหมายของคำว่า ‘แพะรับบาป’ อยู่แล้วว่าคือผู้ที่ได้รับโทษทั้งที่ไม่มีความผิดใดๆ ซึ่งจะมีแพะรับบาปได้ ก็ต้องเกิดจากการสอบสวนที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งคนที่เกี่ยวข้องเป็นอันดับต้นๆ ของการเกิดแพะก็คือตำรวจที่หาคนมารับผิดแทนและส่วนมากก็จะเป็นคนที่ไม่มีปากมีเสียง ไม่มีเส้นสาย หรือไม่มีเงินทองมากพอที่จะประกันตัว แม้จะอ้างว่าโดนทางเบื้องบนกดดันมา หรืออยากจะปิดคดีเร็วๆ โดยไม่มีสามัญสำนึกของความถูกต้อง และจรรยาบรรณของวิชาชีพตำรวจ ตำรวจพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับฆาตกรที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์กลายเป็นผู้ต้องหา เรื่องที่จะมารีวิวให้ทุกคนได้อ่านในวันนี้จะแตกต่างออกไปจากหนังที่เคยรีวิวมาค่ะ เพราะเป็นหนังดราม่าแนวกฎหมาย หนังเรื่องนั้นคือ Jai Bhim ใจภิม (2021) หนังอินเดียภาษาทมิฬที่มีคะแนน IMDb สูงถึง 8.8/10 และที่น่าสนใจอีกอย่างคือเรื่องนี้สร้างมาจากเหตุการณ์จริงนั่นเอง เรื่องราวจะเป็นยังไง จะชวนให้ดราม่าขนาดไหน ลองไปอ่านรีวิวกันเลยค่ะ (การรีวิวนี้เป็นความเห็น และความรู้สึกส่วนตัวของซามะนะคะ ผิดพลาดประการใดขออภัยล่วงหน้าจ้า) ตัวอย่างคลิปตัวอย่าง Jai Bhim - Official Hindi Trailer | Suriya | Amazon Prime Videoขอบคุณคลิปจาก Youtube : Prime Video India เรื่องย่อราชาคันนุและเซนกานี สองสามีภรรยาชนเผ่าอิลูราซึ่งเป็นชนเผ่านักล่างูที่เก่งฉกาจ เมื่อเวลาผ่านไปชนเผ่านี้ก็กลายเป็นเพียงแรงงานที่มีอาชีพรับจ้างจับงูและมีชนชั้นอันต่ำต้อย มีแต่ผู้คนเหยียดหยามรังเกียจ แต่แม้ว่าราชาคันนุและเซนกานีจะมีฐานะยากจนแค่ไหนพวกเขาก็มีความสุขกับสิ่งที่มี และเซนกานีเองก็กำลังตั้งท้องลูกคนที่สองอยู่ วันหนึ่งราชาถูกเรียกตัวไปจับงูที่บ้านนักการเมือง วันต่อมาเครื่องเพชรของนักการเมืองถูกขโมยไปโดยผู้ต้องสงสัยที่นึกถึงก็คือราชาคันนุ ตำรวจจึงออกตามจับราชาแต่เขาออกไปทำงานต่างเมือง เป้าจึงตกไปอยู่ที่เซนกานี และครอบครัวในการถามหาและตามตัวราชา เมื่อราชากลับมาเขาก็ถูกตำรวจจับและเอาตัวไปทารุณทรมาน ทั้งราชาและพี่น้องของเขาโดนทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ และล่วงละเมิดทางเพศมากมายเพื่อให้ราชารับสารภาพ ไมทา ครูที่สอนหนังสือให้ชาวชนเผ่าไปหาทนายกับเซนกานีเพื่อมาช่วยราชาและครอบครัว แต่กลับไม่มีทนายคนไหนรับทำคดีเลยสักคน ครูไมทาจึงได้ไปหาทนายจันดรู ทนายที่ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนให้กับชนเผ่าและชนชั้นวรรณะต่ำ หลังจากที่เขาได้ฟังเรื่องราวของเซนกานีเขาก็รับทำคดีและจะคืนความยุติธรรมให้เซนกานีให้ได้ หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงในคดีดังJai Bhim เป็นเรื่องราวที่สร้างมาจากเรื่องจริงในปี 1993 ของทนายจันดรู ทนายที่ว่าความให้กับราชาคันนุ และเซนกานี หลังจากที่ราชาถูกตำรวจเข้าจับกุมเขาก็หายตัวไปจากสถานีตำรวจ เซนกานีจึงขอความช่วยเหลือทนายจันดรูเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้สามี ทนายจันดรูเคยเป็นนักเคลื่อนไหวมาก่อน ก่อนที่จะเป็นทนายความที่ทำงานเพื่อสิทธิมนุษยชน และสุดท้ายเขาก็มีตำแหน่งเป็นผู้พิพากษา เขาคือนักกฎหมายตัวอย่างที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรม และความเท่าเทียมให้กับชาวบ้านที่มีชนชั้นวรรณะต่ำ และแน่นอนว่ารวมถึงชาวชนเผ่าด้วย สะท้อนถึงการกดขี่ทางวรรณะและความอัปยศของข้าราชการตำรวจ(Spoiler Alert!) ในหนังจะมีฉากที่ตำรวจสอบสวนราชาคันนุ เซนกานี และครอบครัวด้วยความรุนแรง ไม่มีการสืบสวนอย่างถูกต้องตามกระบวนการ มิหนำซ้ำยังกระทำการละเมิดต่อผู้ต้องสงสัย แล้วแต่ละอันอาจเรียกได้ว่าตำรวจเหล่านี้ช่างไร้มนุษยธรรม ทั้งซ้อม เอาพริกหยอดตา ล่วงละเมิดทางเพศ ไม่เพียงเท่านั้นตำรวจพวกนี้ยังรับสินบน เอาเงินฟาดหัว สร้างหลักฐานเท็จเพื่อรีบจบคดีให้เร็วที่สุด สิ่งนี้สามารถตีประเด็นออกมาได้ 2 ข้อ ข้อแรกคือ สะท้อนให้เห็นถึงสภาพสังคมของอินเดียที่มีการกดขี่ทางชนชั้นวรรณะ ใครที่มีวรรณะต่ำกว่าย่อมถูกรังแก และมักไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะมีสิ่งที่แบ่งกันความเป็นคนอย่าง ‘วรรณะ’ อยู่ในสังคม และข้อสองคือ ความอัปยศของตำรวจที่ไม่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่เป็นที่พึ่งของประชาชน และยังทุจริตต่อหน้าที่อีก และการกระทำเช่นนี้จะทำให้ประชาชนหมดศรัทธาในระบบยุติธรรมและระบบราชการ กระบวนการยุติธรรมที่เที่ยงธรรมจะสร้างความหวังกับประชาชนในกระบวนการศาลย่อมมีผู้ชนะและผู้แพ้คดี แต่หากลูกความแพ้คดีเพียงเพราะไม่ได้มีทนายที่เก่งด้านกฎหมาย มีความยุติธรรม และพร้อมต่อสู้กันในชั้นศาลล่ะก็ อาจจะกลายเป็นเหยื่อหรือแพะรับผิดไปอย่างไม่ชอบธรรม (Spoiler Alert!) ซามะชอบคำพูดนึงของทนายจันดรูที่บอกว่า “คำตัดสินจะไม่เป็นเพียงคำตัดสิน แต่จะเป็นความหวัง” ว่าเจ้าหน้ารัฐจะสู้เพื่อสิทธิอันชอบธรรม จะปฏิบัติกับพวกเขาอย่างเท่าเทียมกัน เหมือนกับที่เซนกานียังคงเลือกที่จะต่อสู้กันในชั้นศาล และปฏิเสธที่จะรับเงินจากตำรวจเพราะเธอยังคงหวังว่าทนายจันดรูผู้ซึ่งยืนหยัดเคียงข้างจะสามารถช่วยให้สามีของเธอได้รับความยุติธรรมได้ รีวิวจากซามะโดยภาพรวมแล้วหนังเรื่องนี้ทั้งลุ้น ซีเรียส แอบเครียดอยู่เหมือนกัน บางฉากซามะยอมรับว่าทนดูไม่ได้เลย โหดร้ายมาก แล้วก็เอาใจช่วยทนายจันดรูกับเซนกานีไปพร้อมกับหนังเลย ด้วยความที่หนังเรื่องนี้อ้างอิงมาจากเรื่องจริงด้วย บวกกับเราที่ถ้ารู้ว่าหนังเรื่องไหนสร้างมาจากเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น มันก็จะเพิ่มอรรถรสไปอีกระดับ แล้วเรื่องนี้ก็ทำได้ดีและสมจริงมาก เชื่อว่าทุกคนจะต้องลุ้นไปพร้อมกับเรา ทุกคนรู้สึกอินกับกระบวนการสอบสวน กระบวนการศาลในหนังเหมือนซามะแน่นอนค่ะ ใครอยากเปิดประสบการณ์ใหม่กับหนังอินเดียเรื่องนี้ โดยเฉพาะคนที่ชอบแนวสอบสวน แนวกฎหมายต้องเรื่องนี้เลยค่ะ Jai Bhim ใจภิม (2021) หลังจากที่ดูจบแล้วซามะอยากขอถามทุกคนว่า "ต้องทำอย่างไรระบบยุติธรรมถึงจะน่าเชื่อถือ และสร้างความหวังต่อประชาชนได้" สุดท้ายนี้ถ้าใครอยากอ่านบทความอื่นๆ ของซามะ สามารถเข้าไปอ่านได้เลยค่ะ คลิ๊กที่ชื่อได้เลยนะ รีวิวไว้หลายเรื่องเลย เรื่องหน้าจะเป็นแนวไหนต้องติดตามเท่านั้น! วันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่า เครดิตรูปภาพภาพปก : Canva จาก ผู้เขียน (ซามะ) I ภาพประกอบโดย Facebook: 2D Entertainment (1) และ Prime Video (2)ภาพที่ 1 จาก Twitter: Suriya Sivakumaภาพที่ 2, 3, 4, 5, 6, 9, 10, 11, 12, 13 จาก Facebook: Prime Videoภาพที่ 8, 14 จาก Facebook: 2D Entertainment ภาพที่ 7 : Canva จาก ผู้เขียน (ซามะ) I ภาพประกอบโดย Facebook: 2D Entertainment (1) (2) เครดิตคลิปคลิปตัวอย่าง Jai Bhim - Official Hindi Trailer | Suriya | Amazon Prime Video จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !