บอนนี ไรต์ ผิดหวังที่บท จินนี่ ไม่ค่อยมีบทบาทในหนัง "Harry Potter" เท่าที่ควร
ส่วนหนึ่งของความสำเร็จของแฟรนไชส์หนังแฟนตาซีพ่อมดน้อย ‘Harry Potter’ คงหนีไม่พ้นพัฒนาการที่เติบโตขึ้นในแต่ละภาคของ 3 ตัวละครแกนหลัก และ 3 นักแสดงที่เติบโตไปด้วยกันอย่างพอดิบพอดี ทั้ง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่นำแสดงโดย แดเนียล แรดคลิฟฟ์ (Daniel Radcliffe), เฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ ที่รับบทโดย เอ็มมา วัตสัน (Emma Watson) และ รอน วีสลีย์ ที่รับบทโดย รูเพิร์ต กรินต์ (Rupert Grint) แต่ด้วยการดัดแปลงจากหนังสือสู่บทหนัง ก็ทำให้บางตัวละครถูกลดบทบาทลงไปอย่างน่าเสียดาย หนึ่งในนั้นก็คือ นั่นก็คือ จินนี วีสลีย์ (Ginny Weasley) น้องสาวของรอน และลูกสาวคนเดียวของบ้านวีสลีย์
ซึ่งล่าสุด นักแสดงสาวผู้รับบทนี้อย่าง บอนนี ไรต์ (Bonnie Wright) นักแสดงชาวอังกฤษวัย 32 ปี ได้เปิดเผยในตอนล่าสุดของพอดแคสต์ ‘Inside of You’ โดยไรต์ได้ยอมรับว่า เธอเองรู้สึกผิดหวังนิด ๆ ที่บทบาท จินนี วีสลีย์ ดูจะไม่ค่อยมีบทบาทสำคัญในหนังทั้ง 7 ภาคสักเท่าไหร่ ขนาดบทที่เธอต้องทำการออดิชันยังต้องหยิบยืมจากตัวละครอื่น ๆ ด้วยซ้ำ
“ตอนนั้น จินนีในภาคแรกไม่มีไดอะล็อกเลยด้วยซ้ำค่ะ ประโยคแรกที่ฉันพูดในหนังเรื่องนี้เลยมีเพียงแค่บรรทัดเดียว คริส โคลัมบัส (Chris Columbus) ผู้กำกับพอเห็นแล้วก็พูดว่า ‘เธอน่าจะต้องมีบทพูดนะ’ สุดท้ายบทที่ฉันต้องพูดก็คือ ‘โชคดีนะแฮร์รี่’ ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นของเฮอร์ไมโอนี เพราะพวกเขาไม่ได้ให้ฉันอ่านบทฉากอื่น”
ไรต์ได้เข้ามารับบทบาท จินนี วีสลีย์ ตั้งแต่ภาคแรก ‘Harry Potter and the Philosopher’s Stone’ (2001) ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ในที่สุด จินนี วีสลีย์ จะได้แต่งงานกับ แฮร์รี่ พอตเตอร์ และมีลูกด้วยกัน 3 คนในภาคสุดท้าย ‘Harry Potter and the Deathly Hallows – Part 2’ (2011)
ซึ่งแม้เรื่องราวในหนังสือจะมีเรื่องราวของจินนีในระดับหนึ่ง แต่ด้วยการดัดแปลงให้เป็นบทหนัง ก็ทำให้บทบาทจินนีถูกลดความซับซ้อน จนเหลือรายละเอียดเพียงแค่ เป็นตัวละครที่มีศักดิ์เป็นน้องสาวของรอน และแอบปลื้มแฮร์รี่แบบลับ ๆ มาตลอด และนั่นก็ทำให้ไรต์เองรู้สึกกังวลและน้อยใจในบทบาทและฝีมือการแสดงของตัวเธอเองอยู่เสมอ
“ฉันเองรู้สึกวิตกกังวลต่อการแสดงของฉันค่ะ ฉันเลยพยายามทำให้ดีที่สุด ฉันกังวลว่า ‘พระเจ้า ฉันจะทำให้ตัวละครที่ผู้คนชื่นชอบพึงพอใจได้แค่ไหนกันนะ ? ‘ มันเป็นสิ่งที่ทำยากมาตลอด โดยเฉพาะเมื่อฉากต่าง ๆ ที่อยู่ในหนังสือและถูกตัดทอนออกไปตอนอยู่ในหนังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“ดังนั้น ฉันเลยไม่ค่อยมีอะไรให้แสดงในหนังเรื่องนี้มากนัก บางครั้งมันก็น่าผิดหวังนิด ๆ เพราะมีบางอย่างของตัวละครที่เข้าไม่ถึง เพราะไม่มีฉากที่จะให้ทำแบบนั้นได้ มันเลยทำให้บางทีฉันก็กังวลและหงุดหงิดอยู่เหมือนกันค่ะ”
แม้เธอจะหงุดหงิดผู้บริหารที่ละเลยตัวละครสมทบจนทำให้ได้แอร์ไทม์น้อยเกินไป แต่สุดท้ายเธอเองก็เข้าใจว่า ในการดัดแปลงหนังสือมาสู่บทหนังนั้นมีความยาก เพราะไม่สามารถจับทุกอย่างในหนังสือมาใส่ในหนังได้ และบทก็ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงกันได้ง่าย ๆ
“มีผู้บริหารเป็นล้าน ๆ คนเลยค่ะที่ต้องรับผิดชอบในการดัดแปลงบทให้เป็นหนังสือ ฉันเคยรู้สึกกังวลว่า (การโดนลดบทบาทจะทำให้) ฉันเองถูกมองว่าแสดงบทบาทนี้ได้ไม่ดีนัก แต่สุดท้ายฉันเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ ฉันเองก็เพิ่งรู้ตัวว่าฉันไม่ได้มีโอกาสให้แสดงสักเท่าไหร่ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ความผิดของฉันหรอก”
แม้จริง ๆ แล้ว จินนี วีสลีย์ จะเป็นบทสมทบของเนื้อเรื่องมาตั้งแต่ฉบับหนังสือ แต่ด้วยการดัดแปลงเป็นบทหนัง ก็ทำให้บทของเธอโดนลดความสำคัญลงไป ซึ่งไรต์ได้เล่าเพิ่มเติมว่า ส่วนใหญ่แฟน ๆ ไม่ได้เคืองในบทบาทของเธอเท่าใดนัก คงต้องรอดูกันต่อไปว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่กำลังจะมีการดัดแปลงเป็นฉบับซีรีส์ 7 ซีซันเท่าจำนวนหนังสือฉายทางสตรีมมิง MAX จะมีเวลามากพอให้ตัวละคร จินนี วีสลีย์ ได้มีเรื่องราวของตัวเองหรือไม่
“ตอนที่แฟน ๆ เล่าถึงความผิดหวังอันนั้น พวกเขาก็จะบอกฉันว่า ‘เรารู้หรอกน่าว่าไม่ใช่ความผิดของคุณ เราแค่อยากให้คุณปรากฏตัวมากกว่านี้’ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นได้ในทุกตัวละคร พวกเขาคงต้องทำเป็นหนังฉบับยาว 5 ชั่วโมงอะไรแบบนี้แทน”