Movie Full ReviewDeliver Us From Evil : ให้มันจบที่นรก (2020)เมื่อความซ้ำซากอยู่กับคนมือถึง อะไรง่ายๆจึงกลายเป็นไม่ธรรมดา จึงเป็นที่มาของความมันส์สุดแสบปานถูกส่งจากนรกviu , iQIYIช่วงหลังมานี้ผู้เขียนได้ดูหนังและซีรีส์เกาหลีมากขึ้นเพราะช่องทางในการรับลมเปิดกว้างและหาดูง่าย สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนมองเห็นคือพัฒนาการที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างชัดเจน ด้วยเอาบทที่แข็งแรงเป็นที่ตั้งแล้วเล่าเรื่องตามอย่างเคร่งครัด ซึ่งที่ผ่านมางานจากเกาหลีมักจะมีอะไรแฝงไว้ข้างหลังเสมอมันเลยทำให้มุมมองในการชมภาพยนตร์กว้างขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะได้งานที่เนี้ยบไปทุกเรื่อง ยังมีบ้างที่รั่วๆแต่ในความรั่วยังมีส่วนดีอื่นๆประคองอยู่ เช่นกันกับหนังแอ็กชันสายพันธุ์กิมจิเรื่องนี้ที่ว่าตามจริงผู้เขียนคงไม่พาครอบครัวไปดูในโรงเพราะลูกคนเล็กของยังอายุไม่เหมาะกับหน้าหนัง แต่ผู้เขียนเองอยากดูมากด้วยเหตุผลของความสมใจในงานเกาหลีที่ผ่านๆมา แถมยิ่งดูตัวอย่างแล้วน่าจะเป็นงานที่ขายความมันส์กันอย่างเต็มที่ และยิ่งไม่ค่อยได้เห็นความระเบิดเถิดเทิงแบบนี้ในหนังเกาหลีเท่าไหร่ แต่เมื่อไม่อาจไปดูในโรงได้ผู้เขียนจึงตั้งตารอดูว่าจะได้ดูทางแพล็ตฟอร์มไหน จนหนังมาเข้าฉายทาง iQIYI แบบเงียบๆและตอนนี้มีมาให้พิสูจน์ความมันส์ที่มีเนื้อมีหนังทาง viu อีกหนึ่งช่องทางกับหนังแอ็กชันที่ทั้งแสบทั้งมันส์เรื่องนี้ Deliver Us From Evil เรื่องย่อเปิดฉากมาที่โตเกียวคิมอินนัม (ฮวางจองมิน) นักฆ่ามือฉกาจที่ไม่เคยทำงานพลาด ได้รับงานสุดท้ายก่อนเกษียณให้สังหารยากูซ่าขื่อโกเรดะและงานก็ลุล่วงไปด้วยดี แล้วอินนัมก็จะเกษียณไปอยู่กับหาดทรายสายสมแสงแดดที่ปานามา แต่นายหน้าที่รับงานมาให้ก็ยังพยายามโน้มน้าวให้เขารับงานสุดท้ายซึ่งอินนัมก็ยังปฏิเสธ ตัดมาที่กรุงเทพเมืองฟ้าอมรซอยองจู (ชเวอีซอ) คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวชาวเกาหลีที่อยู่ในประเทศไทย และกำลังจะถูกหลอกให้ซื้อสนามกอล์ฟจากนายหน้าชาวเกาหลีเอง แต่แล้วหลังจากนั้นยูมิน (#พัคโซยี) ลูกสาวของเธอก็ถูกลักพาตัวกลับมาที่โตเกียว นายหน้าแจ้งกับอินนัมว่างานสุดท้ายที่เขาเพิ่งทำลุล่วงดันไปชนตอ เมื่อโกเรดะมีน้องชายอีกคนที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานและเป็นมือสังหารที่ชมชอบการเชือดเหยื่อเมื่อยังมีลมหายใจขนานนามว่าเรย์ (อีจองแจ) และแน่นอนว่าเรย์ต้องตามล่าคนที่ฆ่าพี่ชายและกำลังจะสาวมาถึงอินนัม เพราะคนอย่างเรย์ก็คือพวกนอกกฎหมายและกัดไม่ปล่อยเช่นเดียวกับอินนัมต่างกันที่เรย์ไร้กติกามารยาทและหัวใจ ทางด้านอินนัมก็ได้รับการติดต่อจากอดีตหัวหน้าทีมหน่วยสังหารลับของรัฐบาลเกาหลีมาแจ้งข่าวมาว่ายองจูที่เคยเป็นคนรักของเขาถูกฆ่าตายในกรุงเทพ และลูกสาวของเธอซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นลูกสาวของอินนัมหายตัวไปแล้วจุดหมายของนักฆ่ามือพระกาฬสองคนผู้ไม่ต่างจากเดินออกมาจากขุมนรกจึงอยู่ที่กรุงเทพฯ และเมื่อถึงกรุงเทพฯอินนัมได้จ้างยุ้ย (พัคจองมิน)สาวประเภทสองชาวเกาหลีที่หนีบ้านเกิดมาทำงานในบาร์ที่กรุงเทพให้ช่วยเป็นไกด์ จนอินนัมสืบจนทราบว่ายูมินถูกขายให้กับแก๊งค้าอวัยวะที่เป็นของผู้มีอิทธิพลในไทยนามว่าเฉาโป (วิทยา ปานศรีงาม)ปฏิบัติการช่วยลูกสาวจึงเริ่มขึ้น (ตามสูตร) แต่มันคงไม่ง่ายที่จะช่วยแล้วหนีหายไปเมื่อเรย์ก็ตามมาจนทัน ตำรวจก็เข้ามาสืบสวนการค้าอวัยวะเพราะเรื่องมันแดงขึ้นมา ถ้ายังไม่หนำใจแก๊งเฉาโปที่ทั้งค้ายาและค้าอวัยวะมนุษย์ที่ถูกตีท้ายครัวก็ตามล่าสองนักฆ่า อินนัมจึงต้องพายูมินเอาชีวิตให้รอดจากการตามล่าจากทุกฝ่ายให้ได้โดยมียุ้ยเป็นตัวแปรที่ตกกระไดพลอยโจน แต่กระนั้นแม้จะดูมากมายหลายพวกแต่เรื่องกลับเลือกที่จะเล่นไม่ยากด้วยการเล่าเรื่องตรงๆเปิดทีละมุม วางพื้นหลังของตัวละครให้ลึกพอแล้วค่อยๆเร้าอารมณ์ทีละนิดจนเมื่อถึงเวลาก็ใส่ความเร้าใจกันมาแบบไม่ยั้ง ทว่าก็ยังอดคิดถึงหนังเรื่องอื่นไม่ได้ และยังมีรอยในตัวบทให้สัมผัสเต็มสองตา แต่ความมันส์ที่หนังให้มากลับทำให้ริ้วรอยที่ว่ากลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลยบทที่เนี้ยบในการวางพื้นฐานแต่เมื่อถึงเวลาต้องบันเทิงก็บันเทิงเต็มเหยียดซึ่งถ้าจะลงให้ละเอียดจริงๆบทหนังเรื่องนี้มีรอยอยู่สามจุดใหญ่ๆที่ลืมไม่ลง นั่นคือการหาโรงงานที่เป็นที่ผ่าตัดที่อยู่ดีๆก็ไปเจอเด็กที่พูดภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่คนแรก หรือการที่เรย์จ้างตุ๊กๆนั่งแบกอาวุธมาอะไรจะเอกลักษณ์ไทยปานนั้น และการตัดสินใจของเรย์ที่เมื่อจับอินนัมได้แล้วแต่เลือกไม่ฆ่าทั้งที่ตามล่าอย่างเอาเป็นเอาตายและเลือกที่จะทำอีกอย่าง ซึ่งจากที่ผ่านมามันดูย้อนแย้งในความเป็นตัวละครของเรย์และจุดเล็กจุดน้อยอีกมากมาย แต่โดยรวมถือว่าจัดมาอย่างดีโดยเฉพาะการปูเรื่องที่มีเวลาแค่น้อยนิดกับการวางแบ็คกราวด์ให้ตัวละครทั้งสามคนแต่ก็ทำได้อย่างน่าเชื่อถือทั้งอินนัมที่เป็นนักฆ่าจากหน่วยงานรัฐบาลที่ก็ไม่ได้ดีเด่ไปกว่าเรย์ที่เป็นนักฆ่าไร้หัวใจ และยังทำได้มีมิติเชิงความสัมพันธ์ไม่ได้มาแบบลอยๆเมื่อยังมีความนุ่มนวลอบอุ่นให้สัมผัส มีอารมณ์ขันประปรายแต่ไม่ทำให้เรื่องเสียและช่วยดึงอารมณ์ผู้ชมให้คลายลงบ้าง ด้วยเวลาฉายที่ไม่ยาวเกินไปและด้วยพล็อตหนังไม่ได้ใหม่เลยทำให้เวลาในการยืนยันตัวตนของนักแสดงหลักมีไม่มากแต่บทก็ไม่ถึงกับต้องแสกนใบหน้า แล้วเมื่อผ่านจุดนั้นมาด้วยการค่อยๆเร้าจนอารมณ์ผู้ชมให้เริ่มคุก็ใส่ความมันส์เข้ามาแล้วกลายเป็นความรู้ตัวเองว่า ของที่ต้องขายคืออะไรจึงได้ฉากแอ็กชันที่ดิบ เถื่อน หนัก แน่น แต่พอดีด้วยฉากต่อสู้ระยะประชิดที่สมจริง และด้วยการถ่ายในที่แคบๆกับมุมกล้องที่วูบวาบพร้อมงานด้านภาพที่ดูแปลกตาแต่ว่าไม่ชวนให้เวียนหัว ทำให้เห็นความเร็วหรือความรุนแรงชวนหวาดเสียว ก่อนที่เมื่อถึงเวลาเล่นใหญ่ก็จัดฉากบรรเลงเพลงกระสุนระเบิดตูมตามกันอย่างถึงใจ แต่มันได้ผลดีเพราะมันมาแค่พอดีตัวไม่มากจนล้าและไม่น้อยจนเงียบเหงา แถมด้วยการมาถูกเวลาในตอนที่อารมณ์ผู้ชมพร้อมรับแล้ว แต่ก็ยังมองเห็นความพยายามของบทในการพาผู้ชมไปสู่ความมันส์แบบจงใจจนกระทั่งดูออกว่าต้องการมาขายความมันส์เต็มที่แต่การพาไปนั้นก็ทำให้งานด้านบทมีริ้วรอยไปทั่วเช่นกัน แต่เมื่อชัดเจนที่จะบันเทิงกับการขายความมันส์ก็ได้ผลตามนั้น เพราะผู้ชมสนุกจนนั่งอยู่กับที่ไม่ลุกไปไหน และดูเหมือนเป็นความจงใจที่หนังหยิบเรื่องการค้าอวัยวะที่เห็นได้บ่อยๆในงานเกาหลีแต่คราวนี้มามีในไทย ที่ทางเขาคงมองว่าเป็นปัญหาที่ต้องร้องบอกให้ได้ยิน แถมด้วยตลกร้ายที่นายตำรวจไทยยังมีบทพูดในทำนองเกรงใจผู้มีอิทธิพลที่ไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่แต่สำหรับคนไทยมันรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องให้ไม่ออก หรือกับการพูดในทำนองเหยียดเพศสภาพของยุ้ยที่ออกจากปากตำรวจไทยที่ไม่น่ารักเอาเสียเลยแต่ที่เจ็บกว่าคือมันดันเป็นสิ่งที่เห็นจนชินตาสำหรับคนไทยในชีวิตจริง แต่ที่น่าชมเชยคืองานด้านฉากและงานด้านเทคนิคพิเศษของทีมงานที่เชื่อว่าส่วนใหญ่ต้องเป็นคนไทย ที่ว่าตามจริงควรมองข้ามตรรกะเรื่องสถานที่และการเดินทางไปให้ได้เพราะนี่คือหนังต่างประเทศ แต่งานด้านฉากก็ดูเนียนตามาก ส่วนกับงานซีจีที่ดูลอยๆก็ช่างมันเถอะเพราะถ้าไม่สังเกตก็คงไม่เห็น และเมื่อนี่คืองานที่ต้องการขายความมันส์แต่ความมันส์ที่ได้รับมีอะไรให้จับต้องบ้าง ไม่ใช่มีเพียงร่างกายที่ไร้วิญญาณหรือมาอย่างฉาบฉวย มันก็คือความคุ้มค่ากับเวลาทุกนาทีการแสดงที่มองเห็นความต่างของนักแสดงเกาหลีและไทย และกับบางคนไปถึงระดับคว้ารางวัลเมื่อดูหนังหรือซีรีส์เกาหลีมากๆจะสังเกตได้ว่างานด้านองค์ประกอบของฉาก ตัวประกอบเล็กๆน้อยๆกระทั่งตนไม้ใบหญ้า คนนั่งกินข้าวโต๊ะข้างหรือคนเดินผ่านไปมาทางเขาค่อนข้างมีความละเอียด เช่นกันเมื่อมีการร่วมงานกับทางทีมงานไทยแล้วก็เห็นได้ชัดว่า องค์ประกอบเหล่านั้นดูเนียนตากว่าที่เคยเห็นในหนังไทย ซึ่งมันก็พิสูจน์ว่าเมื่อถึงเวลาทีมงานไทยก็มีฝีมือแต่อาจจะต้องถูกกระตุ้นหรือเน้นความละเอียดมากขึ้นเมื่อเป็นงานระดับอินเตอร์หรืองบประมาณก็อาจมีส่วน ส่วนอีกอย่างที่เหมือนเป็นรอยหรือช่องว่างคือตัวประกอบตัวเล็กตัวน้อยที่มีบทพูดที่ยังพูดเหมือนท่องหนังสือ การต่อบทเลยรู้สึกไม่เรียบเนียนเพราะพูดไม่สมจริง ผิดกับตัวประกอบทางเกาหลีเช่นตัวนายหน้าสนามกอล์ฟหรือตัวพี่เลี้ยงที่ขโมยเด็ก ซึ่งไม่ต้องสังเกตก็รู้ว่าการต่อบทสนทนาลื่นไหลกว่าเห็นๆ อีกจุดหนึ่งที่ไม่แน่ใจว่าบทจงให้เป็นหรือไม่คือบทตำรวจที่โอเวอร์แอ็คติ้งไปหน่อย ส่วนนักแสดงไทยที่พอเชิดหน้าชูตาให้ไปเทียบกับทางเกาหลีได้เราเห็นว่าคุณวิทยา ปานศรีงามและคนที่แสดงเป็นคุณหมอที่มารักษาเด็กตอนท้ายคือดูเนียนตาและไม่โดนดาราเกาหลีกลบฝัง แต่ก็บอกมากไม่ได้เพราะมีเวลาขึ้นจอไม่มากหรือไม่ส่วนนักแสดงเกาหลีคืออย่างที่บอกว่าแค่เวลาน้อยนิดแต่สามารถยืนยันตัวตนของตัวละครได้และทำให้ตัวละครมีมิติ และสำหรับฮวางจองมินกับอีจองแจนั้นระดับยอดฝีมือที่ศีลเสมอกันอยู่แล้วทำให้เฉือนกันไม่ลงในบทนักฆ่าที่เป็นเครื่องจักรสังหารที่ไม่สนวิธีการใดๆทั้งคู่ เรียกได้ว่าไม่ได้ดีไปกว่ากันแต่ต่างกันที่ปัจจัยในเรื่องของการมีอะไรจะเสียเท่านั้น ฮวางจองมินสามารถปล่อยของออกมาในบุคลิกนิ่งๆแต่ดูน่าเกรงขามและมีฟีลความอบอุ่นให้สัมผัสในแววตา ส่วนอีจองแจนั้นลืมบทบาทอื่นๆไปได้เลยเพราะนี่คือนักฆ่าไร้หัวใจที่แค่เห็นก็เสียวสันหลังแถมทั้งยียวนและน่ากลัวส่วนที่เป็นตัวขโมยซีนคือพัคจองมินในบทยุ้ยสาวประเภทสองที่เป็นสีสันให้กับเรื่องแบบเห็นๆ การแสดงมีความลึก ทั้งก๋ากั่น หวาดกลัว แต่ไม่ใช่คนชั่วร้าย พัคจองมินเล่นจนเชื่อเลยว่านี่คือสาวประเภทสองจริงๆที่มาแสดง และที่น่าทึ่งมากคือการลงลึกด้านมิติความสัมพันธ์ระหว่างยุ้ยกับอินนัมที่เชื่อได้เลยว่ายุ้ยต้องมาช่วยอินนัมแน่นอน เพราะเห็นมิติในสายตาแล้ว และด้วยความที่เวลาไม่มากแค่ชั่วโมงครึ่งจึงเป็นเรื่องที่น่าทึ่งในการไม่หลงลืมเรื่องมิติจนทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วม สนุกพร้อมกับลุ้นระทึก ทั้งนี้ก็ถูกเร้าด้วยงานดนตรีประกอบและงานด้านภาพที่ย้อมโทนสีให้ดูร้อนและแห้ง ทำให้รู้สึกว่าบรรยากาศมันระอุพร้อมที่จะระเบิดอารมณ์ได้ทุกเมื่อในอุณหภูมิแบบนี้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้สดใหม่แต่ถ้าใส่ใจและทำได้ถึง ผลก็ออกมาสนุกจนแทบลืมหายใจแบบนี้ด้วยความที่เป็นหนังเกาหลีผู้เขียนจึงคาดหวังเรื่องชั้นเชิงมากกว่านี้ เพราะปกติเกาหลีมักจะมีดีที่เชิงอันเหนือชั้นและเป็นเช่นนั้นเกือบทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้กลับเป็นการเล่าเรื่องไปตรงๆตามลำดับไม่ซับซ้อน ไม่ต้องตั้งท่ามายาก ไม่ต้องระแวงว่าหนังจะหักมุมทำให้ผิดคาดเล็กๆ แต่ผิดคาดไม่ได้หมายถึงความผิดหวัง เพราะบนความไม่เล่นให้ยากกลับทำให้ นี่คือหนังที่ดูสนุกแบบสุดตัว จึงกลายเป็นการพิสูจน์ว่าเกาหลีถ้าจะเล่นง่ายๆก็เล่นได้และทำได้ดีด้วย แต่มันก็บอกกลายๆว่าการจะทำหนังออกมาให้สนุกบางทีไม่ต้องพยายามซับซ้อนให้มากความก็สนุกได้ ยิ่งเรื่องนี้ยิ่งดูก็ยิ่งนึกถึงหนังอย่าง Extraction ทั้งพล็อต โทนเรื่อง โทนสี ฉากและโลเกชั่น รวมฉากต่อสู้ด้วยก็ได้แค่เปลี่ยนหรือบิดรายละเอียดเท่านั้น แต่ความจริงมันได้ถูกสร้างมานานมากแล้วสำหรับเรื่องประมาณนี้ แต่เมื่อเรื่องมันไม่ใหม่ก็ไม่ต้องพยายามเยอะเกินตัว แล้วรู้ตัวว่าตัวเองมีของดีอะไรแล้วใส่มาอย่างพอดีไม่ขาดหรือไม่เกินหนังเลยออกมาสนุก กระนั้นเมื่อเห็นหนังระดับอินเตอร์ที่มาถ่ายทำในเมืองไทย และเห็นชัดเจนเรื่องของจุดเด่นและจุดด้อยของสิ่งที่มีในบ้านเราก็ยังนึกเสียดายว่า ทำไมหนังไทยไม่สร้างหนังแบบนี้ทั้งที่เรื่องนี้ไม่ได้ซับซ้อนมากมาย ง่ายๆเดินหน้าไปตามธงของบทที่วางไว้ไม่ได้เหนือชั้นลองเชิงอะไร แค่แกนหลักมีความสมจริงก็พาหนังไปยังจุดที่หนังต้องการขายและผู้ชมต้องการซื้อได้ เหมือนกับหนังเรื่องนี้ที่เกาหลีไม่พยายามยากเล่นง่ายแต่ได้ใจ เพราะมันสนุกจนแสบลำไส้ไม่ต่างจากส่งตรงมาจากขุมนรกดูไปบ่นไปviu , iQIYIขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Facebook tvN Moviesภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 จาก Facebook Major Groupเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !