รีเซต

"สตีเวน สปีลเบิร์ก" ทำสถิติคว้าลูกโลกทองคำ ได้เทียบเท่า ปู่คลินต์ กับ ปู่สกอร์เซซี

"สตีเวน สปีลเบิร์ก" ทำสถิติคว้าลูกโลกทองคำ ได้เทียบเท่า ปู่คลินต์ กับ ปู่สกอร์เซซี
แบไต๋
11 มกราคม 2566 ( 18:30 )
216

The Hollywood Reporter ได้รายงานว่า สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) ได้คว้ารางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globes) ประจำปี 2023 ในสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม จาก ‘The Fabelmans’ ซึ่งเป็นการคว้ารางวัลในสาขานี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว

นั่นทำให้สปีลเบิร์กทำสถิติชนะรางวัลลูกโลกทองคำสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมได้สูงสุดลำดับที่ 2 เทียบเท่ากับ คลินต์ อีสต์วูด (Clint Eastwood), มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese), โอลิเวอร์ สโตน (Oliver Stone), มิลอส ฟอร์แมน (Milos Forman) และ เดวิด ลีน (David Lean)

ทั้งนี้ ผู้กำกับที่ชนะรางวัลนี้สูงสุด คือ เอเลีย คาซาน (Elia Kazan) โดยชนะทั้งสิ้น 4 ครั้ง จากการเข้าชิงทั้ง 4 ครั้ง จาก America America (1963), Baby Doll (1956), On the Waterfront (1954) และ Gentleman’s Agreement (1947)

สตีเวน สปีลเบิร์ก ในกองถ่าย ‘The Fabelmans’ : ภาพจาก Universal Pictures

สปีลเบิร์กนั้นชนะรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมบนเวทีลูกโลกทองคำ 3 ครั้ง จากการเข้าชิง 14 ครั้ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้กำกับที่เข้าชิงสาขานี้มากที่สุดเหนือผู้กำกับคนอื่น ๆ อีกด้วย โดยเขาได้เข้าชิงรางวัลในสาขานี้ครั้งแรกจาก ‘Jaws’ (1975) โดยในปีนี้เขามีคู่แข่งสำคัญคือ เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) จาก ‘Avatar: The Way of Water’, แดเนียล ควอน (Daniel Kwan) และ แดเนียล ไชเนิร์ท (Daniel Scheinert) จาก ‘Everything Everywhere All at Once’, บาซ เลอห์มานน์ (Baz Luhrmann) จาก ‘Elvis’ และ มาร์ติน แมคโดนา (Martin McDonagh) จาก ‘The Banshees of Inisherin’

‘The Fabelmans’ เป็นภาพยนตร์กึ่งอัตชีวประวัติที่อ้างอิงเรื่องราวบางส่วนมาจากวัยเด็กของสปีลเบิร์ก และปีแรกที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ โดยเล่าผ่านมุมมองของ Sammy Fabelman (รับบทโดย กาเบรียล ลาเบลล์) ร่วมด้วยนักแสดงชื่อดังอย่าง มิเชล วิลเลียมส์ (Michelle Williams), พอล ดาโน (Paul Dano), เซท โรเกน (Seth Rogen) และ จั๊ดด์ เฮิร์สช์ (Judd Hirsch)

สปีลเบิร์กได้กล่าวว่า เขาไม่กล้าเล่าเรื่องราวในช่วงวัยเด็กของเขาจนกระทั่งตอนนี้เขาอายุ 74 ปี โดยทุกอย่างที่ผมทำมาเป็นการเตรียมความพร้อมให้เขาเล่าเรื่องนี้ออกมาได้อย่างเต็มอารมณ์มากที่สุด และมันไม่ใช่เรื่องงายเลย เขาดีใจมากจริง ๆ ที่ทำได้สำเร็จ และหวังว่าทุกคนจะทำได้ดีกว่าเขา

หลังจากนี้ สปีลเบิร์กจะถูกจับตามองมากขึ้นบนเวทีรางวัลใหญ่ที่สุดแห่งปีอย่างออสการ์อย่างแน่นอน และอาจส่งให้เขาคว้ารางวัลออสการ์ได้อีกครั้ง ซึ่งถ้าหากเป็นความจริงก็จะทำให้สปีลเบิร์กขึ้นเป็นผู้กำกับที่คว้ารางวัลออสการ์ได้สูงสุดลำดับที่ 2 (3 ครั้ง) รองจาก จอห์น ฟอร์ด (John Ford) ที่คว้ารางวัลออสการ์สูงสุดในประวัติศาสตร์ถึง 4 ครั้ง จาก ‘The Quiet Man’ (1952), ‘How Green Was My Valley’ (1941), ‘The Grapes of Wrath’ (1940) และ ‘The Informer’ (1935)

อ้างอิง, ภาพปกจาก Mario Anzuoni ของ Reuters