รีวิว Vikings: Valhalla (ไวกิ้ง: วัลฮัลลา) ภาคแยกที่ยังคงรักษาความสนุก และความดิบเถื่อนเอาไว้ได้ บทความรีวิวนี้ เขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผมล้วนๆ หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แตาก่อนจะมาเริ่มการรีวิว เรามาดูเรื่องย่อของซีรีส์เรื่องนี้กันก่อนดีกว่าเรื่องย่อ และจุดเริ่มต้นของเรื่องราวเรื่องราวในซีรีส์ Vikings: Valhalla (ไวกิ้ง: วัลฮัลลา) ภาคแยกนี้นั้น จะเล่าถึงเรื่องราว 100 ปีให้หลังจากเหตุการณ์ใน Vikings Season 6 ซึ่งจะเล่าเรื่องราวของตัวละครหลัก 3 ตัว ได้แก่ ลีฟ อีริคสัน (รับบทโดย ) , เฟรย์ดิส เอริกส์ดอตเตอร์ (รับบทโดย ) และ ฮารัลด์ ซีเกิร์ดสัน (รับบทโดย ) โดยทั้ง 3 คนนี้เป็นชาวไวกิ้งที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ และเป็นนักรบไวกิ้งที่มีชื่อเสียงใยอดีต ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้จะเล่าถึงการเดินทางของทั้งสาม ก่อนที่จะกลายมาเป็นนักรบไวกิ้งที่ถูกขนานนามจนประวัติศาสตร์ต้องจารึกเรื่องราวเริ่มต้นจาก 2 พี่น้องชาวกรีนแลนด์ลูกของชาวไวกิ้งที่โด่งดังเรื่องความโหดร้ายและป่าเถื่อน อย่าง อีริค เดอะเรด พ่อของพวกเขาเคยฆ่าคนจนโดนเนรเทศ ซึ่งสองพี่น้องคู่นี้ได้เดินทางมายังเมืองคัตเทกัต เพื่อตามหาและล้างแค้นชายคนหนึ่งที่เคยบุกมาข่มขืนน้องสาว โดยมีพี่ชายคือ ลีฟ อีริคสัน ชายที่เป็นทั้งนักเดินเรือที่เก่งกาจและยังมีทักษะการสู้รบที่ไม่แพ้ใคร และน้องสาวของเขา เฟรย์ดิส เอริกส์ดอตเตอร์ หญิงสาวที่เคยถูกชาวไวกิ้งคริสเตียนบุกเข้ามาข่มขืนเธอถึงบ้าน ในระหว่างที่พ่อและพี่ชายของเธอไม่อยู่บ้าน และเอามีดสลักสร้างรอยแผลเป็นรูปกางเขนไว้ที่กลางหลังของเธอ เธอจึงเดินทางพร้อมกับพี่ชายและเพื่อน มายังเมืองคัตเทกัตเพื่อตามหาคนที่ข่มขืนเธอ และทำการล้างแค้นให้กับความเจ็บปวดในอดีตที่เธอได้รับและฝังใจมาตลอดซึ่งในขณะเดียวกัน ณ เมืองคัตเทกัต ก็ได้มีการนัดรวมกลุ่มชาวไวกิ้งจากทุกสารทิศ เพื่อรวบรวมกองทัพไปโจมตีประเทศอังกฤษ เนื่องจากเมื่อ 1 ปีก่อน กษัตริย์เอเธลเรดที่ 2 แห่งอังกฤษ ได้ทำการสั่งทหารให้ฆ่าล้างเผ่าพันธ์และขับไล่ชาวไวกิ้งที่อยู่บนเกาะอีงกฤษทิ้งให้หมด ทำให้ชาวไวกิ้งที่ได้รู้ข่าวและเสียญาติพี่น้องไปจากการสังหารหมู่ครั้งนี้ จึงโกรธแค้นและนัดรวบรวมกองทัพกันที่เมืองคัตเทกัต นำโดย กษัตริย์คนุต แห่งเดนมาร์ก และสองพี่น้องต่างพ่ออย่าง โอลาฟ แฮรอลด์สัน ไวกิ้งชาวคริสเตียนที่เคร่งคัด (เข้าขั้นบ้า) เขามองพวกไวกิ้งที่นับถือความเชื่อเก่าอย่างเทพนอร์ส ว่าเป็นพวกนอกรีต และควรสมควรตาย ต่อมาคือน้องชายต่างพ่อของเขาอย่าง ฮารัลด์ ซีเกิร์ดสัน ชายที่มีดีพร้อมทุกอย่าง เป็นนักรบที่เก่งกาจ หน้าตาหล่อเหลา แถมเขายังเป็นคนพูดจาดี ช่างเจรจา เขาสามารถพูดชักจูงให้ชาวไวกิ้งที่นับถือความเชื่อเก่า และชาวไวกิ้งที่นับถือคริสต์ยอมมารวมมือกันเพื่อล้างแค้นอังกฤษ ทั้งที่ 2 กลุ่มนี้เกลียดกันมาก แต่ฮารัลด์ก็รู้วิธีพูดเพื่อเกลี้ยกล่อมให้ทุกคนเห็นตรงกันได้ และเขายังเป็นเหลนของกษัตริย์ ฮารัลด์ ไฟน์แฮร์(อยู่ในVikings ภาคเก่า) อีกด้วยบทสรุปของเรื่องราวอันวุ่นวายในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร หรือจะไปจบที่ตรงไหน และเหล่ากองทัพชาวไวกิ้งที่มารวมตัวกันที่คัตเทกัตจะสามารถแก้แค้นให้กับญาติพี่น้องชาวไวกิ้งที่ถูกชาวอังกฤษสังหารอย่างโหดร้ายเมื่อ 1 ปีที่แล้ว ได้สำเร็จหรือไม่ ทุกคนคงต้องไปรับชมรับฟังกันด้วยตาตัวเอง รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน Vikings: Valhalla (ไวกิ้ง: วัลฮัลลา) มีทั้งหมด 8 ตอน รับชมได้แล้วตอนนี้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflixตัวอย่าง Vikings: Valhalla (ไวกิ้ง: วัลฮัลลา)รีวิว Vikings: Valhalla (ไวกิ้ง: วัลฮัลลา)โดยรวมถือว่าสนุกใช้ได้เลย ยังรักษาคุณภาพความดีงามของภาคเก่าไว้ได้อยํ่พอสมควร ติดแค่ว่าตัวละครใหม่หมด เลยอาจทำให้เราไม่อินเท่าตัวละครเก่าๆที่เราดูมานานหลายซีซั่น แต่ก็ไม่ใช่ปัญหามากนัก เพราะดูๆแล้ว ตัวละครของภาคนี้ ก็น่าจะมีซีซั่นต่อๆไปอีกยาว และเราจะได้ตามติดตัวละครเหล่านี้ต่อไป ซึ่งการที่ทาง Netflix ซื้อลิขสิทธิ์มาลงทุนสร้างเอง แต่ยังเลือกที่จะใช้ทีมงานชุดเดิม ชุดเดียวกับที่ทำ 6 ซีซั่นแรกนั้น เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว เพราะคนส่วนใหญ่ที่เลือกจะดู Vikings: Valhalla (ไวกิ้ง: วัลฮัลลา) ผมมั่นใจว่าผู้ชมเหล่านี้คือแฟนๆจากไวกิ้งภาคเก่า ที่ยังอารมณ์ค้างและยากดูต่อ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่ามีอีกหลายคนที่ไม่เคยดูภาคเก่ามาก่อนแล้วมาดูภาคนี้ ซึ่งก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกอีกเหมือนกันในการเลือกที่จะสร้างเรื่องราวใหม่หมด ตัวละครใหม่หมด แถมมาพร้อมพากย์ไทย ทำให้ไม่จำเป็นต้องรู่เรื่องราวของภาคเก่า ก็ดูภาคนี้แล้วรู้เรื่องได้ และยังช่วยให้สามารถเจาะกลุ่มคนดูใหม่ๆที่ไม่เคยดูซีรีส์ชุดนี้มาก่อนได้อีกด้วย แต่ในตัวซีรีส์ก็ยังไม่ลืมที่จะยิบยกตัวละครบางตัวในภาคเก่ามาพูดถึง เพื่อเป็นแฟนเซอร์วิสให้กับแฟนๆที่ติดตามมานาน ทั้งการที่เลือกให้ฮารัลด์ ซีเกิร์ดสัน ที่เป็นเหลนโดยตรงของ กษัตริย์ ฮารัลด์ ไฟน์แฮร์ตัวละครที่มีบทบาทพอสมควรในภาคเก่า สิ่งต่างๆเหล่านี้ที่ผมกล่าวถึงส่งผลให้ซีรีส์เรื่องนี้มีความหลากหลาย ยืดหยุ่น และสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมในจำนวนที่มากขึ้นได้ ซึ่งผมในฐานะแฟนซีรีส์เรื่องนี้ บอกตามตรงว่ารู้สึกดีที่จะมีคนรักซีรีส์เรื่องนี้มากขึ้น เพราะมันสนุกและแฝงข้อคิด และประวัติศาสตร์ไว้มากมายบทที่สวยงาม เก็บรายละเอียดได้ดี และการดำเนินเรื่องที่เข้มข้น อย่างแรกที่จะมาพูดถึงคงเป็นเรื่องของบทและการดำเนินเรื่อง โดยผมจะเริ่มจากเรื่องบทก่อนแล้วกัน จากความรู้สึกส่วนตัวของผม ผมรู้สึกว่าบทเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีในระดับนึงเลยทีเดียว เกือบจะดีมากแล้วด้วยซ้ำ ติดที่มันยังรู้สึกจืดชืดไปหน่อย แต่ไม่ได้แปลว่าบทไม่ได้มีเหตุการณ์พีคๆนะ ก็มีแหละแต่ว่ามันง่ายและสั้นไป ไม่มีการบิ้วหรือขยี้อารมณ์ผู้ชมมากพอให้สามารถอินไปกับตัวละคร ทำให้มันรู้สึกแบนราบและจืดชืด เลยเสียดายตรงนี้ไปซักหน่อย เพราะรายละเอียดของบท การเกลี่ยบทให้ตัวละครทุกตัวได้อย่างดีทั้งๆที่มีตัวละครเยอะมาก การผูกปมต่างๆ การสร้างความเชื่อมโยงกันของตัวละครแต่ละตัวได้อย่างซับซ้อน สิ่งเหล่านี้มันช่วยส่งผลให้ตัวละครทุกตัวในเรื่องนั้น มีมิติและดูเป็นมนุษย์จริงๆ ซึ่งผมบอกได้เลยว่าทำออกมาได้ดีมากๆแล้ว แต่ดันมาตกม้าตายเรื่องการบิ้วอัพ ถ้าบิ้วอารมณ์ผู้ชมให้อินไปกับซีรีส์ได้มากกว่านี้จะไร้ที่ติเลย ต่อมาเรื่องการดำเนินเรื่อง ต้องบอกเลยว่าเรื่องนั้จะดำเนินเรื่องไปแบบเรื่อยๆ ถ้าคนที่คาดหวังจะมาดูหนังสงครามแบบบู๊กระหน่ำบอกเลยว่าผิดหวังแน่ๆ เพราะซีรีส์จะไปทางการเมือง สังคม และถ่ายทอดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ซะมากกว่า ทำให้การดำเนินเรื่องจะไปแบบเรื่อยๆ คุยกันซะเยอะ อาจจะทำให้ใครหลายคนรู้สึกเบื่อ แต่ส่วนตัวผมดันสนุก เพราะมันคุยกันเยอะก็จริง แต่สิ่งที่ตัวละครคุยกันมันไม่ใช่เรื่องไร้สาระ แต่เป็นเกมการเมืองที่เข้มข้น และน่าติดตาม สรุปแล้วทั้งเรื่องบทและการดำเนินเรื่อง จากความรู้สึกส่วนตัวของผม ผมค่อนข้างประทักใจและชอบพอสมควร แต่แค่เสียดายที่มันครึ่งๆกลางๆและไปได้ไม่สุดทาง แต่ก็ยังถึงว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแคสต์นักแสดงมาได้ดี และทุกคนแสดงได้ยอดเยี่ยมต่อมาดเานการแสดง นักแสดงทุกคนที่แคสต์มา ต้องบอกเลยว่าแคสต์นักแสดงมาได้ดีมากๆ ส่วนตัวผมชอบคนที่เล่นเป็น ฮารัลด์ ซีเกิร์ดสัน มากที่สุด เพราะเขาแสดงดีและโดดเด่นที่สุด มีฉากให้ได้โชว์ฝีมือเยอะพอสมควร แสดงเข้าถึงบทบาท ดูเจ้าเล่ห์ แต่ลึกๆก็ยังดูเป็นคนดีและไว้ใจได้ ชอบฉากเวลาที่ตัวละครนี้พูดปลุกใจผู้คน การแสดงของเขามันทำให้ดูน่าเชื่อถือ และฝากชีวิตไว้ด้วยได้ ส่วนตัวละครที่ผมชอบรองลงมาคงจะเป็น กษัตริย์คนุต ซึ่งถ้าให้พูดกันตามตรง ตัวละครนี้เป็นตัวละครสมทบ ไม่ใช่ตัวละครหลักด้วยซ้ำ แต่ในเรื่องก็ถือว่าเป็นตัวละครสำคัญมากๆ เพราะเป็นคนมีอำนาจ และยังเป็นผู้นำทัพไวกิ้งในการแก้แค้นประเทศอังกฤษ และที่ผมรู้สึกว่าทำได้ดีรองลงจากสองคนนี้คงจะเป็นตัวละครหลัก 2 พี่น้องชาวกรีนแลนด์ อย่าง เฟรย์ดิส เอริกส์ดอตเตอร์ และ ลีฟ อีริคสัน สองคนนี้ก็ทำได้ดีเช่นกัน เฟรย์ดิสก็เป็นตัวละครที่เแรียบเสมือนกับ ลาเกอร์ธาร์ในภาคเก่า เป็นนักรบหญิงแห่งคัตเทกัต ซึ่งมองว่าตัวละครนี้น่าจะอยู่ไปอีกไกล และจะต้องสร้างตำนานในภาคต่อๆไปแน่นอน ส่วนลีฟ อีริคสัน คนนี้ก็เป็นตัวละครหลักมากๆ คือเป็ยพระเอกของเรื่องนั่นแหละ ซึ่งตัวละครนี้มีดีทั้งด้านการต่อสู้ และเดินเรือ เขาเป็นคนดีมาก แต่ก็เป็นคนที่เด็ดขาดมากๆเช่นเดียวกัน และก็ยังฉลาดอยู่พอสมควร วางแผนการรบได้ดี คงต้องรอติดตามตัวละคนนี้กันต่อไปในซีซั่นหน้า น่าจะโดดเด่นและเป็นตำนานชาวไวกิ้งอย่างแน่นอนงานภาพที่ยอดเยี่ยม สวยงาม สมจริง และการโปรดักชั่นสุดอลังการในส่วนของงานภาพ ถ่ายออกมาได้สวยงามมาก เลือกโทนสีได้เหมาะ และรักษาบรรยากาศของซีรีส์ไว้ให้เหมือนกับภาคเก่าๆที่ผ่านมา โทนสีภาพ และมุมกล้องต่างๆ แทบไม่ต่างจากไวกิ้ง 6 ซีซั่นก่อนหน้านี้เลย ส่วนตัวชอบงานภาพในฉากแอ็คชั่น ฉากการรบ โดยเฉพาะฉากรวมพลหรือฉากกองเรือรบที่ถ่ายจากระยะไกล ฉากเหล่านี้นั้น ถ่ายออกมาได้สวยและดูอลังการ ยิ่งใหญ่ตระกาลตามาก ดูเป็นกองทัพน่าเกรงขาม บรรยากาศในภาพ รวมถึงองค์ประกอบต่างๆ มันช่วยส่งให้ภาพรวมของซีรีส์ออกมาดูจริงจัง ซึ่งงานภาพถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผู้ชมรู้สึกคล้อยตามและอินไปกับซีรีส์ได้อย่างเต็มที่ ต่อมางานโปรดักชั่น ความอลังการงารสร้างต่างๆ ส่วนตัวสำหรับผมงานโปรดักชั่นในภาคนี้ยังถือว่าออกมาได้ ไม่ดีเท่าไหร่นัก อยู่ในระดับกลางๆ มาตรฐานทั่วไป ส่วนตัวผมรู้สึกว่าไวกิ้งภาคเก่าในซีซั่น 5-6 ยังทำงานโปรดักชั่นออกมาได้อลังการกว่าภาคนี้มากพอสมควรเลย และฉากรบในภาคนี้ก็ไม่ได้มีมากมายนัก แค่นิดๆหน่อยๆ เลยยังรู้สึกไม่ซะใจเท่าไหร่ เหมือนมันยังไม่ใช้ไวกิ้งแบบ 100 เปอร์เซ็น อาจต้องรอดูในซีซั่นต่อไป ขอให้มีฉากหรือมีสงครามครั้งใหญ่ซักที อยากเห็นความอลังการแบบที่คุ้นเคย และผมก็มองว่าระดับ Netflix ทำได้อยู่แล้วไม่ยาก แต่สิ่งที่ต้องชมมากๆในภาคนี้ คือการรักษามาตรฐานเดิมไว้ได้ ในเรื่องฉากการฆ่ากันแบบดิบ ดุ เดือด เลือดสาด ถึงเลือดถึงเนื้อและเห็นกันจะๆไม่มีตัดหลบ หรือเซ็นเซอร์อะไรทั้งนั้น ซึ่งผมมองว่าทางทีมผู้สร้างตัดสินใจถูกแล้วที่ทำแบบนี้ เพราะมันคือเสน่ห์หลักของซีรีส์เรื่องนี้ แสดงให้เห็นความเป็นมนุษย์ ยุคสมัย เรียลๆสมจริง ทำให้นอกจากที่เราจะดูเพื่อความสนุกแล้ว แต่เรายังจะได้เข้าใจเป็นประวัติศาสตร์ สังคม การเมือง และวิถีชีวิตของมนุษย์ในยุคนั้นได้อย่างถ่องแท้อีกด้วย ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ซึ่งมาพร้อมกลับการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากซีรีส์ในภาคนี้จะเล่าเรื่องราวหลังจาก 6 ซีซั่นแรกถึง 100 ปี ซึ่งเวลาร้อยปีนี่ถือเป็นเวลาที่นานมากๆ เรียกว่าผ่านมาหลายเจนเนอเรชั่นเลยทีเดียว ดังนั้นจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงมากมายตามยุคสมัยอยู่แล้ว หรือง่ายๆก็คือเหตุการณ์ในภาคนี้จะเรียกว่าเป็นยุคสมัยใหม่ของไวกิ้งที่เรารู้จักในภาคเก่าก็ไม่ผิดนัก เพราะมีการเปลี่ยนแปลงมากพอสมควร และต้องบอกเลยว่าซีรีส์ทำออกมาได้ดีในส่วนนี้ เริ่มจากการเปิดเรื่องมาที่เราจะได้รู้ว่ามีชาวไวกิ้งที่เดินทางไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในอังกฤษจำนวนมาก และถือเป็นเรื่องปกติ และนอกจากอังกฤษแล้ว ชาวไวกิ้งก็ยังได้กระจัดกระจายกันไปอยู่ตามประเทศต่างๆทั่วทั้งทวีปยุโรป แต่จนเกิดเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวไวกิ้งในประเทศอังกฤษ เหตุการณ์ที่ทำให้ชาวไวกิ้งมารวมทัพกันที่คัตเทกัต โดยมุ่งหวังจะเกินทางไปโจมตีอังกฤษเพื่อล้างแค้นให้เผ่าพันธุ์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของซีรีส์เรื่องนี้ และเนื่องจากระยะเวลาที่ผ่านมานาน และมีชาวไวกิ้งที่ไปอาศัยอยู่ตามประเทศต่างๆมากมาย และได้ไปอยู่ในเมือง ที่ซึ่งมีโบสถ์ของศาสนาคริสต์ ทำให้มีชาวไวกิ้งจำนวนไม่น้อย ที่ศรัทธาและย้ายศาสนา เปลี่ยนความเชื่อ จากเดิมที่บูชาเทพเจ้านอร์ท เปลี่ยนไปเป็นชาวคริสต์ที่เคร่งครัดแทน และเนื่องจากความเชื่อที่ต่างกันทำให้ชาวไวกิ้งที่นับถือคริสต์และชาวไวกิ้งที่นับถือความเชื่อเดิมนั้นไม่ค่อยจะถูกกันซักเท่าไหร่ ส่งผลให้มีการขัดแย้งกันเองระหว่างพวกไวกิ้งด้วยกัน ซึ่งมันต่างจากภาคเก่าๆที่เราดูเพราะตอนนั้นยังมีไวกิ้งที่นับถือคริสต์ไม่มาก มีแค่พวกผู้นำบางคนเท่านั้น ทำให้ไม่ได้เห็นความขัดแย้งทางความเชื่อของไวกิ้งด้วยกันเองเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะขัดแย้งกันเรื่องผลประโยชน์และอำนาจซะมากกว่า แต่ภาคนี้ดันมีความขัดแย้งทางความเชื่อมาเพิ่มด้วย ซึ่งผมมองว่าทำได้ดีมากๆ แถมยังมีการให้ตัวละครผู้หญิงผิวดำได้มาเป็นผู้ปกครองคัตเทกัตอีกต่างหาก ซึ่งสิ่งนี้เป็นเหมือนการบ่งบอกและแสดงออกถึงการเปลี่ยนแปลงทางยุคสมัย กลายเป็นยุคสมัยที่ดีขึ้น ยอมรับความหลากหลายมากขึ้น ส่วนตัวสำหรับผมมองว่าการสะท้อนยุคสมัยด้วยการแฝงเป็นนัยยะของซีรีส์เรื่องนี้ นั้นทำออกมาได้ดีและยอดเยี่ยมมากๆความเชื่อสุดโต่ง ที่นำมาซึ่งความขัดแย้งและสงครามอย่างที่รู้กันว่าเหตุการณ์ในภาคนี้ถือเป็นยุคสมัยที่ใหม่กว่าในภาคเก่าถึง 100 ปี ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความเชื่อของชาวไวกิ้ง ที่ในภาคนี้มีไวกิ้งจำนวนไม่น้อยที่ย้ายอยู่ในดินแดนอื่น และได้ย้ายไปนับถือความเชื่อของศาสนาคริสต์ และก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ยังคงอยู่ในบ้านเกิด อย่างเช่นชาวไวกิ้งในเมืองคัตเทกัต ที่ยังคงนับถือความเชื่อเก่าอยู่ ทำให้ภาคนี้มันมีมิติใหม่ที่เกิดขึ้นมา คือการขัดแย้งกันเองของพวกไวกิ้ง และสาเหตุหลักๆก็มาจากความเชื่อเนี่ยแหละ ถ้าเรามองในยุคปัจจุบัน คนเรานั้นหลากหลายมาก และการที่เชื่อไม่เหมือนกันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ถึงขั้นต้องฆ่าฟันกัน เพราะมันช่างไร้สาระมากๆ และคนในปัจจุบันก็เคารพการตัดสินใจ หรือสิทธิในการเลือกความเชื่อของคนอื่น แต่ก็ไม่ทั้งหมดหรอก ยังมีหลายคนที่คร่ำครึและเคร่งศาสนาแบบสุดโต่ง แต่ก็น้อยมากๆ แต่ตัดภาพไปที่ซีรีส์ เหตุการณ์มันดันอยู่ใช่ช่วงยุค ค.ศ.1000 ต้นๆ และเป็นยุคที่ศาสนาคริสต์เฟื่องฟูอย่างมาก ซึ่งช่วงเวลาในเรื่องนั้นถือว่าอยู่ในยุคสมัยกลาง ยุคสมัยที่ขึ้นชื่อเรื่องความเชื่อและความงมงายที่รุนแรง ทำให้ตัวละครในเรื่องนี้ไม่ใช่แค่พวกนับถือความเชื่อแบบธรรมดา แต่เป็นพวกที่งมงมายแบบสุดโต่งทั้งคู่ ทั้งพวกนับถือคริสต์ก็เชื่อศาสนาคริสต์แบบสุดโต่ง มองว่าพวกนับถือความเชื่อเก่าคือพวกนอกรีต คนเถื่อน พวกล่าสมัย แต่ถ้าหากเปลี่ยนมานับถือคริสต์ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่นับถือก็อาจจะต้องกำจัดทิ้ง คือเชื่อขนาดนั้นเลย ขนาดที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ถัดมาพวกความเชื่อเก่า พวกนี้ก็โคตรสุดโต่ง ภาคเก่าความเชื่อสุดโต่งยังไง ภาคนี้ก็ยังเหมือนเดิม แถมภาคนี้ยังมีฉากทางความเชื่อต่างๆให้เราได้เห็น ทั้งฉากที่ต้องสังเวยชีวิตคนในเผ่า เพื่อไปส่งสารให้เทพเจ้าก่อนจะเริ่มทำศึกสงคราม ฉากนี้ก็สะท้อนให้เราได้เห็นเลยว่า พวกความเชื่อเก่าก็สุดโต่งเหมือนกัน สามารถที่จะฆ่าคนๆนึงได้เพื่อความเชื่อแบบไม่รู้สึกผิดด้วยซ้ำ และความสนุกมันคือเมื่อคนสองกลุ่มนี้ต้องมีเหตุให้มาเจอกัน เพราะชาวไวกิ้งได้มารวมตัวกันเพื่อไปล้างแค้นอังกฤษที่ก่อเหตุสังหารหมู่พี่น้องของพวกเขา ทำให้ชาวไวกิ้งทุกหนแห่งมารวมตัวกัน และพวกที่นับถือคริสต์กับพวกความเชื่อเก่าก็ต้องมาเจอกันแบบเลี่ยงไม่ได้ คือยังไม่ทันจะได้ไปรบก็ตีกันเองไปไม่รู้กี่รอบ แถมไอความขัดแย้งนี้มันร้ายแรงมากๆ เพราะมันคือความเชื่อ สิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าเงินทอง หรือชื่อเสียง มันทำให้ความขัดแย้งนี้มันฝังรากลึก และจะส่งผลกระทบต่อชาวไวกิ้งอีกมากมาย ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า ในภาคต่อๆไปเราก็จะได้เห็นความขัดแย้งนี้อยู่แน่นอน และผมชอบที่ออกแบบให้ตัวละคร ลีฟ อิริคสัน เป็นคนประเภทคล้ายๆแรกนาร์ คือตัดสินจากเหตุผลไม่ใช่ความเชื่อ เป็นเสมือนคนที่อยู่ตรงกลางของความขัดแย้ง และความสามารถนี้แหละที่จะทำให้เขาได้เป็นคนที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต เพราะสามารถเข้าได้กับคนทั้งสองฝั่ง คงต้องรอติดตามกันต่อไป แต่ผมขอชมว่าซีรีส์ทำประเด็นนี้ไว้ได้ดีมากๆสรุปและให้คะแนนจากภาพรวมทั้งหมดของซีรีส์ Vikings: Valhalla (ไวกิ้ง: วัลฮัลลา) สำหรับผม ผมรู้สึกค่อนข้างชอบพอสมควร แม้ว่าจะไม่ได้ชอบและประทับใจเท่ากับ 6 ซีซั่นก่อนที่ผ่านมา แต่ภาคนี้ก็ทำออกมาได้ดี และไม่ได้แย่เลยซักนิด ยังรักษาเสน่ห์ความเป็นไวกิ้งได้อย่างดี มีทั้งความดิบ เถื่อน เลือดสาด และบทที่แปลกใหม่กว่าที่เคย มีการสอดแทรกประเด็นไว้มากมาย และเฉียบคมเหมือนเดิม ทั้งประเด็นทางการเมือง ศาสนา และอื่นๆอีก ถือว่าเป็นซีรีส์แนวสงครามที่ได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ไปในตัวด้วย การแสดงของทุกคนก็ทำออกมาาได้ดี รักษามาตรฐานเดิมของแฟรนไชส์ไว้ได้ ออกแบบตัวละครออกมาดี ทุกตัวมีปูมหลังของตัวเอง ทำให้มีตัวละครมีมิติ บวกกับความฝันและความถนัดของตัวละครที่แตกต่างกันออกไป ทำให้มันดูมีความเป็นมนุษย์ และน่าติดตามว่าแต่ละตัวจะทำความฝันที่ตัวเองตั้งไว้ได้สำเร็จหรือไม่ งานภาพและการโปรดักชั่นก็ทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะงานภาพที่ยังรักษาบรรยากาศเก่าๆของซีรีส์ไว้ได้ แม้ว่าจะแตกต่างจากภาคเก่าไปซักนิด ผมรู้สึกว่าภาพของภาคนี้มันดูสดใสกว่านิดหน่อย ไม่ได้ดูมืดหม่นเท่าภาคเก่าแต่ก็ถือว่าทำได้ดี งานโปรดักชั่นก็ทำดี ฉากสยองๆยังมีให้เห็นเยอะพอสมควร ซึ่งทำได้ดีมาก และเป็นเสน่ห์หลักของเรื่องนี้เลย ส่วนนี้ต้องชื่นชม ในด้านซีจีต่างๆก็ถือว่าใช้ได้ แต่อาจเพราะภาคนี้เนื้อเรื่องยังไม่มีฉากศึกสงครามใหญ่ๆให้ได้เห็น ทำให้รู้สึกว่ายังไม่สะใจเท่าไหร่ อยากเห็นมันส์ๆกว่านี้ อาจต้องรอซีซั่นหน้า เข้าใจว่าเพราะตัวละครใหม่หมด จึงต้องเริ่มปูบทปูเนื้อเรื่องใหม่ จะให้มาพีคตั้งแต่ซีซั่นแรกเลยก็ยังไงดู ส่วนตัวก็รอติดตามกันต่อไป เพราะตัวละครหลักทุกตัวยังมีเส้นทางให้เดินไปได้อีกไกลมาก ผมคิดว่าทีมผู้สร้างคงวางโปรเจ็คต์นี้ไว้ยาวอยู่พอสมควร สรุปแล้วภาพรวมทุกๆอย่างของซีรีส์เรื่องนี้ทำออกมาอยู่ในเกณฑ์ดีเลยทีเดียว ติดแค่เนื้อเรื่องที่ยังรู้สึกว่าจืดไปซักหน่อย น่าจะเข้มข้นและมาระเบิดแบบคาใจตอนท้ายๆก่อนจบซีซั่น แต่ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น แม้ว่าตอนสุดท้ายจะเป็นจุดพีคของเรื่องก็จริง แต่สำหรับผมมองว่ามันยังไม่สุด ไม่อิมแพ็คต่อความรู้สึกคนดูเท่าไหร่ สุดท้ายผมขอให้คะแนนซีรีส์เรื่องนี้ไว้ที่ 7/10 คะแนนก็แล้วกันครับสุดท้ายนี้ ฝากกดติดตาม และกดแชร์ ให้ด้วยนะครับชื่อเรื่อง : Vikings: Valhalla (ไวกิ้ง: วัลฮัลลา)ความยาว : 8 ตอนวันที่ฉาย : 25 กุมภาพันธ์ 2022แนว : แอ็คชั่น , ผจญภัย , ประวัติศาสตร์ , สงครามระบบเสียง : พากย์ไทยและซับไทยช่องทางการรับชม : Netflixคะแนน : 7/10บทความอื่นๆของ ละเลงหนัง : รีวิว The Last Duel (2021) การดวลจนตัวตายของ 2 อัศวิน เพื่อพิสูจน์ความจริงเตรียมตัวก่อนดู Vikings : Valhalla / ป้ายยา House of GUCCI หนังดีที่ไม่ควรมองข้ามแนะนำ&รีวิว Hype House (2022) เมื่อเหล่าคนดังมาอาศัยอยู่ด้วยกันเพื่อสร้างคอนเทนต์ออนไลน์รีวิวหนัง House of Gucci ดัดแปลงมาจากเรื่องจริงของตะกูล GUCCIเรื่องจริงของ Munich – The Edge of War มิวนิก ปากเหวสงคราม เปิดวาร์ปนักแสดง มัธยมซอมบี้ All of Us Are Deadรีวิวหนัง Scream หวีดสุดขีด หนังแฟนเซอร์วิสที่คนไม่ใช่แฟนหนังก็ดูได้รีวิว Special Delivery ส่งด่วนทะลุนรก นำแสดงโดย พัคโซดัม จาก Parasiteรีวิวซีรีส์ มัธยมซอมบี้ (All of Us Are Dead) ซีรีส์ซอมบี้ ที่ทุกคนไม่ควรพลาดรีวิว Moonfall วันวิบัติ จันทร์ถล่มโลก เมื่อดวงจันทร์หลุดวงโคจรแล้วกำลังจะพุ่งชนโลกรีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ (One for the Road) หนังไทยที่โคตรดี นานๆทีมีครั้งรีวิว The 355 ปฏิบัติการสวยลับรีวิว The Power of the Dog (2021) หนังที่เข้าชิง 12 รางวัล บนเวทีออสการ์ 2022รีวิว Uncharted ผจญภัยล่าขุมทรัพย์สุดขอบโลก หนังที่สร้างจากเกมส์ แต่คนที่ไม่ใช่แฟนเกมส์ก็ดูได้รีวิว Death on the Nile ฆาตกรรมบนลำน้ำไนล์ หนังภาคต่อที่ดีไม่แพ้ภาคแรกรีวิว Texas Chainsaw Massacre สิงหาสับ 2022 หนังไล่เชือดเลือดสาดชวนดูซีรีส์ Twenty-Five Twenty-One ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด ซีรีส์รอมคอมฟีลกู๊ด ที่มีกลิ่นอายของยุค 90เปิดวาร์ปนักแสดง Twenty-Five Twenty-One ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด ซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ที่ไม่ควรพลาดรีวิว Till We Meet Again ภารกิจรักด้ายแดง หนังรอมคอม ไซไฟ-แฟนตาซี ที่ไม่ควรมองข้ามรีวิว Juvenile Justice หญิงเหล็กศาลเยาวชน ซีรีส์เกาหลีน้ำดีที่อยากให้ทุกคนได้ดูรีวิว The Batman หนังซูเปอร์ฮีโร่สุดแหวกแต่ดี พูดน้อยต่อยหนักรีวิว The Pirates: The Last Royal Treasure ศึกโจรสลัดชิงสมบัติราชวงศ์ หนังเกาหลีสุดบันเทิง ตลก ครบรสภาพปก : ภาพที่ 1 จาก Facebook : NetflixTHภาพประกอบ : ภาพที่ 1 จาก Facebook : Vikings Valhallaภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 เครดิตภาพทั้งหมดจาก Facebook : NetflixTHวิดีโอ : ไวกิ้ง: วัลฮัลลา (Vikings: Valhalla) | ตัวอย่างซีรีส์อย่างเป็นทางการ จาก Youtube : Netflix Thailandเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !