เคาะรายได้ “Aquaman and the Lost Kingdom” กับสถานการณ์ที่อาจจะกอบกู้ไม่ได้
มาถึงคิวการวิเคราะห์รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศล่วงหน้าที่จะเป็นสุดสัปดาห์ท้าย ๆ ของปี 2023 นี้แล้ว ซึ่งจะกลายเป็นสัปดาห์ส่งท้ายที่ค่อนข้างเต็มไปด้วยโปรแกรมหนังใหญ่ล็อตสุดท้ายมาชิงชัยกัน แต่พิจารณาจากกระแสและความร้อนแรงในเวลานี้ดูแล หลาย ๆ สำนักมองไปในทิศทางเดียวกันว่า เดือนธันวาคมปีนี้วงการหนังไม่น่าจะเปรี้ยงปังได้เหมือน ๆ กับช่วงเทศกาลปีก่อน ๆ เคยทำเอาไว้ เพราะหนังฟอร์มใหญ่ก็จริง แต่กลับยังไม่น่าดึงดูดใจคนดูได้ขนาดนั้น
โดยสัปดาห์ทิ้งทวนปี 2023 และยังเป็นสัปดาห์วันคริสต์มาส มาพร้อมกับ “Aquaman and the Lost Kingdom” ภาคต่อของฮีโรเจ้าสมุทรของฝั่งดีซี ที่ถือว่าจะเป็นการปิดฉากจักรวาลดีซียุคปัจจุบันลงอย่างเป็นทางการกับหนังเรื่องนี้ แต่ตัวเลขที่ BoxofficePro ได้วิเคราะห์ออกมานั้น ดูเหมือนว่าหนังอาจจะไม่ร้อนแรงได้เทียบเท่ากับที่ภาคที่แล้วทำเอาไว้ เพราะคาดว่าหนังจะเปิดตัว 3 วันแรกได้ที่ 32-42 ล้านเหรียญเท่านั้น
นักวิเคราะห์มองว่า Aquaman 2 ก็พอจะมีศักยภาพการเป็นหนังสำหรับช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปีอยู่ เป็นหนังฟอร์มใหญ่ที่ช่วงนี้จะต้องมาลงจอฉายสักเรื่อย ด้วยมาตรฐานของภาคแรกที่เคยเซ็ตเอาไว้เป็นหนังดีซีที่ทำรายได้ดีที่สุดอีกเรื่องของจักรวาล ที่กวาดรายได้รวมไปได้สูงถึง 335 ล้านเหรียญในอเมริกา และฟันรายได้ทะลุพันล้านเหรียญไปทั่วโลก เมื่อเดือนธันวาคม 2018 ก็น่าจะยังพอมีโอกาสให้หนังได้ลุ้นทำเงินได้ระดับเป็นปรากฏการณ์ได้อยู่
เพียงแต่ว่าเทรนด์หนังฮีโรที่เผชิญกับภาวะตกต่ำอย่างหนักตลอดปีที่ผ่านมา กับผลงานก่อนหน้านี้ของหนังดีซีที่ต่ำกว่ามาตรฐานแทบจะทุกเรื่องที่ออกฉายมาในปี 2023 ซึ่งทำให้ Aquaman 2 จึงถูกจับไปวางเอาไว้ในกลุ่มหนังที่เสี่ยงจะทำเงินได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่เคยทำเอาไว้ โดยหนังได้มีการเปิดจองตั๋วล่วงหน้าแล้ว พบว่าทำยอดได้สูงกว่าของ Shazam! Fury of the Gods ที่ 25% แต่ยังตามหลังยอดจองตั่วของ Black Adam เมื่อปีก่อนอยู่ถึง 62% เลยทีเดียว
ดังนั้น นักวิจารณ์จึงมองว่า Aquaman and the Lost Kingdom น่าจะทำรายได้รวมในอเมริกาได้แถว ๆ 105-170 ล้านเหรียญ ที่ถือว่าลดลงต่ำกว่าที่ภาคที่แล้วเคยทำได้ไปมากกว่าครึ่งหนึ่งเลย ซึ่งรายได้นั้นต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยของกระแสของหนังและคำวิจารณ์ที่จะตามออกมา รวมทั้งประสิทธิภาพของหนังที่อาจจะไม่สามารถยืนโรงฉายได้ยาวนาน หลังจากช่วงปีใหม่ผ่านไป
โดยคู่แข่งของ Aquaman 2 ยังต้องต่อกรกับหนังแอนิเมชั่นเรื่องใหม่จากค่ายอิลลูมิเนชัน อย่าง “Migration” ที่จะมาแย่งกลุ่มผู้ชมครอบครัวได้ไปเต็ม ๆ ซึ่งคาดว่าหนังจะเปิดตัวได้ใช้ได้ที่ 25-30 ล้านเหรียญ แต่ว่าด้วยความที่หนังเป็นแอนิเมชันที่เจาะกลุ่มผู้ชมได้กว้างกว่า ถึงเชื่อว่าหนังจะมีโอกาสที่ทำเงินได้ในระยะยาว อาจจะยาวไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ และมีรายได้รวมตลอดโปรแกรมไปได้ราว ๆ 140-250 ล้านเหรียญโดยประมาณ
และนอกจากจะมีหนัง 2 เรื่องนี้แล้ว สัปดาห์นั้นยังมี “Anyone But You” หนังรอมคอมจากโซนี พิคเจอร์ส ลงโรงฉายด้วย ที่คาดว่าหนังจะเปิดตัวได้ไม่ถึงระดับ 10 ล้านเหรียญ และยังหนังดรามาชีวประวัติหนังมวยปล้ำ “The Iron Claw” จากค่าย A24 ที่จะออกฉายวงกว้างสัปดาห์นั้นด้วย แต่ก็น่าจะทำเงินได้แถว ๆ 5-8 ล้านเหรียญ
อีกทั้งต่อมาในวันคริสต์มาส ที่ปีนี้ตรงกับวันจันทร์ก็จะเป็นคิวเปิดตัวของหนังอีก 3 เรื่องสุดท้ายของปี ได้แก่ “Ferrari” หนังดรามาหวังรางวัลตำนานแบรนด์รถหรู “The Color Purple” หนังดรามามิวสิคัลที่สร้างมาจากละครบอร์ดเวย์ชื่อดัง และ “The Boys in the Boat” หนังดรามากีฬาที่ “จอร์จ คูลนีย์” รับหน้าที่เป็นผู้กำกับ ออกฉายพร้อม ๆ กัน ที่น่าจะเป็นกลุ่มหนังหวังรางวัลที่น่าจะโกยเงินได้เรื่อย ๆ ตลอดช่วงวันหยุดยาวนี้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บ็อกซ์ออฟฟิศหลายสำนักต่างเห็นพ้องต้องกันว่า บ็อกซ์ออฟฟิศเดือนธันวาคม 2023 น่าจะเป็นปีที่มีผลลัพธ์ที่ไม่ร้อนแรงเทียบเท่ากับปีก่อน อาจจะเป็นการปิดปีที่ค่อนข้างเบาบางไปสักหน่อยของวงการหนังฮอลลิวูด เพราะปีนี้แทบจะไม่มีหนังบ็อกซ์บัสเตอร์เบอร์ใหญ่ ๆ มาช่วงดึงดูดใจและกระตุ้นยอดตั๋วหนังได้สักเท่าไหร่
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa