รีเซต

First Impressions: ความรู้สึกแรกที่มีต่อ 4 ซีรีส์เกาหลีล็อตใหม่เปรี้ยงปัง

First Impressions: ความรู้สึกแรกที่มีต่อ 4 ซีรีส์เกาหลีล็อตใหม่เปรี้ยงปัง
Jeaneration
22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:30 )
304

รีวิวซีรีส์เกาหลี

นับว่าเป็นช่วงเวลาอันหนักหน่วงของแฟนๆ ซีรีส์เกาหลีกันเลย เพราะเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีซีรีส์เกาหลีเรื่องใหม่พรีเมียร์ฉายตอนแรกแบบไล่เลี่ยกันถึง 4 เรื่อง 4 อรรถรส เป็นเครื่องการันตีเอาไว้เลยว่า...อีก 2 เดือนต่อจากนี้ต้นไป วันหยุดจะไม่ได้หยุดพักผ่อนได้อย่างเต็มที่อีกแล้ว เพราะต้องเฝ้ารอตามเก็บดูซีรีส์ล็อตเรื่องนี้เอาไว้ในอยู่หมัด เพราะถ้าพลาดไปสักตอน คาดว่าคงจะเก็บไปคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องแน่ๆ

และในเมื่อมีซีรีส์ใหม่ถึง 4 เรื่องพร้อมๆ กัน จึงกลับมาอีกครั้งกับริวิวสไตล์ First Impressions ความรู้สึกแรกที่มีต่อผลงานเรื่องนั้นๆ ที่ครั้งนี้ขอรวบรัดตัดตอนด้วยการรวบตึงจับเอาซีรีส์ทุกเรื่องมารีวิวแบบกระชับได้ใจความสำคัญ และเป็นเครื่องมือช่วยให้ทุกๆ คนได้ตัดสินใจด้วยว่า ซีรีส์เรื่องไหน...สมควรที่จะจับมือก้าวเดินไปด้วยกันต่อในระยะนี้

Vincenzo ทนายมาเฟีย

แค่ได้ยินว่า...นี่เป็นผลงานคัมแบ็คจอเล็กในรอบปีเศษๆ ของ "ซงจุงกิ" พระเอกซุปตาร์หน้าใสขวัญใจสาวๆ ทั่วโลก ก็ต้องตาลุกวาวกันแล้ว แน่นอนว่าผลงานซีรีส์เรื่องต้องเป็นที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ และผลลัพธ์ที่ทำออกมาได้ใน 2 ตอนแรกในการออนแอร์ฉายไปแล้วนั้น ก็ต้องนับถือว่า Vincenzo เป็นซีรีส์ที่ความจัดจ้านในการสอดแทรกเนื้อหาผสมกับมุกตลกได้อย่างลงตัว

ต้องยอมรับก่อนว่า Vincenzo เป็นซีรีส์ที่ดูมีภาพลักษณ์ขึงขังและจริงจังมากๆ นับตั้งแต่เริ่มโปรโมตออกมา มีเค้าโครงว่าจะเป็นซีรีส์อาชญากรรมเกี่ยวข้องกับกฎหมายที่น่าจะเข้มข้นและชวนปวดหัวกับศัพท์ภาษาว่าความกันแน่ๆ อีกทั้งตัวละครหลักยังมีนิสัยใจคอและมาดขรึมแบบมาเฟียอีก เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว...หลายคนคงนึกว่าเรื่องนี้น่าจะออกมาเครียดแน่ๆ

แต่สุดท้ายแล้ว...ตรงกันข้ามทั้งหมด Vincenzo กลายเป็นซีรีส์ที่มีความเชือดเฉือนทางด้านกฎหมายอยู่ก็จริง แต่กลับเบาสมองไปกับบทที่มีชั้นเชิงและสอดแทรกมุกตลก ทั้งหน้าเป็นและหน้าตายเอาไว้เต็มไปหมด ดังนั้นควรลบภาพจำเดิมๆ ทั้งหมดที่เคยคาดเดาเอาไว้ล่วงหน้า เพราะซีรีส์เรื่องนี้ก็คือซีรีส์ตลกเรื่องหนึ่งนั่นเอง

Vincenzo เป็นฝีมือการเขียนบทของ "พัคแจบอม" ที่แน่นอนว่างานชิ้นก่อนหน้านี้ของเขาก็มือฉมังและได้รับความนิยมพอสมควรกับตลกร้ายอย่าง The Fiery Priest มาในเรื่องนี้เขาก็ยังคงใส่เอกลักษณ์แบบคุ้นเคยเอาไว้ จึงพลอยทำให้เรื่องที่น่าจะขึงขัง ถูกลดดีกรีความซีเรียสกลายเป็นโปกฮาไปเสียดาย

ขณะที่ทีมนักแสดงก็คุณภาพเหลือเกิน แม้ว่าจะมีเพียง ซงจุงกิ คนเดียวเท่านั้นที่มีชื่อเสียงมากที่สุด แต่คนดูก็ต้องหลงรักความเวอวังเล่นใหญ่ของนางเอก "จอนยอบิน" ในเรื่องนี้ และปลื้มกับการแสดงที่ล้นทะลักของ "อ๊กแทคฮยอน" รวมทั้งเหล่านักแสดงสมทบมากมาย ทั้งฝั่งสำนักงานอัยการ และฝั่งกึมกาพลาซ่า ทุกคนเล่นได้น่าประทับใจ...แบบที่คู่ควร

The Penthouse ซีซั่น 2

แต่ก่อนกาลที่เรื่องข้างบนจะมาเล่นใหญ่ตามนั้น ก็ยังมีเรื่องนี้ที่กลับมาอีกครั้งในซีซั่นที่ 2 แน่นอนว่ามีแฟนๆ ซีรีส์ที่ติดตามมาจากซีรีส์แรกจำนวนไม่น้อยที่เฝ้ารอดูการก้าวเดินไปข้างหน้าของพวกไฮโซน่าขยะแขยงในเฮรา พาเลซแห่งนี้ และแน่นอนว่า...การกลับมาครั้งนี้ก็ยังคงอยู่บนพื้นที่ของการคาดเดาไม่ได้อีกเช่นเคย

The Penthouse ซีซั่น 2 ยังคงเป็นทีมงานและนักแสดงชุดเดิมกลับมาสานต่อเรื่องราวอีกครั้ง โดยเนื้อเรื่องจะดำเนินต่อจากการบทสรุปในซีซั่นก่อนเลย ดังนั้นถ้าใครจะมาเริ่มดูซีซั่นที่ 2 เลยก็อาจจะมึนคงกับที่ไปที่มาและตัวละครต่างๆ ได้ จึงแนะนำว่าควรไปฝึกลับสมองกับทดสอบอาการทางประสาทในซีซั่นแรกก่อน แล้วจึงค่อยมาดูตามลำดับขึ้นจะดีที่สุด

เปิดมาในซีซั่นนี้ก็ถือว่าเป็นตำพริกยกสวนอีกเช่นเคย เรื่องนี้ยังคงน่าประทับใจกับความเวอวังและเล่นใหญ่รัชดาลัยเสมอต้นเสมอปลาย พร้อมกับเงื่อนปมต่างๆ ที่คลี่คลายทั้งแบบค่อยๆ ช้าๆ และปุบปับจับตาไม่ทัน เอาเป็นว่าแค่เริ่มมาเพียง 2 ตอนแรก เนื้อเรื่องก็เหมือนก้าวกระโดดไปไกลเพียงแค่กะพริบตาเดียวเท่านั้น

แน่นอนว่าในครั้งนี้เป็นการฟาดฟันหนักๆ ระหว่าง 2 ตัวละคร "ชอนซอจิน" กับ "โอยุนฮี" บนพื้นฐานของเกมการแก้แค้นที่ยังมีเรื่องไม่คาดคิดรอคอยทำหน้าที่เซอร์ไพรส์คนดูแบบไม่รู้จบสิ้น ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งเรื่องราวของตัวละครรุ่นลูกก็เพิ่มความเข้มข้นขึ้นมาอีกระดับ เมื่อพวกเขาโตขึ้นและกำลังแข่งขันกันไปอยู่ระดับมหาวิทยาลัยกัน เป็นที่น่าจับตามองว่า ตัวละครรุ่นลูกๆ จะมีนัยยะสำคัญอะไรหรือไม่ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ซีซั่นสุดท้าย

The Penthouse ซีซั่น 2 มีแค่เพียง 12 ตอนเท่านั้น แต่ก็ยังจะไปสานต่อเรื่องราวอีกในซีซั่นที่ 3 ตามลำดับ ตัวละครเดิมๆ ก็ยังต้องพัวพันกับชะตากรรมในสิ่งที่พวกเขาทำเอาไว้ และยังมีตัวละครใหม่เข้ามาสมทบและชวนสงสัยในบางแง่มุม ถึงแม้ว่าเนื้อหาจะน้ำเน่าและเล่นใหญ่ชวนเป็นโรคประสาทแค่ไหน ใครที่เป็นแฟนซีรีส์เรื่องนี้อยู่แล้ว ยังไงก็พลาดไม่ได้อยู่ดี

Beyond Evil

คราวนี้ลองมาปรับโหมดเพิ่มความขึงขังแบบจริงจังขึ้นมาหน่อย มีอีกหนึ่งซีรีส์แนวอาชญากรรมสืบสวนที่ค่อนข้างน่าสนใจได้พรีเมียร์ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน แม้ว่าเนื้อหาและภาพลักษณ์ของซีรีส์โดยรวมจะดูค่อนข้างซีเรียสไม่น้อยเลยทีเดียว แต่จากการประเดิมฉาย 2 ตอนแรก ที่ติดเรตความรุนแรง 19+ ยังแอบคิดว่า...นี่คือเป็นเพียงทีเซอร์น้ำจิ้มเรียกความโหด

Beyond Evil มีความน่าสนใจตรงที่ 2 นักแสดงนำของเรื่อง การโคจรมาเจอของพระเอก 2 รุ่น "ยอจินกู" กับ "ชินฮาคยอน" ในเรื่องเดียวกันย่อมต้องเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดา และยิ่งต้องมาเล่นละครที่มีเนื้อหาเป็นปริศนา ตามหาว่าใครคือฆาตกรโรคจิตด้วยแล้ว ยิ่งสร้างบรรยากาศความไม่ไว้วางใจคละคลุ้งอยู่เต็มชั้นบรรยากาศของซีรีส์ทั้งเรื่อง

ชินฮาคยอน เป็นนักแสดงมากฝีมือที่รับมือได้กับทุกบทบาท คอมเมดี้ก็เล่นได้ ดราม่าก็เล่นดี แต่เมื่อต้องมาลองชั้นเชิงดูในซีรีส์ที่มีเนื้อหาลึกลับซับซ้อน ที่แอบซ่อนอยู่ภายใต้จิตใจของมนุษย์ รู้สึกขนลุกขนพองทุกครั้งที่เขาแสดงออกถึงใบหน้าโรคจิตชวนสยองออกมาใส่จอ

ในขณะที่ ยอจินกู ก็มีประสบการณ์ทางการแสดงไม่น้อย ด้วยการที่เป็นนักแสดงตั้งแต่ยังเด็กๆ แต่ในครั้งนี้น่าจะเป็นผลงานการรับบทนำในซีรีส์เรื่องซีเรียสที่สุดนับตั้งแต่เขาเข้าวงการมา แม้ว่าอินเนอร์ของเขาจะยังสู้นักแสดงรุ่นพี่ไม่ได้ แต่เขาก็สร้างภาพอีกมิติหนึ่งในตัวละครนี้ออกมา ที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นหลอกตาคนดูหรือไม่

ที่น่าสนใจของเรื่องนี้ก็คือ ยังไม่มีนักแสดงในเรื่องนี้คนไหนที่ได้รู้ว่าใครเป็นฆาตกรตัวจริงที่กำลังตามหาอยู่ ทุกคนต่างรับบทบาทของตัวเองไป โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปลายทางแล้ว คาแรกเตอร์ของตัวเองอาจจะพลิกผันกลายเป็นต้นเหตุของเรื่องแบบไม่คาดคิดได้ ยิ่งเป็นความสนุกในการทำงานและถ่ายทอดอินเนอร์ออกมาในการสืบสวนครั้งนี้

Times

อีกเรื่องที่เปิดตัวใหม่เช่นเดียวกัน ที่อาจจะมีกระแสเบากว่าเรื่องอื่นๆ ไปสักหน่อย แต่เห็นนักแสดงนำของเรื่องแล้ว ก็ต้องกลับมาคิดทบทวนใหม่ว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ธรรมดาก็ได้ "Times" เป็นซีรีส์สไตล์โลกคู่ขนาน(อีกแล้ว) แต่แทรกประเด็นระทึกขวัญและสืบสวนสอบสวนเข้าไปเป็นแกนหลัก เพื่อหาคำตอบและผลลัพธ์ที่จะเปลี่ยนชะตากรรมของตัวละครให้ได้

ต้องยอมรับว่า Times มีเค้าโครงคล้ายๆ กับซีรีส์อย่าง "Kairos" ที่ออนแอร์ทางช่อง MBC เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว โครงเรื่องคล้ายๆ กันเลย พระเอกกับนางเอกสามารถติดต่อสื่อสารกันผ่านทางโทรศัพท์ แต่กลับพบว่าแต่ละคนต่างอยู่คนละช่วงเวลา คนหนึ่งอยู่ในปี 2015 และอีกคนหนึ่งอยู่ในโลกปัจจุบัน แกนหลักของเรื่องแทบจะเหมือนกันเป๊ะ

แต่ความแตกต่างของเรื่องนี้อยู่ตรงที่สถานการณ์และฉากหลังของเรื่อง โดยเน้นไปที่วิชาชีพสายการเมืองและสื่อมวลชนเป็นหลัก ตัวละครหลักทั้งคู่ต่างเป็นสื่อมวลชน การสืบสวนของพวกเขาจึงเป็นไปตามกระบวนการสืบค้นหาข่าวที่ค่อนข้างจริงจัง แต่ก็ต้องยอมรับว่า...เรื่องราวไม่ค่อยมีความสดใหม่อีกแล้ว

ตอนแรกของซีรีส์เปิดตัวไปพร้อมกับการเสียเวลาปูพื้นเพตัวละครเป็นหลัก โดยมีเพียงเนื้ออยู่หยิบมือเดียว แต่ออกสตาร์ทได้ในตอนถัดไปก็ถือว่าเร่งเครื่องได้ค่อนข้างน่าจับใจ พลอยทำให้คนดูชวนลุ้นระทึกไปกับการตามหาเบาะแสและความจริงของเหตุการลอบสังหารประธานาธิบดีที่นำมาใช้เป็นประเด็นหลัก

"อีซอจิน" แบกรับซีรีส์เรื่องนี้เอาไว้ได้สบายๆ ในขณะที่นางเอกหน้าใหม่ "อีจูยอง" ก็ฉายแววกับฝีมือการแสดงที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน แม้ว่าทั้งคู่จะมอบการแสดงในรูปแบบที่ไม่ได้เข้าฉากด้วยกันซ้ำ แต่คนดูกลับรู้สึกอินไปตามสถานการณ์และสัมผัสได้ราวกันว่า คนทั้งคู่ต่างทำการร่วมแสดงในซีนเดียวกันอยู่จริงๆ

-------------------------------------

>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/34057In