TENET เป็นภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดของ Christopher Nolan ยอดผู้กำกับมากฝีมือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้ปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์ออกมาถึง 2 ตัวอย่างด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้คนดู "เป็นงง" กับเนื้อหาอยู่ดี มันคงไม่แปลกอะไร เพราะนั่นคือสไตล์ของตัวผู้กำกับอยู่แล้วที่ชอบเล่าเรื่องราวชวนคิดให้วิเคราะห์ตั้งแต่เริ่มอย่างไรก็ตามถึงเนื้อหาที่ปล่อยออกมาจะยังเป็นปริศนาอยู่ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังของ "โนแลน" นั้นมันต้องมีความน่าสนใจมาก ๆ อยู่ดี โดยเฉพาะแฟนคลับที่ต้องไปดูอยู่แล้วไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม แต่สำหรับบุคคลทั่วไปที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะไปดูดีไหม ดังนั้นวันนี้เราจะมาบอกเหตุผลกันว่าทำไมเราถึงควรไปดู TENET ที่จะเตรียมตัวฉายในเดือน กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ (ถ้าไม่เลื่อนไปเสียก่อน)1. งานเขียนบทด้วยตนเอง เสริมด้วยแรงบันดาลใจจาก 007ภาพยนตร์น้อยเรื่องนักที่มักจะเขียนบทโดยผู้กำกับเอง ทำให้ TENET เป็นภาพยนตร์ที่ถูกคิดจากมันสมองของตัวผู้กำกับ ไม่ได้นำนิยายหรือเรื่องราวมาดัดแปลง เพียงแต่ว่าในส่วนของแรงบันดาลใจเล็ก ๆ เพื่อกำเนิด TENET นั้น มีการเผยว่า Nolan เป็นแฟนตัวยงของภาพยนตร์ชุด James Bond 007 ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เขาได้ถ่ายทอดให้มีความเป็นสายลับ-จารกรรม แต่จะออกมาในรูปแบบของตนเองนั่นหมายความว่าถึงมันจะเป็นเหมือนภาพยนตร์สายลับทั่วไป แต่มันก็จะมีความแตกต่างมีความเฉพาะตัวของมันอยู่ หากใครที่ได้ชมตัวอย่างก็จะทราบกันดีครับว่า มันคงไม่มีภาพยนตร์สายลับเรื่องไหนที่เล่นประเด็นเรื่อง "เวลา" ได้ลึกขนาดนี้2. นักแสดงดาวรุ่ง-ชื่อดังตบเท้าร่วมงานเหล่านักแสดงที่ Nolan คัดเลือกมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ถือว่าเป็นนักแสดงระดับคุณภาพมีชื่อชั้นในวงการพอสมควร ทั้ง Christian Bale, Leonardo DiCaprio หรือ Tom Hardy ซึ่งใน TENET จะนำแสดงโดย John David Washington นักแสดงดาวรุ่ง ผู้เป็นบุตรชายของนักแสดงรุ่นเก๋า Denzel Washington โดย Nolan ได้คัดเลือกเขาจากการได้ดูผลงานเรื่อง BlacKkKlansman และ Ballers ซีรีส์ทางช่อง HBOนอกจากนี้ยังมี Robert Pattinson หรือที่สาว ๆ คุ้นเคยกันดีในบทแวมไพร์หนุ่มหล่อจาก Twilight แต่ในบทบาทครั้งนี้ถือว่าเป็นความท้าทายและปรับเปลี่ยนบทบาทไปพอสมควร และยังมีนักแสดงดัง ๆ มากมายท่านอื่นอย่าง Michael Caine ที่ถือว่าเป็นนักแสดงวัยดึกคู่บุญของผู้กำกับอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องไหนที่ Nolan กำกับก็จะมีเขาร่วมงานด้วยเสมอ3. ทุนสร้างมหาศาล 205 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นภาพยนตร์ที่บทดั้งเดิมที่มีทุนสร้างสูงที่สุดของเขา และยังเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ทุนสร้างสูงในประวัติศาสตร์อีกด้วย กับตัวเลขทุนสร้างอยู่ที่ 205 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่เยอะมากทีเดียว เมื่อเทียบกับฉากต่าง ๆ ที่เห็นในตัวอย่างที่มีทั้งระเบิด ฉากแอ็คชั่นที่ใช้เทคนิคแปลกประหลาด การทำให้วัตถุถอยหลังกลับไปมาได้ แค่นี้ก็พอจะประมาณการณ์ได้ครับว่าต้องใช้งบสูงพอตัวนอกจากจะเป็นภาพยนตร์ที่มีทุนสร้างสูงแล้ว TENET ยังเป็นภาพยนตร์ทุนสร้างสูงที่สุดที่มีนักแสดงผิวสีรับบทนำอีกด้วย งานนี้น่าจะเป็นการแจ้งเกิดของ John David Washington ก็เป็นได้4. ย้อนเวลาที่ไม่ใช่ย้อนเวลาจากตัวอย่างภาพยนตร์ที่ปล่อยออกมา มีข้อความบางส่วนที่พอจะคาดเดาว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับอะไร ซึ่ง TENET เหมือนว่าจะเป็นสิ่งของบางอย่างที่สามารถใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกได้ ซึ่งจากภาพเราจะเห็นการเคลื่อนไหวของตัวละครแบบย้อนกลับ มันไม่ใช่การย้อนเวลาอย่างที่เดากันไป แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นการทำให้ "วัตถุ" ไหลย้อนกลับเพียงอย่างเดียว แต่เวลาจะยังเดินหน้าต่อไปนั่นมันก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น แต่การหยิบประเด็นเรื่องของ "ห้วงเวลา" มาผสมผสานกับหนังจารกรรมแอ็คชั่น ถือว่าเป็นไอเดียที่สุดยอดมาก งานนี้ต้องมีซ้ำ 2 รอบแน่นอน เพราะดูรอบแรกเชื่อว่าหลายคนไม่เข้าใจ จนต้องไปดูอีกรอบเพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ สิ่งที่น่าฉงนอีกอย่างก็คือชื่อของภาพยนตร์จะเป็น Palindrome หรือเป็นชื่อที่สามารถอ่านย้อนกลับจากหลังไปหน้าได้ด้วย5. เน้นสมจริงไม่เน้น CGIChristopher Nolan ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้กำกับที่ไม่นิยมใช้เทคนิคพิเศษหรือ CGI เยอะเกินไป เป็นเพราะว่าเขาต้องการความดิบ ความสมจริงของภาพยนตร์ มันจะทำให้ผู้ชมมีความรู้สึกร่วมไปด้วย ซึ่งในเรื่องนี้สิ่งที่เป็นไฮไลท์ก็คือฉากเครื่องบินโบอิ้งพุ่งชนโกดังจนระเบิด ความจริงแล้วฉากนี้เขาลงทุนซื้อเครื่องบินเก่าโบอิ้ง 747 พร้อมกับหาโลเคชั่นกว้าง ๆ ในเมือง Victorville รัฐ California เพื่อสร้างฉากสุดอลังการความทุ่มทุนแบบนี้มันเกิดขึ้นมานานแล้วกับภาพยนตร์เรื่องที่ผ่าน ๆ มาครับ อย่างในเรื่อง Interstellar ในฉากทุ่งข้าวโพด เขาและทีมงานก็ปลูกข้าวโพดเป็นไร่กันจริง ๆ หรือแม้กระทั่งใน The Dark Knight กับฉากที่ Batman ขับรถไล่ล่ารถบรรทุกของ Joker ก็ทำมาจากรถโมเดลไซส์เล็ก โดยไม่อิง CG ใด ๆ เลย เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ผู้กำกับน้อยคนนักจะกล้าทำแบบนี้อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายอย่างที่ TENET น่าสนใจ อย่างเช่นการใช้กล้องฟิลม์ IMAX เลนส์ 70mm ในการถ่ายทำ ซึ่งจะให้ภาพที่เต็มตา เมื่อนำไปฉายบนจอระบบฟิลม์ IMAX 70mm ก็จะได้ภาพเต็ม ๆ ในอัตราส่วน 1.43: 1 ภาพจะไม่ถูกตัดด้านบน-ล่างออกไป ทำให้ผู้ชมสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศในภาพยนตร์อย่างเต็มอิ่ม อีกทั้ง Christopher Nolan ยังเป็นผู้กำกับที่บุกเบิกการถ่ายภาพยนตร์ด้วยกล้องฟลิม์ IMAX ด้วยครับเตรียมตัวรอกันได้เลยสำหรับ TENET จะเตรียมเข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 31 กรกฏาคม 2020 สามารถรับชมตัวอย่างได้ ที่นี่ที่มารูปภาพ: รูปภาพปก / รูปภาพ 1 / รูปภาพ 2 / รูปภาพ 3 / รูปภาพ 4 / รูปภาพ 5