ปี 2024 เป็นการกลับมาอีกครั้งของเจ้าแมวส้มจอมป่วนที่มาลงจอฉายในภาพยนตร์ชื่อ เดอะ การ์ฟิลด์ มูฟวี่ (The Garfield Movie) เพิ่งเริ่มเข้าฉายในบ้านเราเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ถ้านับย้อนไปน่าจะเป็นเวลา 20 ปีเลยทีเดียวที่เราห่างหายจากการชมการ์ตูนการ์ฟิลด์ในรูปแบบภาพยนตร์ตั้งแต่มีการฉายครั้งแรกในปี 2004 อย่าง การ์ฟิลด์ เดอะ มูฟวี่ (Garfield The Movie) ต่อมามีการนำมาทำภาคต่อจนได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ชมรวมถึงตัวผู้เขียนด้วย เรียกว่ากลายเป็นแฟนคลับไปโดยไม่รู้ตัว จนปีนี้จะมีหนังการ์ตูนเรื่องนี้มาให้ชมกันอีก ผู้เขียนรู้สึกประทับใจตั้งแต่การเปิดตัวการ์ฟิลด์ฉบับตัวจิ๋ว แมวน้อยตัวเล็กหน้าตาบ้องแบ๊วน่ารักชวนให้ผู้เขียนอยากเก็บไปเลี้ยงแทน จอน เลย ไม่อยากให้น้องโตมากลายร่างเป็นแมวป่วนสุดเพี๊ยน แต่ต้องยอมรับว่า งานแอนนิเมชั่นภาคการ์ตูนการ์ฟิลด์เรื่องนี้ ทีมงานผู้ผลิตสร้างผลงานการ์ตูนออกมาได้ดีมาก ภาพการ์ตูนสวยงาม แต่ละฉากลงรายละเอียดได้ดี ชวนดูและน่าติดตาม โดยเฉพาะคาร์แรคเตอร์ของแมวน้อยสีส้ม ดูแล้วต้องอมยิ้มตามเลย ทำออกมาได้น่ารักทุกตอนhttps://www.youtube.com/watch?v=weojwdU6HTY กว่าจะเป็นการ์ฟิลด์ แมวส้มจอมป่วนย้อนไปเมื่อปี 1978 จิม เดวิส เริ่มเขียนการ์ตูนการ์ฟิลด์เป็นครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ในสหรัฐอเมริกา จนหลายคนนับเอาวันปรากฏตัวครั้งแรกในหน้าหนังสือพิมพ์เป็นวันเกิดของการ์ฟิลด์ นั่นคือ วันที่ 19 มิถุนายน 1978 โดยชื่อ การ์ฟิลด์ นั้น จิม เดวิสได้นำชื่อต้นฉบับของเจ้าแมวป่วนตัวนี้มาจากชื่อปู่ของเขา เจมส์ การ์ฟีลด์ เดวิส ซึ่งชื่อนี้ได้ตั้งตามชื่อของอดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาชื่อ เจมส์ การ์ฟิลด์ นั่นเองหลายปีต่อมา เขาผลิตผลงานการ์ตูนออกมาเรื่อยๆ จนได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเรียกได้ว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการการ์ตูนคอมมิคเลยก็ว่าได้ มีการพัฒนาต่อมาเป็นการ์ตูนแอนนิเมชั่น และสุดท้ายนำเสนอในรูปภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในปี 2004 จนมีแฟนคลับรอติดตามกันทั่วโลกตัวละครหลักที่ทำให้หลายคนจำได้ดีจะมี 3 ตัวละครเด่นๆ คือ การ์ฟิลด์ แมวส้มตัวแสบสายพันธุ์อังกฤษขนสั้น สีส้มมีลายสีดำ แมวที่เอาแต่ใจตัวเอง รักการนอนเป็นชีวิตจิตใจ ขี้เกียจที่จะทำในทุกกิจกรรม สามารถกินลาซานญ่าได้ทุกวันไม่เคยเบื่อ กินแบบล้างผลาญมหาศาลเท่าที่โลกนี้ยังมีอาหารอยู่ ยังเป็นแมวที่ไม่ชอบให้มีวันจันทร์ การแกล้งผู้คนคือความสุข จนมาเจอกับ จอน อาร์บัคเคิล เจ้าของผู้ใจเย็น แต่ค่อนข้างเป็นจอมเปิ่นประจำเรื่อง ทั้งซุ่มซ่าม บางทีก็ตามความคิดแมวตัวเองไม่ทัน และเป็นคู่กัดกับแมวตัวแสบทำให้แต่ละวันมีแต่เรื่องวุ่นวาย สุดท้ายที่ลืมไม่ได้ในทุกฉากคือ โอดี้ หมาขนสั้นสีเหลือง หูยาวตั้ง แลบลิ้นตลอดเวลา อีกหนึ่งคู่กัดของการ์ฟิลด์ที่เจอกันมักมีเรื่องให้ป่วนกันทุกครั้งไป เรียกว่า แต่ละฉากวนไปจะเจอกับ 3 ตัวละครนี้เป็นหลัก โด่งดังจนได้ลงกินเนสบุ๊ค Guinness Bookจากเดิมที่การ์ฟิลด์นั้น เป็นการ์ตูนคอมมิคสัญชาติอเมริกันที่ได้รับความนิยมอย่างมากอยู่แล้ว และมีการตีพิมพ์ออกมาอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่า แมวส้มจอมป่วนตัวนี้ แม้จะมีนิสัยใจคอกวนกวน ไม่น่ารัก เอาแต่ใจ ชอบแกล้งคนอื่น แต่ด้วยความสนุกของการดำเนินเรื่องในแต่ละตอนทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ครองใจนักอ่านมาโดยตลอด จนในปี 2006 การ์ตูนได้ถูกตีพิมพ์กว่า 2,570 ฉบับทั่วโลก จึงเป็นที่มาให้หนังสือกินเนสบุ๊ค (Guinness Book) ทำการบันทึกไว้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้ เป็นการ์ตูนที่ได้รับการตีพิมพ์มากที่สุดในโลกเรื่องหนึ่ง ความนิยมยังแพร่กระจายต่อเนื่องไปในกลุ่มนักชมภาพยนตร์และการ์ตูนแอนนิเมชั่นตัวยงที่รอติดตามผลงานของการ์ตูนการ์ฟิลด์ ดังที่กล่าวไปแล้วว่าเริ่มเปิดตัวออกฉายครั้งแรกในปี 2004 การ์ฟิลด์ เดอะ มูฟวี่ (Garfield: The Movie) จนมีการสร้างภาคต่อที่บางคนเรียกกันว่า การ์ฟิลด์ 2 ในตอน อลเวงเจ้าชายบัลลังก์เหมียว (Garfield: A Tail of Two Kitties) ซึ่งภาคนี้ได้รับการตอบรับที่ดีจนทำรายได้ให้ยอดขายมีมูลค่าสูงเลยทีเดียว การกลับมาป่วนฉบับปี 2024จากการเปิดตัวครั้งแรกโดยยกตัวละครเด่นคือ การ์ฟิลด์ในวัยเด็กมาดึงความสนใจชวนผู้ชมไปดูความน่ารักของแมวตัวนี้ ผู้เขียนยอมรับรู้สึกประทับใจในการนำเสนอภาพการ์ตูนกราฟิกที่สวยงามที่งานนี้ต้องยกความเป็นมืออาชีพที่ผลิตผลงานคุณภาพอย่าง Sony Picture ที่ทำออกมาน่ารักเป็นแมวจรตัวน้อยหน้าตาอ่อนต่อโลก แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นไร้แววแห่งความเพี๊ยนหลุดโลก จนทำให้ จอน ตกหลุมรักเป็นทาสแมวตัวนี้ในทันที แต่เหมียวน้อยตัวนี้ยังไม่ทิ้งลายเรื่องการกินเช่นเคย ตัวเล็กนิดเดียวแต่สามารถงับพิซซ่าชิ้นโตได้ทั้งชิ้นหายไปในพริบตา และการกินที่สุดของที่สุดแต่ละฉากก็ตามมา รวมถึงฉากที่เธอไปอยู่รวมในกล่องลาซานญ่าทำหน้าน่ารักสุดแบ๊วจนต้องยิ้มตาม แม้ในเนื้อหาภาพยนตร์จะมีฉากนี้ไม่กี่ฉากแต่เป็นการเริ่มต้นดำเนินเรื่องที่น่าประทับใจสำหรับสาวกทาสแมวทั้งหลายสุดท้ายฉากตัดมาให้เปลี่ยนอารมณ์ผู้ชมตอนกลายร่างเป็นแมวอ้วนตัวส้มกลมๆ ตอนโตที่ยังคงเน้นเรื่องกินเป็นที่สุด มากับเสียงจอมกวนอันเป็นเอกลักษณ์และลีลาที่ใครก็ต้องยอมเธอนะ การ์ฟิลด์ ดูแล้วช่างแตกต่างกันเหลือเกินจนชวนให้อยากหยุดภาพแมวน้อยตัวนั้นเอาไว้ และไม่ลืมตัวละครสำคัญอย่าง โอดี้ ที่ติดตามไปทุกที่เตรียมพร้อมลุยในฉากต่างๆ ด้วยกัน แต่ละฉากของการ์ฟิลด์และโอดี้ยังคงความสนุกเข้มข้นตลอดเรื่องตัวละครสำคัญอีกตัวที่จะเป็นตัวชูโรงสำคัญคงเป็น วิค เจ้าแมวส้มตัวโตร่างยักษ์ที่เป็นพ่อของ การ์ฟิลด์ ที่จากกันไปนาน พ่อที่อยากชวนลูกออกไปผจญภัยในโลกกว้างข้างนอกที่เต็มไปด้วยเรื่องน่าตื่นเต้น ทำให้ทั้ง การ์ฟิลด์ และ โอดี้ ต้องจาก จอน ออกไปทดลองตามทางที่ วิค ผู้เป็นพ่อต้องการ ฉากโลกภายนอกที่ดูจากตัวละครเสริมทัพนักแสดงการ์ตูนตัวอื่นๆ ที่ทำให้มีความสนุกเพิ่มขึ้น รวมถึงการลงรายละเอียดของฉากประกอบให้โลกภายนอกของการ์ฟิลด์ดูมีแต่เรื่องให้น่าติดตาม บางฉากเหมือนหนังผจญภัย บางฉากก็ดูแฟนตาซี ผสมฉากแอคชั่นแถมบู๊ไปด้วยช่วยให้การดำเนินเรื่องสนุกมากขึ้น เรียกว่ายังคงมีมุมดีๆ ของหนังที่ยังสร้างอรรถรสให้ผู้ชมได้ตลอดเรื่อง นอกจากนี้ ยังมีการนำเหตุการณ์ปัจจุบันหลายเหตุการณ์มาสอดแทรกลงในหนังอย่างการใช้โดรน การพูดถึง Netflix ที่ดูแล้วเหมือนอัพเดทสู่โลกแห่งปัจจุบัน เรียกว่านอกจากเน้นตลกเฮฮาแล้ว ยังมีฉากสนุกๆ ให้คนดูได้ตื่นเต้นลุ้นตามไปด้วย ภาคนี้แม้เราจะไม่เห็นบทบาทของ จอน แต่ความน่ารักของ วิค ในบทบาทของพ่อก็ทำออกมาได้ดีทีเดียว เมื่อภาคนี้ลาจอไปคงมีคำถามในใจว่า จะมีภาคต่อให้เราลุ้นกันอีกไหม อีกสักกี่ปีดี ตอนนั้นจะเป็นภาคต่อตอนการ์ฟิลด์มีครอบครัวเลยหรือไม่ เราคงต้องรอติดตามกันต่อไป เครดิต ตัวอย่างภาพยนตร์ Sony Picture Thailand (1)ภาพปก Garfield Movie Facebook (1)ภาพประกอบ Garfield Instagram (1) / (2) / Garfield Movie Instagram (3) / (4) / Garfield Movie Countdown Instagram (5) จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !