รีเซต

"จอย ชวนชื่น" ผันตัวเป็นแม่ค้างานวัด ขายขนมควันทะลัก เผยรับทุกงาน!

"จอย ชวนชื่น" ผันตัวเป็นแม่ค้างานวัด ขายขนมควันทะลัก เผยรับทุกงาน!
EntertainmentReport2
8 กุมภาพันธ์ 2566 ( 10:20 )
352

ตลกหญิงอารมณ์ดี "จอย ชวนชื่น" ที่วันนี้กลับสู่วงการแม่ค้าอีกครั้ง แต่โดนตั้งคำถามขายขนมขัดกับคำเตือนของ อย. หรือเปล่า พร้อมเล่าประสบการณ์ขนหัวลุก โดนวิญญาณพ่อเพื่อนอำ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องวัน31 ที่มี ชมพู่ ก่อนบ่าย และบูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

 

ตอนนี้ผันตัวเป็นแม่ค้า?
จอย : คือเป็นทุกอย่าง จะเป็นแม่ค้า จะขายรีวิวสินค้า หรือจะเป็นลิเก เป็นตลก เป็นได้หมด

 

ขอบคุณคลิปจากรายการ คุยแซ่บ Show

ไปเป็นแม่ค้าได้ยังไง?
จอย : อยากขายของ ถ้าหากเราจะทำแบรนด์สินค้าอะไรสักอย่างมันต้องลงทุนเป็นแสน พี่ก็ไม่อยากลงทุนขนาดนั้นลงทุนหลักหมื่นยังพอว่า ก็เลยอยากจะขาย แล้วขายมาหลายปีแล้ว

ขายอะไร?
จอย : ขายขนมควันทะลัก

อะไรคือขนมควันทะลัก?
จอย : มันเป็นขนมเกาหลีทานแล้วควันออกปาก ออกจมูก มันเป็นข้าวโพดอบกรอบนี่แหละ สมัยก่อนพี่จะสั่งซื้อมาจากโรงงาน ขนมจะไม่ได้เป็นแบบนี้นะ มันจะเป็นสีออกช็อกโกแลต สีเหลืองก็เป็นเหมือนข้าวโพดอะไรพวกนี้ 2 อย่างรวมกัน แต่ทีนี้โรงงานปิด ไม่มีแล้วก็เลยใช้ขนมแบบนี้ก็อร่อยเหมือนกัน แต่บางคนบอกว่าเป็นขนมอาหารปลาหรือเปล่าอาหารปลาจะจืด ๆ เคยชิมแล้ว แต่อันนี้มันคือข้าวโพดอบกรอบ มันจะหวานๆ มันๆ รสกลมกล่อมอยู่แล้ว

แล้วพอมีเรื่องของควันมาเกี่ยวข้อง เด็ก ๆ ก็จะชอบ?
จอย : ใช่ ๆ เขาจะลงไอจีแบบทานขนมมีควัน หรืออยากสูบบุหรี่แต่ไม่ได้สูบนะ แต่มีควันออกมา

ขนมนี้เคยอ่านเจอเขาบอกว่ามันอันตราย?
จอย : มันหลายปีมากแล้วที่บอกว่าอันตราย ไนโตรเจนเหลวนี่นะมันจะอันตรายก็ต่อเมื่อเราไปซดน้ำมัน เพราะน้ำมันติดลบ 200 กว่า แต่ความบริสุทธิ์ของมัน 99.98% มันก็คือน้ำแข็งที่เย็นมากๆ เย็นจัด พี่จะอธิบายให้ฟังว่า ขนมพี่พอเราใส่ไนโตรเจนเข้าไป ไนโตรเจนพอมันเจออาการที่มันร้อนๆ มันก็จะระเหยเหลือแต่ควัน มันไม่มีน้ำ 
มันไปเกาะขนมพี่เขย่าให้น้ำมันไปคลุกอยู่กับขนมให้มากที่สุด ให้มันแห้งเลย แล้วถึงจะโรยท็อปปิ้งต่างๆ ลงไป แล้วจะบอกเด็กๆ ทุกคนเลยว่า เวลากินให้เข้าปากแล้วเคี้ยวเลย ไม่ต้องอม

มันมีข่าวว่าล่าสุดเด็กที่กินปากเขาพอง เหมือนเวลาเรากินไอติมที่ออกจากตู้เลย มันจะดูดปาก?
จอย : ใช่ ประมาณนั้น เพราะฉะนั้นเวลากินต้องเข้าปากแล้วเคี้ยว พอเคี้ยวปุ๊บควันมันจะออกปาก ออกจมูก แล้วมันก็จะอร่อย ก็จะบอกว่าเด็กควรจะกินในอายุเท่าไหน ถ้ายังเคี้ยวไม่เป็น อย่าเพิ่งกิน เขาต้องถามเราเด็กกินได้ไหม เราก็บอกว่ากินไม่ได้ ไม่ได้สักแต่จะขายนะ ก็บอกพ่อค้า แม่ค้าทุกคนด้วยนะคะ สักแต่จะขายไม่ได้ เราต้องมีจรรยาบรรณในการเป็นแม่ค้า เราต้องดูลูกค้าด้วยว่าลูกค้าคนนี้กินได้ไหม ถ้าเด็กไปพี่ก็จะเลี่ยงแล้วไปทำวุ้นไซริงค์ แล้วเป็นผลไม้ล้วนๆ ไม่ได้ใส่สีอะไร ทำเองกับมือเด็กกินได้

พอมันมีข่าวทาง อย.ออกมาแบบนี้ ทางร้านมีแจ้งเตือนลูกค้าไหม?
จอย : พี่จะแจ้งเตือนลูกค้า การกิน น้ำอย่าไปซดนะ พี่เขย่าจนไม่มีน้ำแล้ว มันระเหยไปเกาะอยู่ที่ขนม เพราะฉะนั้นกินยังไงมันก็ไม่อันตราย แต่อย่าอม เข้าปากแล้วเคี้ยวเลย

ทำไมไม่ขายอะไรที่มันง่ายๆ?
จอย : พี่ไม่ชอบขายอะไรที่มันร้อน ๆ พี่ชอบขายที่มันเย็น ๆ แล้วชอบทำอะไรที่ต้องทำเอง กินตรงนั้น ชนมควันทะลักเอากลับไปกินบ้านไม่ได้นะ เพราะมันไม่มีควันมันก็เหมือนเรากินไอติมที่มันละลายแล้ว เพราะฉะนั้นต้องกินแบบนั้น กินเดี๋ยวนั้น

พี่ขายมากี่ปีแล้ว?
จอย : พี่ขายมาจะเป็น 10 ปีแล้ว ขายมาเรื่อย ๆ ตอนนั้นก็ขายกับน้องสาวแล้วแยกกันพี่มาขายคนเดียว พอโควิดมา 3 ปีไม่ได้ออกไปไหนเลย คุณแม่กลัวมาก เพราะโควิดแม่ 80 กว่า แม่แฟนก็ 80 กว่า ถ้าเขาติดขึ้นมามันลำบากมาก

ตอนนี้โควิดหายแล้วกลับมาขายตามปกติแล้วใช่ไหม?
จอย : ช่วงโควิดพอดีว่างานวัดงานนี้มันอยู่ใกล้บ้าน แล้วพี่ก็ชอบขาย แล้วมันสะดวกไม่ต้องเหนื่อยเก็บของ จะมีของอยู่ที่นั้น จังหวะดีที่ว่าที่เราไปขายอยู่เจ้าของที่เขาจะเก็บไว้ให้เรา เพราะพี่ขายมา 5-6 ปีแล้ว ซึ่งงานนี้ขายดี แต่ไม่ได้ตามเป้าที่เราเคยขาย

พี่จอยไปยืนขายเองทุกครั้งเลยเหรอ?
จอย : พี่ชอบขายเอง พี่ชอบให้เขาเห็นว่าเราว่างมายืนขายของ แล้วไม่ใช่แค่ขายของ อยากจะถ่ายรูปก็ถ่าย ไม่ซื้อก็ถ่ายได้ แต่ยิ้มอาจจะไม่กว้างมาก

พี่จอยไม่กลัวเหรอ เพราะพี่เองก็มีชื่อเสียง เกิดวันหนึ่งมันเกิดปัญหา?
จอย : อุ้ย..ตกอับ

ข่าวเรื่อง อย.มาเตือนอะไรอย่างนี้?
จอย : เราก็ต้องมั่นใจว่าของของเรามันไม่อันตรายจริง ๆ แล้วเราต้องบอกลูกค้าว่าการกิน กินแบบไหน แล้วคนที่เล็กกว่าก็อย่าไปกิน แต่ถ้าเด็กโตเขารู้ว่าต้องเคี้ยวแบบไหน กินแบบไหน เราทำเขย่าจนน้ำหมดแล้ว ไม่ต้องไปซดน้ำสิ ซดน้ำทำไม ถ้าซดน้ำมันอันตรายอยู่แล้ว ขนาดโดนมือเรายังพองเลย เพราะมันติดลบ 200 องศา 
แต่ว่าพอมันไปเกาะอยู่บนขนมเรากินได้ไม่มีปัญหาอะไร เชฟเขาก็ทำกับอาหารเหมือนกัน เพราะฉะนั้นมันจะอันตรายตรงไหน แต่ต้องทำให้มันถูกวิธี แล้วบอกกับลูกค้าทุกคน คนไหนกินได้ คนไหนกินไม่ได้

เรามั่นใจในขนมควันทะลักของเรา พี่จอยจะทำต่อไปเรื่อยๆ ไหม?
จอย : พี่ก็จะทำต่อไปเรื่อย ๆ แต่ว่าจะเป็นจรรยาบรรณของแม่ค้าว่าต้องบอกลูกค้าว่ากินแบบไหน ยังไง

เราชอบการขายแหละ แบบนี้ลูกสาวมาช่วยไหม?
จอย : มาช่วยค่ะ เพราะตอนที่พี่ไปขายวัดแรกเขาไม่ได้มา เขาต้องไปสัมนา เราเลยกลัวว่าถ้าไปเจอคนเยอะ ๆ แล้วจะติดโควิด แต่พอวัดนี้เขาบอกว่าเขาอยากช่วย

มีหนุ่มมาแอ๊วไหม?
จอย : มี ก็มีเด็กหนุ่มๆ มากินหน้าร้านไม่ไปไหน ปกติไม่ค่อยมีหนุ่มๆ มาซื้อที่ร้าน 

อย่างนี้หวงไหม?

จอย : ไม่หวงหรอก ห่วงมากกว่า พอเขาเริ่มโต มันก็เป็นช่วงหัวเรี่ยวหัวต่อ เราต้องคอยดูให้ใกล้ชิดที่สุด คอยเป็นเพื่อนเขา ให้เขาปรึกษาได้ ไว้ใจเรา บอกเราได้ทุกเรื่อง แล้วเราก็จะไปคำนวนดูว่าอันนี้ได้ อันนี้ไม่ได้แล้วจะคอยสอนลูก เราเลี้ยงลูกเหมือนเพื่อน เพราะลูกไม่มีเพื่อน เราเลยต้องเป็นเพื่อนลูก เมื่อก่อนพอเรากลับจากทำงาน ลูกก็ชอบมาเล่นกับเรา แม่ก็จะบอกว่าไม่ไหวแล้วลูก พ่อก็จะบอกเธอเล่นกับลูกหน่อย ลูกอยากเล่นด้วย เพราะว่าแฟนพี่ไม่ให้ทำงานเลย เพราะว่าเมื่อก่อนแฟนจะดูแลคิว ขับรถให้ ดูแลเราด้วย ไปด้วยกัน พอมีลูกปุ๊บเราไม่สามารถที่จะไปจ้างใครได้ เราไม่รู้ว่าเขาจะเลี้ยงลูกเรายังไง ไม่ไว้ใจ ถึงจะติดกล้องอะไรก็แล้วแต่ มันหลบมุมกล้อง ถ้าลูกเราเกเรแล้วเขาทนไม่ไหว เขาตีลูกเรา หรือทำร้ายลูกเรา เราทำใจไม่ได้ พี่ก็เลยบอกว่า ฉันทิ้งเธอให้กับลูกไปเลย เธอไม่ต้องทำอะไรแค่เธอดูแลคิว รับงานให้เรา เดี๋ยวเราไปทำงานเอง แล้วบางทีสถานที่ที่ไปถ้ามันไกลมาก ๆ เขาก็จะขับรถไปแล้วไปตั้งGPS ตรงนั้น เพื่อให้เราขับตาม ก็ดูแลกันแบบนี้ แล้วเขาก็จะดูแลลูกอย่างดีเลย

ที่ผ่านมาก็มีเรื่องเศร้าเหมือนกัน คือสูญเสียเพื่อน พี่โทน?
จอย : ใช่ โทนเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยเราวัยรุ่น แล้วมาซื้อบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเรา ดูแลเรา เวลาจะเข้าห้องน้ำก็บอกโทน ไปเป็นเพื่อนหน่อย เวลาจะไปไหนก็เรียกโทนไปเป็นเพื่อนหน่อย จะนอนก็นอนด้วยกันได้ ไม่รู้สึกตะขิดตะขวนใจ มันเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นครอบครัวเลย

พี่โทนเขาเสียด้วยโรคมะเร็ง?
จอย : มะเร็งตับค่ะ เขาเป็นนักดนตรี จะดื่มเยอะเป็นเรื่องธรรมดาของศิลปิน ตอนหลังพอเขาเริ่มหยุดบ้าง กินบ้างแต่ข้างในมันไปหมดแล้ว

ตอนที่พี่ทราบข่าวว่าเพื่อนสนิทเป็นมะเร็งแล้วกำลังจะเสีย ตอนนั้นรู้สึกยังไง?
จอย : เศร้ามาก ตอนนั้นเป็นช่วงโควิด แล้วโทนตอนรู้ว่าเป็นมะเร็งเขาก็ติดโควิดอีก เราก็ไปเยี่ยมเพื่อนไม่ได้ แล้วพอเขาหายจากโควิดแล้ว แต่ระบบข้างในมันไม่ไหวแล้ว รักษายังไงกฺไม่ได้ พอไปเจอเข้าก็เป็นระยะสุดท้ายแล้ว มันจะไปไหวเหรอ พ่อพี่ก็ระยะสุดท้ายเหมือนกัน รักษาได้ประมาณ 6 เดือน ให้รักษายังไง ให้หมดเป็นล้าน สิบๆ ล้าน ยังไงก็ยื้อชีวิตเขาไม่ได้ อย่างโทนก๋ 6 เดือนเหมือนกัน แฮ็กซ์ดูแลตั้งแต่นอน ไปหาหมอ แฮ็กซ์คนเดียวเลย แฮ็กซ์บอกว่าหมดเป็นล้านเหมือนกัน

เห็นบอกว่าที่เสียใจที่สุดคือพี่จอยไม่มีโอกาสได้ดูแลเพื่อนคนนี้?
จอย : ไม่มีโอกาส เพราะเพื่อนไปอยู่บ้านแฮ็กซ์ แต่ก็ไม่ได้อยู่ไกลกันมาก เราก็พยายามดูในเฟซว่าเพื่อนไปหาหมอ ยังเดินได้ ยังคุยได้ แต่ถึงเวลาเขาทรุดเลยเนี่ยคือไปที่โรงพยาบาล แล้วแฮ็กซ์โทรมาบอกว่าเพื่อนถ้ามีเวลาว่างมานะ เรารู้เลยว่าเพื่อนเราสงสัยจะไม่ไหวแล้ว แล้ววันนั้นเรายุ่งมาก ไปไม่ได้ ขออีก 1-2 วันเดี๋ยวจะไป พอรู้อีกทีคือไม่พูดแล้วหายใจแบบรวยริน เราก็ไปอยู่กับเพื่อน แฮ็กซ์ก็บอกว่ายังไงก็ไม่รอด วันนี้ถึงพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่าตอนไหน พี่ก็ไปเฝ้า พยายามคุยกับเพื่อน นู้นนี่นั่น ถ้าเกิดเพื่อนไม่ไหวก็ไปได้เลย กลางคืนนั้นแหละเขาไป ซึ่งเขาเป็นเพื่อนที่รักมาก เพราะว่า โทนจะเป็นทุกอย่าง คอยดูแลเรา พี่ไปเกาหลีไปเจอพวกชอบมอมเหล้า เขาคิดว่าเรากินเหล้าเก่ง ดื่มไม่เก่ง นิดเดียวคือเมาแล้ว โทนเขาก็ช่วยเรา กินแทน อีกวันนึงแฮ็กซ์ไปซิ้อของ เอาโทนไปด้วย ทีนี้เหลือคนเดียว เขามอมสบายเลย

อย่างพี่จอยโดนผีอำหรือเราไปอำผี?
จอย : ทีแรกก็จะอำผี แต่ผีน่ากลัวเลยมาอำเรา คือเรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้ว ตอนนั้นยังไม่มีลูก เป็นช่วงงานกาชาด สมัยก่อนต้องเอาดาราไปโชว์ตัว แล้วเรากับครอบครัวของน้องแม็กซ์ที่เคยอยู่ด้วยกัน เมื่อก่อนพี่ไปเล่นลิเกอยู่แถวๆมหานาคก็จะอยู่ใกล้บ้านเขา แล้วพอแม็กซ์ไปเล่นตลกกับชวนชื่นก็สนิทกัน เวลาเล่นลิเกเสร็จพี่ก็จะไปนอนที่บ้านเขาแล้วมาเล่นลิเก ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ แล้วพอช่วงที่พ่อเขาเสียเราก็ไม่เคยไปอีกเลย จนมีลูก มีครอบครัวไม่ได้ไปหาแกเลย แล้ววันนั้นต้องไปนอนแถวๆ นั้น ก็เลยบอกว่าไปนอนบ้านเพื่อนดีกว่า แล้วบ้านเพื่อนสกปรกมาก เมื่อก่อนเคยไปนอนแล้วมันสะอาด แต่นี่มันสกปรก มันอยู่ไม่ได้ งัวเงียๆ เดินไปที่บ้านเขาแล้วไปขอนอน พอไปนอนที่ห้องเหมือนครึ่งหลับ ครึ่งตื่น เรารู้สึกว่ามันมีเหตุการณ์ลมมา พายุแบบผ้าม่านที่ติดอยู่มันกระพือ เราก็หันไปดูกระจกก็ปิดนี่หว่า แต่ทำไมผ้าม่านมันกระพือขนาดนั้น แล้วมันจะมีควันใหญ่ๆ เลยนะเป็นสีเทา แล้วค่อยๆ หุบมาเป็นตัวป๊า ตัวคน พ่อเพื่อนที่เสียไปแล้วมายืนอยู่ปลายเท้าเรา มาคุยกับเรา เราก็สวัสดี ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกกลัว แต่เราก็ตกใจว่าป๊ามาได้ยังไง ป๊าก็บอกว่าจอยเป็นยังไงบ้าง ป๊าเห็นขาไม่ค่อยดีเดินขึ้นบันไดมา เป็นอะไรหรือเปล่า เราก็บอกไม่ได้เป็นอะไรนะป๊า คุยกันได้สักพักได้ยินเสียงประตูเปิด พี่เลยสะดุ้งตื่น แฟนเข้ามาพอดี มันเหมือนฝัน เหมือนครึ่งหลับ ครึ่งตื่น แต่มันเหมือนจริงมากๆ  มันเหมือนความรู้สึกว่า เขาคงคิดถึงเรา

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama