สัมผัสการกลับมาของ Dragon Ball Daima ผลงานสุดท้ายจากอากิระ โทริยามะ ที่พาเหล่าแฟนกลับสู่รากเหง้าการผจญภัยของโกคู พร้อมเปิดเผยความลับใหม่ของจักรวาล Dragon Ball ในรูปแบบที่ทั้งคุ้นเคยและสดใหม่ บทรีวิวฉบับเต็มที่ต้องอ่าน! รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! Dragon Ball นับเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์อนิเมะที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 1984 จากต้นฉบับมังงะของ อากิระ โทริยามะ เรื่องราวของโกคู และการผจญภัยค้นหาดราก้อนบอลได้เติบโตกลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก พัฒนาจากมังงะสู่อนิเมะหลายภาค ทั้ง Dragon Ball, Dragon Ball Z, Dragon Ball GT, Dragon Ball Super และล่าสุดกับ Dragon Ball Daima ที่ถือเป็นการกลับมาครั้งสำคัญของแฟรนไชส์นี้ Dragon Ball Daima มีความพิเศษอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายที่ อากิระ โทริยามะ ได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตในเดือนมีนาคม 2024 โดยท่านได้ออกแบบตัวละคร เขียนโครงเรื่อง และกำกับทิศทางของซีรีส์นี้ไว้ก่อนที่จะจากไป ทำให้แฟนๆ ทั่วโลกต่างรอคอยซีรีส์นี้ด้วยความคาดหวังสูง ด้านการผลิตรับผิดชอบโดยสตูดิโอ Toei Animation ซึ่งดูแลการสร้างอนิเมะ Dragon Ball มาตลอดหลายทศวรรษ โดยมี มาซาโตะ มิโซโนะ รับหน้าที่กำกับซีรีส์ ซึ่งเขาเคยมีผลงานกำกับใน Dragon Ball Super มาก่อนหน้านี้ Daima ออกอากาศครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2024 กำหนดความยาวทั้งหมด 20 ตอน นับเป็นซีรีส์ที่มีความยาวกระชับกว่าภาคก่อนหน้า เนื้อเรื่องและการดำเนินเรื่อง Dragon Ball Daima นำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาระหว่าง Dragon Ball Z และ Dragon Ball Super โดยมีจุดเริ่มต้นเมื่อโกคูและเพื่อนๆ ทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จอมมารบู ถูกพรของเทพเจ้ามังกรที่ได้รับการขอพรโดยโกม่า ราชาโลกปีศาจคนปัจจุบันต่อจากดาบูล่า พรที่ถูกขอนั้นทำให้ร่างกายของโกคูและเพื่อนๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดหดเล็กลงจนกลายเป็นเวอร์ชันเด็กของตัวเอง เหตุการณ์นี้ทำให้พวกเขารู้ว่ามีกลุ่มปีศาจลึกลับจากมิติอื่นที่แทรกซึมเข้ามาในโลกมนุษย์ โกคูที่กลายเป็นเด็กแต่ยังคงพลังอันทรงพลังไว้อยู่ ต้องร่วมมือกับปีศาจปริศนานามว่า "กลอริโอ" ผู้ช่วยเหลือเขาและเพื่อนๆ ออกเดินทางข้ามมิติโลกปีศาจ เพื่อตามหาวิธีแก้คำสาป โดยใช้ดราก้อนบอลของโลกปีศาจ ระหว่างทางพวกเขาต้องเผชิญกับศัตรูใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงกับตำนานโบราณของจักรวาล Dragon Ball รวมถึงเปิดเผยความลับเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์ของไคโอชิน, ต้นกำเนิดของเหล่าชาวดาวนาเม็ค และการกำเนิดของดราก้อนบอลโครงเรื่องของ Daima มีความโดดเด่นในการผสมผสานองค์ประกอบการผจญภัยแบบคลาสสิกจาก Dragon Ball ดั้งเดิม เข้ากับความซับซ้อนทางจักรวาลวิทยาของซีรีส์ในยุคหลัง ทำให้เกิดความรู้สึกถึงกลิ่นอายของเก่าๆ สำหรับแฟนๆ พร้อมกับนำเสนอเนื้อหาใหม่ที่น่าสนใจ การเดินทางข้ามมิติทำให้ผู้ชมได้เห็นดินแดนแปลกใหม่และพบกับเผ่าพันธุ์ต่างๆ ที่ไม่เคยปรากฏในซีรีส์ก่อนหน้า การเชื่อมโยงกับภาคก่อนหน้าก็ทำได้อย่างดี มีการอ้างอิงถึงเหตุการณ์สำคัญและตัวละครจาก Dragon Ball Z ภาคจอมมารบู รวมถึงเปิดเผยเบื้องหลังของบางเหตุการณ์ที่ไม่เคยได้รับการอธิบายมาก่อน ทำให้จักรวาล Dragon Ball มีความลึกซึ้งมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในภาคนี้ยังไม่มีอะไรที่จะเป็นตัวนำไปยังเหตุการณ์ในภาค super เลยแม้แต่น้อย ด้านตัวละคร นอกจากโกคูที่กลับมาพร้อมบุคลิกสนุกสนานและความรักในการต่อสู้เช่นเคย เรายังได้เห็นการพัฒนาของตัวละครหลักอื่นๆ เช่น เบจิต้า พิคโคโล่ และคนอื่นๆ ที่ต้องปรับตัวกับร่างกายเด็กของพวกเขา นอกจากนี้ ตัวละครใหม่อย่าง "กลอลิโอ", “ราชาโกม่า” และตัวละครลับอื่นๆ นำมิติใหม่มาสู่ซีรีส์ด้วยความลึกลับและพลังเวทมนตร์ที่ยังไม่เคยปรากฏในจักรวาล Dragon Ball มาก่อน คุณภาพงานภาพและเสียง Dragon Ball Daima นำเสนองานศิลป์ที่เป็นการผสมผสานระหว่างสไตล์ดั้งเดิมของโทริยามะกับเทคนิคการผลิตสมัยใหม่ การออกแบบตัวละครยังคงมีเอกลักษณ์ของซีรีส์ แม้การที่ตัวละครหลักกลายเป็นเด็กอาจจะไม่ได้ทำให้มีความสดใหม่น่าสนใจมากเท่าไหร่ เพราะเราได้เห็นมันมาแล้วในภาค GT (แม้จะคนละจักรวาลกันก็ตาม) แต่ความใหม่ของภาคนี้คือการกลายเป็นเด็กหมดยกตี้นี่แหละที่ทำให้ภาคนี้มีความน่าสนใจ โดยเฉพาะการออกแบบเวอร์ชันเด็กของตัวละครที่แฟนๆ คุ้นเคยในร่างผู้ใหญ่มานาน ส่วนตัวละครใหม่ๆ อย่างเหล่าปีศาจจากโลกปีศาจตัวอื่นๆ ก็ได้รับการออกแบบอย่างโดดเด่น มีเอกลักษณ์ และกลมกลืนไปกับจักรวาล Dragon Ball อย่างลงตัว ด้านงานแอนิเมชัน Toei Animation ได้ยกระดับมาตรฐานการผลิตอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับซีรีส์ก่อนหน้า ฉากต่อสู้มีความลื่นไหล มีไดนามิกส์ และเต็มไปด้วยรายละเอียด การใช้เทคนิคแอนิเมชัน 2D ผสมผสานกับเอฟเฟกต์ 3D บางส่วนในฉากพลังพิเศษทำได้อย่างกลมกลืน ไม่รู้สึกขัดแย้งกัน มีการใช้แสงเงาและสีสันที่สดใสสมกับธีมการผจญภัยของซีรีส์ เห็นได้ชัดว่ามีการลงทุนด้านการผลิตสูงกว่าช่วงต้นของ Dragon Ball Super มาก เพลงประกอบของ Daima นำเสนอทั้งทำนองใหม่ที่สดใหม่และการนำเพลงธีมคลาสสิกมาเรียบเรียงใหม่ เพลงเปิด "Jaka Jaan" ขับร้องโดย Zedd / C&K สร้างความรู้สึกผจญภัยได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนเพลงปิด "NAKAMA" โดย Zedd / AI ให้อารมณ์อบอุ่นและโหยหาอดีตที่เข้ากับธีมของซีรีส์ ดนตรีประกอบระหว่างฉากสร้างอารมณ์ได้ดี ทั้งในช่วงต่อสู้เร้าใจและฉากเงียบสงบที่เต็มไปด้วยความลึกลับ นักพากย์ในเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่นนำโดย มาซาโกะ โนซาวะ ผู้พากย์โกคูมายาวนาน กลับมารับบทโกคูเด็กอีกครั้ง (หลังจากที่เคยพากย์ในช่วง Dragon Ball ดั้งเดิม) สร้างความต่อเนื่องและความรู้สึกคุ้นเคยให้กับแฟนๆ นักพากย์คนอื่นๆ ทั้งจากทีมเดิมและนักพากย์หน้าใหม่สำหรับตัวละครใหม่ต่างทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม จุดเด่นและจุดด้อย จุดเด่น หนึ่งในจุดเด่นที่สุดของ Dragon Ball Daima คือการนำเสนอเนื้อหาใหม่ที่ลึกซึ้งในจักรวาล Dragon Ball โดยไม่ทำลายหรือขัดแย้งกับเรื่องราวที่มีมาก่อนหน้า แต่กลับเสริมและขยายมิติให้กับโลกของซีรีส์นี้ (ยกเว้นภาค Super) การเปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับมิติอื่นๆ และเบื้องหลังความเป็นมาของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ทำให้จักรวาล Dragon Ball มีความลึกซึ้งมากขึ้น เรื่องราวถูกเล่าอย่างกระชับใน 20 ตอน ทำให้ไม่มีตอนที่รู้สึกเยิ่นเย้อหรือเป็นเนื้อหาไร้สาระแทรก ฉากต่อสู้ใน Daima ได้รับการออกแบบอย่างยอดเยี่ยม มีการผสมผสานระหว่างการต่อสู้แบบดั้งเดิมและการใช้พลังพิเศษแบบอลังการ มีการนำเสนอเทคนิคการต่อสู้ใหม่ๆ ที่เกิดจากการที่ตัวละครต้องปรับตัวกับร่างกายเด็ก รวมถึงการแนะนำระบบนิเวศใหม่ๆ บนดาวปีศาจ ทำให้การต่อสู้มีความหลากหลายและน่าตื่นเต้นมากขึ้นการพัฒนาตัวละครหลักทำได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะมิติใหม่ของโกคูและเบจิต้าเมื่อพวกเขากลับไปสู่ร่างเด็ก เราได้เห็นโกคูที่ยังคงมีวุฒิภาวะบางส่วนของผู้ใหญ่แต่กลับมามีความสนุกสนานร่าเริงมากขึ้น ในขณะที่เบจิต้าต้องต่อสู้กับความรู้สึกอ่อนแอจากร่างกายเด็กซึ่งขัดกับความภาคภูมิใจของเขา ตัวละครใหม่ๆ ก็มีการเปิดเผยแรงจูงใจและพัฒนาการทางอารมณ์ที่น่าสนใจตลอดทั้งซีรีส์ จุดด้อย แม้จะมีจุดเด่นมากมาย Dragon Ball Daima ก็มีข้อจำกัดบางประการ หนึ่งในนั้นคือการที่บางตัวละครสำคัญจากซีรีส์ก่อนหน้าได้รับบทบาทค่อนข้างน้อย ตัวละครอย่าง โกฮัง, โกเท็น หรือ ทรังค์ ที่ไม่มีส่วนร่วมในเนื้อเรื่องหลังๆ เลย ส่วนตัวคิดว่าผู้แต่งน่าจะอยากนำเสนอกลิ่นอายดั้งเดิมของภาคเก่าๆ ส่วนตัวละครอย่าง บูลม่า ยังมีบทบาทที่มากพอจะเป็นส่วนเสริมที่ลงตัวได้เหมือนในภาคแรกๆ แต่ และคนอื่นๆ แทบไม่มีบทบาทสำคัญเลย อีกประเด็นหนึ่งคือระยะเวลาในการดำเนินเรื่อง เพราะในช่วงแรกๆ ถึงกลางๆ ของซีรีส์จะมีความหนืดของเนื้อเรื่องค่อนข้างมาก กลับกันบางครั้งก็รู้สึกว่าบางเหตุการณ์สำคัญถูกเร่งรัดเกินไป โดยเฉพาะในช่วงท้ายของซีรีส์ที่มีการเปิดเผยความจริงหลายอย่างและแก้ไขปัญหาหลักในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้บางจุดขาดการอธิบายที่ลึกซึ้งหรือการสำรวจผลกระทบทางอารมณ์ของตัวละครประเด็นสำคัญที่ขาดไม่ได้นั่นคือขาดความเชื่อมโยงกันกับภาค super แบบโดยสิ้นเชิง เพราะตามที่เรารู้กันคือในภาค super จะมีเรื่องพลังซูเปอร์ไซย่าก๊อต และซูเปอร์ไซย่าบลู และร่างอื่นๆ ที่สเกลพลังเว่อร์วังอลังการหลุดจักวาลที่ 7 ไปแล้ว กลับกันในภาคนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีการนำเนื้อเรื่องเข้าสู่เหตุการณ์ใดๆ ที่จะนำไปยังเทพทำลายล้าง และจักรวาลอื่นๆ เลยแม้แต่น้อย แถมมีซูเปอร์ไซย่าร่างที่ 4 มาอีก จนแฟนๆ งงๆ กันว่านี่จะเป็นภาคที่เชื่อมกันได้อย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับ Dragon Ball Super ที่มีการแนะนำจักรวาลคู่ขนานและเทพเจ้าระดับสูงสุดกันไปแล้ว Daima อาจรู้สึกมีขนาดและขอบเขตที่เล็กกว่า แม้จะพยายามนำเสนอแนวคิดใหม่ๆ แต่ผลกระทบต่อจักรวาล Dragon Ball โดยรวมก็ยังไม่ใหญ่เท่าภาคก่อนหน้า และไม่มีแม้แต่จุดที่จะเชื่อมโยงไปถึง ศัตรูหลักของซีรีส์ แม้จะได้รับการออกแบบอย่างน่าสนใจและมีแรงจูงใจที่เข้าใจได้ แต่ก็ไม่ได้สร้างความประทับใจหรือความน่าจดจำเท่ากับวายร้ายอย่าง ฟรีซ่า, เซลล์ หรือ มาจิน บู ในอดีต ทำให้ความรู้สึกคุกคามและเดิมพันในการต่อสู้ดูน้อยกว่าที่เคยเป็นในภาคก่อนหน้า สรุปความคิดเห็น Dragon Ball Daima เป็นซีรีส์ที่สมควรได้รับคะแนน 7.5/10 ด้วยจุดเด่นในด้านการผลิตที่มีคุณภาพสูง เนื้อเรื่องที่กระชับน่าติดตาม และการผสมผสานความคลาสสิกของ Dragon Ball ดั้งเดิมเข้ากับแนวคิดใหม่ได้อย่างลงตัว ถือเป็นการปิดฉากผลงานของ อากิระ โทริยามะ ได้อย่างสมเกียรติ ซีรีส์นี้เหมาะสำหรับทั้งแฟนดั้งเดิมที่ติดตาม Dragon Ball มาตั้งแต่ยุคแรกและจะรู้สึกประทับใจกับการอ้างอิงและความรู้สึกในอดีต และเหมาะสำหรับแฟนซีรีส์ใหม่ๆ ที่อาจไม่คุ้นเคยกับซีรีส์นี้มากนัก เนื่องจากมีเนื้อเรื่องที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนจนเกินไป และมีการอธิบายพื้นฐานสำคัญของจักรวาล Dragon Ball ไว้ในตัวDragon Ball Daima ควรค่าแก่การรับชมสำหรับแฟนอนิเมะทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบอนิเมะแนวต่อสู้และผจญภัย มันไม่เพียงแต่นำเสนอความบันเทิงที่มีคุณภาพสูง แต่ยังเป็นการแสดงความเคารพต่อมรดกของหนึ่งในนักเขียนมังงะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ซีรีส์นี้ทำหน้าที่เป็นทั้งการปิดบทบางส่วนและการเปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ สำหรับอนาคตของแฟรนไชส์ Dragon Ball โดยรวมแล้ว Dragon Ball Daima เป็นการกลับมาที่น่าประทับใจของแฟรนไชส์อันเป็นตำนาน นำเสนอการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความคลาสสิกและความใหม่ เป็นบทสรุปที่สมเกียรติสำหรับผลงานของ อากิระ โทริยามะ และเป็นประสบการณ์ที่แฟนๆ ไม่ควรพลาด ตัวอย่างภาพยนตร์ https://www.youtube.com/watch?v=ezbYAglQoxI อ้างอิง ขอขอบคุณภาพจาก Facebook | Toei Animation ตัวอย่างภาพยนตร์โดย 東映アニメーション公式YouTubeチャンネル | “Dragon Ball DAIMA” The main Trailer / October 2024 ภาพปกโดยผู้เขียน immark | ภาพปก (ภาพประกอบภาพปก จาก Facebook | Toei Animationn) ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 3, ภาพที่ 4, ภาพที่ 5, ภาพที่ 6, ภาพที่ 7, ภาพที่ 8, ภาพที่ 9, ภาพที่ 10, ภาพที่ 11, ภาพที่ 12, ภาพที่ 15, ภาพที่ 16, ภาพที่ 17 และภาพที่ 18 จาก Facebook | Toei Animation เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !