“แนะหนัง” CHERRY MAGIC THE MOVIE ถ้า 30 ยังซิง! จะมีพลังวิเศษ!จากมังงะญี่ปุ่นสุดต็าซที่ก้าวเข้ามาสู้ซีรีส์สุดเจ๋ง ซีรีส์แนวบอยเลิฟที่มีมาให้เห็นกันไม่บ่อยนักที่จะทำออกมาให้มีเรื่องราวที่ดูแล้วจะยิ้มแก้มแตกได้ ที่มาพร้อมกับพล็อตที่มาจากมังงะบทฮาก็ฮาท้องแข็ง บทซึ่งก็อบอวนอบอุ่นหัวใจ Cherry Magic ถ้า 30 ยังซิง! จะมีพลังวิเศษ! เป็นมังงะที่เขียนโดย ยู โทโยตะ ที่นำมาสร้างในเป็นซีรีส์ฮอตหัวใจที่มีความยามไม่มากเพียงแค่ 20 กว่านาทีต่อตอนเท่านั้นและแต่ละตอนก็เต็มไปด้วยความสุขที่ต้องบอกว่ามันคือสูตรสำเร็จของซีรีส์วายโดยแท้ ที่ไม่ต้องเยอะอะไรมากแต่ก็ต้องอิ่มและอร่อย Cherry Magic ถ้า 30 ยังซิง! จะมีพลังวิเศษ! ได้ตัวหนุ่ม เอย์จิ อากาโซะ มารับบทเป็นหนุ่มหน้าตาธรรมดาที่อายุก็ปาไปแล้ว 29 ที่ยังโสดและยังเวอร์จิ้นเป็นคนธรรมดาที่เป็นพนักงานบริษัทที่มีชื่อว่า คิโยชิ อาดาจิ และยังได้ตัวหนุ่มมาดกวนอย่าง เคตะ มาจิดะ ที่รับบทเป็น ยูอิจิ คุโรซาวะ รุ่นที่สุดหล่อที่เป็นพนังงานในบริษัทเดียวกัน ตัวซีรีส์ยังได้ ผู้กำกับมากความสามารถมากำกับและเขียนบทอย่าง ซาโตโกะ โอกาซากิ เอริกะ โยชิดะ เขียนบท และกำกับโดย มาซาตากะ ฮายาชิ ฮิโรกิ คาซามะ ฮิโรอากิ ยูอาซะ เป็นซีรีส์ทีวี 12 ตอน (และตอนพิเศษอีก 2 ตอน) ที่ต้องบอกเลยว่า ใช้ผู้กำกับมากมายจริงๆ#ขอรีวิว CHERRY MAGIC THE MOVIE ถ้า 30 ยังซิง! จะมีพลังวิเศษ! จากซีรีส์ที่สร้างความอบอุ่นกันมามากมายที่ต้องบอกได้เลยว่า 12 ตอนแห่งความสุข (ตอนพิเศษอีก 2 แห่งความรัก) กลับมาคราวนี้พร้อมกับความอบอุ่นที่ยังคงอบอวนกับความรักที่มีระยะทางเป็นเครื่องมือพิสูจน์ความรัก ที่ต้องห่างกันไกลเพราะงานเป็นใจเจ้านายไม่เห็นหัวผู้เขียนเองถือว่าโชคดีมากๆที่อยู่ในช่วงที่ได้เห็นและได้รู้จักกับเรื่องราวความฮิตของคำว่า “30 ปีจะมีพลังวิเศษ!” หรือ ‘ถ้าเก็บพรหมจรรย์ไว้จนอายุ 30 จะได้เป็นผู้วิเศษ’ ที่เคยมีมังงะดังชื่อ Yuu Toyota ที่ได้รวมเล่มในปี 2018 ที่ผู้เขียนเคยได้อ่านแม้ถูกยุคสมัยกลืนหายไปไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ที่เคยมีการแชร์เรื่องราวเหล่านี้ ผู้เขียนยังได้สัมผัสกับเรื่องราวของทั้ง ซีรีส์ มังงะ และอนิเมะ ก็เลยมีพื้นฐานกับเรื่องราวแบบนี้อยู่ไม่น้อยมันเลยกลายเป็นว่าความคุ้นเคยเก่าๆที่ได้สัมผัสมันกลับมาทำให้เราคิดถึงมันอีกครั้งแม้จะมาในรู้แบบอื่นแล้วก็ตามเล่าย่อๆ เรื่องราวความรักของทั้งสองดำเนินมาจนถึงคำว่า (ไปได้ด้วยดี) แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดคิดเพราะ อาดาจิ ก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งและถูกย้ายให้ไปทำงานที่เมืองนางาซากิ เพราะความห่างไกลจึงทำให้ทั้งสองต้องหากกัน เรื่องราวของระยะทางที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์รักแท้ของทั้งสองคน เขาทั้งคู่จะสามารถประคับประคองความรักครั้งนี้ให้รอดปลอดภัยได้หรือไม่ท่ามกลางสังคมที่ยังไม่เข้าใจในความรักแบบพวกเขา มาเอาใจช่วยไปพร้อมๆกัน “กล้องพร้อม นักแสดงพร้อม เทปเดิน…ซีน 1 คัท 1 เทค 1…แอ็กชัน” 1 ซีน (Scene) คือ “ฉาก” ว่าด้วยเรื่องของฉาก / ภาพยนตร์เอาใจแฟนภาพยนตร์อย่างสุดๆไม่ว่าจะเป็น การเล่าเรื่องราวย้อนหลังแบบ flash back เข้ามาในตัวฉากทำให้เรื่องราวเล่านี้ได้ให้เราเหล่าคนดูนึกไปตามตัวซีรีส์ที่เคยดูมาและเล่าให้เรื่องราวชัดเจนขึ้นสำหรับคนที่เข้ามาดูใหม่ CHERRY MAGIC THE MOVIE ถ้า 30 ยังซิง! จะมีพลังวิเศษ! ก็ยังคงหนีไม่พ้นกับปัญหาของคำว่า การเล่าแต่ละฉากที่มันยานมันช้าจนเกินไปและไม่กระชับ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาของภาพยนตร์เรื่องนี้มากเท่าไหร่หากผู้เขียนซื้อความหวานหยดย้อยของช่วงแรกของภาพยนตร์ช่วงหลักก็ไม่ได้ทำให้มันดูน่าเบื่อไปมากกว่านั้นเลยแม้แต่น้อย จังหวะการเล่าเรื่องที่เนิบช้าการซอดแทรกให้ผู้ชมค่อยๆเรียนรู้ไปกับตัวละครและค่อยๆเข้าใน ความเป็น LGBTQ+ ของญี่ปุ่น เสียงสีและโทนก็ทำออกมาดี แม้ภาพยนตร์จะไม่ได้เน้นเรื่องราวที่ดูฉูดฉาดหวือหวาอะไรมากมายแต่ในแต่ละฉากที่ถ่ายทอดออกมาก็ถือได้ว่ามันเป็นเรื่องที่น่าประทับใจอย่างมาก2 คัท (Cut) คือ “มุม”ว่าด้วยเรื่องของบท / เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมากเพราะ CHERRY MAGIC THE MOVIE ถ้า 30 ยังซิง! จะมีพลังวิเศษ! ได้ตัวผู้กำกับจากซีรีส์อย่าง ฮิโรกิ คาซามะ มาสานต่อความน่ารักในกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น การเล่าเนื้อเรื่องต่อจากซีรีส์การห่างใกล้แต่หัวใจไม่ห่างกัน ถึงแม้ภาพยนตร์จะเลือกที่จะนำเสนอเรื่องราวของกลุ่ม LGBTQ+ มาทำให้ภาพยนตร์ดูน่าสนใจแต่ตัวภาพยนตร์เองกลับเล่าเรื่องนี้และหยิบประเด็นเรื่องนี้มาเล่าได้อย่างน่าเสียดายเพราะเรื่องราวของ LGBTQ+ ถูกหยิบยกมาเล่าได้อย่างผิวเผินและไร้มิติสุดๆ น่าเสียดายที่พล็อตเรื่องที่เป็นที่รู้จักของสังคมญี่ปุ่นมาเป็นเวลานานมากแล้วจะถูกเล่าและขยี้ในมีความละเอียดมากกว่านี้ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ผู้เขียนยอมรับเลยว่าญี่ปุ่นขนภาพยนตร์แนวนี้มาลงจอเงินกันอย่างมากมายแต่ก็ยังไม่มีเรื่องไหนที่จะขยี้บทและพล็อตแบบนี้ของเรื่อง LGBTQ+ ในสังคมญี่ปุ่น ได้มากมายและเล่ามันเบาบางจนเกินไป เรื่องนี้ก็ทำเช่นเดียวกันไม่ได้หยิบยกเรื่อง LGBTQ+ มาเล่าให้เห็นถึงแก่นของมันนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสุดๆ 3 เทค (Take) คือ “จำนวนครั้งที่เล่น”ว่าด้วยเรื่องของตัวละคร / ต้องออกตัวก่อนเลยว่าผู้เขียนเห็นฝีมือของคู่พระนายกันมาแล้วกับเรื่องนี้อย่าง "เอย์จิ อากะโซะ" กับ "เคย์ตะ มาจิดะ" ที่แสดงคาแรกเตอร์ของตัวตนให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างไร้ที่ติ ที่คอยประคองภาพยนตร์ทั่งเรื่องไม่ให้ออกทะเล การแสดงของพวกเขาค่อนข้างไหลลื่นเป็นธรรมชาติ แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่ไม่น้อยที่ภาพยนตร์ไม่ได้เอาใจแฟนคลับกลุ่มใหม่ให้เข้าใจถึงเรื่องราวของตัวละครมากมายนักแต่ เพราะในตอนแรกที่เล่าเรื่องในแบบ flash back ก็ไม่ได้ทำให้คนดูเข้าใจและเข้าถึงอะไรได้ง่ายถึงที่ไปที่มาของตัวละครตัวโน้นนี้นั้นแต่กับถูกเล่าออกมาแค่ผิวเผินและภาพยนตร์ก็เล่าเรื่องแค่ความหวานหยุดของตัวละครหลักแต่ถ้าหากแฟนภาพยนตร์คนไหนซื้อเรื่องความหวานก็คงต้องบอกว่ามันผ่านและให้อภัยได้แต่สำหรับผู้เขียนเรื่องนี้เป็นจุดที่ไม่ให้อภัย แต่ให้อภัยเรื่องของการที่ภาพยนตร์เสนอการเติบโตของตัวละครที่กล้าตัดสินใจในการใช้ชีวิตและการดำเนินเป้าหมายของกันและกัน4 Slate คือ ป้ายที่เขียนบอก ซีน คัท เทคว่าด้วยเรื่องของความหมาย/ CHERRY MAGIC THE MOVIE ถ้า 30 ยังซิง! จะมีพลังวิเศษ! เล่าถึงความหมายได้ดีมากๆกับเรื่องราวของคำว่า “ "ระยะห่างของหัวใจ " จึงกลายเป็นบทพิสูจน์ความรัก ความรักที่มีระยะทางเป็นเครื่องมือพิสูจน์มันช่างตรงกับสุภาษิตของไทยกับคำว่า “ระยะทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คน” ความรักที่ต้องไกลกันมันเต็มไปด้วยเรื่องของความห่างเหินความเหงาความเดียวดายซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทอดมันออกมาได้ดีและตรงความหมาย ภาพยนตร์ได้สอดแทรกมันเข้ามาแบบแนบเนียนจนคนดูอย่างเราๆไม่ได้คิดอะไรมากหากไม่ไป่จับประเด็นเหล่านี้ดีๆในตอนที่กำลังชมภาพยนตร์ การหยิบยกประเด็น การแต่งงานของคนเพศเดียวกัน มาเล่าก็ตีความหมายได้อย่างน่าสนใจและน่าค้นหา การเล่าแทนคนกลุ่มมากผ่านภาพยนตร์ถึงแม้จะไม่ได้ลงลึกมากมายอะไรแต่ก็ยังดีที่หยิบมานำเสนอ5 “คัท !!!!”CHERRY MAGIC THE MOVIE ถ้า 30 ยังซิง! จะมีพลังวิเศษ! ถึงจะมีจุดที่ต้องติกันอยู่บ้างแต่จุดชมก็มีมากไม่น้อยเช่นกันไม่ว่าจะเป็น เรื่องของความเท่าเทียมในมนุษย์ ที่เป็นประเด็นจากทั่วทุกมุมโลกอย่าง การ “สมรสเท่าเทียม” เนื้อหาที่เล่าในช่วงหลังคบหาของคู่พระนายที่เล่าออกมาได้อย่างละเมียดละไม แต่เก็บซ้อนความรักที่มีกันและกันในครึ่งแรกเราจะได้เห็นการโหยหากันและกันของคู่พระนาย ที่ต้องห่างกันถึง 8 เดือน แต่ครึ่งหลักภาพยนตร์เริ่มที่จะขยี้ความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสองที่เริ่มจะเปิดเผยตัวตนให้กับคนในที่ทำงานและคนในครอบครัวรู้ในสถานะของพวกเขา ที่ว่าด้วย ‘คู่ชีวิต’ ไม่ใช่แค่ ‘เพื่อน’ หรือ ‘แฟน’ ทุกคนบนโลกล้วนมีคุณค่าในตัวและใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองได้เลือกมันแล้ว “ทุกคนควรได้รับความรักไม่ว่าจะเพศไหนเพราะความรักไม่ได้ระบุเพศแต่เราเลือกที่จะรักใครสักคนไม่ใช่แค่เพศใดเพศหนึ่ง”(สิ่งหนึ่งที่คนดูอย่างผู้เขียนเห็นคือความตั้งใจของทีมผู้กำกับทีมนักแสดง คะแนนเต็มแบบไหนอย่างไรไม่ควรนำมาตัดสิน กับเรื่องของภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม "คะแนนของคุณไม่ใช่คะแนนของใคร ที่สำคัญกำลังใจย่อมดีกว่าการตัดสินด้วยคะแนน" ผู้เขียนจะย้ำอยู่เสมอ สิบปากว่าไม่เท่าตาคุณเห็น ต้องชมเองให้ได้เท่านั้น) #จิปาถะและอรรถรสขอบคุณภาพประกอบจาก Major Group / WeTV Thailand - ปก / 1 / 2 / 3 / 4 / 5ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก End Credits ท้ายเรื่อง และการเป็นแฟนเดนตายผู้กำกับภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม นักเขียนบทภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม นักแสดงทุกท่านทีมสร้างภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกมทุกคนและบริษัทและค่ายผู้ผลิตภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกมขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมในหัวข้อแนะหนัง ข้อมูลเก่าที่ยังหลงเหลือของคำว่า ‘ถ้าเก็บพรหมจรรย์ไว้จนอายุ 30 จะได้เป็นผู้วิเศษ’( เว็บไซต์ ไม่สามารถสร้าง hyperlink เพราะติดปัญหา error link จึงขออนุญาติหยิบยกมาแบบโดดๆ)knowyourmeme.com/urbandictionary.com/ จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !