I never know what people mean when they complain of loneliness.To be alone is one of life’s greatest delights, thinking one’s own thoughts,doing one’s own little jobs, seeing the world beyond and feeling oneself uninterrupted in the rooted connection with the center of all things.LONELINESSD.H. Lawrenceฉันไม่เคยเข้าใจในยามที่ผู้คนพร่ำบ่นถึงความเดียวดายการได้อยู่โดยลำพังนับเป็นความปีติยิ่งนักสำหรับชีวิตที่จะได้ครุ่นคำนึงถึงความคิดของตนเองที่จะได้กระทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ กับมองดูโลกที่รายล้อมและไม่รู้สึกว่าตนถูกกีดขวาง ในความสัมพันธ์ถึงรากเหง้ากับศูนย์กลางของสรรพสิ่ง………………ในความเดียวดายดี.เอช.ลอว์เรนซ์หนังสือบทกวีแปล เสาะแสวงหา รอยยิ้มแห่งชีวิต ที่แปลโดย “ช่อมาลี” หนังสือบทกวีแปล เสาะแสวงหา รอยยิ้มแห่งชีวิต ที่แปลโดย “ช่อมาลี” เล่มนี้ถูกส่งจากมิตรสหายท่านหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่นักเขียนหากแต่เขาคือนักเดินทางและนักอ่านตัวยง ที่สะสมหนังสือดี ๆ ไว้เป็นตั้ง ๆ เหตุที่เขาส่งเล่มนี้มาคงเป็นเพราะว่า หมายจะให้กำลังใจเพื่อนผู้จากมาไกลอย่างผู้เขียนนั่นเอง เอาไปอ่านเผื่อจะมีพลังในการลุกขึ้นมาต่อสู้ กับเส้นทางที่ล้มลุกคลุกคลาน หากเหนื่อยและท้อก็จงเสาะแสวงหาเอา เผื่อจะมีรอยยิ้มขึ้นมาได้บ้าง เขากล่าวผ่านแชท หลังจากได้รับหนังสือที่เขาส่งมาในความเดียวดาย“ช่อมาลี” ชื่อนี้อาจไม่มีใครคุ้นหูเลยสักนิดก็ว่าได้ แต่ผู้เขียนอยากชวนท่านที่ชอบอ่านหนังสือ เปิดใจให้กับหนังสือของนักเขียนที่ชื่อไม่คุ้นหูดูบ้าง เลือกอ่านเนื้อหาที่เขาเขียนดีกว่าเลือกอ่านเพราะชื่อของเขา เพราะบางครั้งเขาอาจมีอะไรดี ๆ ซ่อนอยู่ในตัวหนังสือของเขาก็เป็นได้ จากบทกวีในความเดียวดายข้างต้น บอกความหมายแก่เราว่าจงยินดีหากต้องอยู่เพียงลำพัง เพราะนั่นหมายความว่าเราจะได้ทบทวนตัวเองและทำอะไร ๆ อีกมายมายโดยส่วนตัวผู้เขียนเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือประเภทบทกวีมาก เพราะบางครั้งนักเขียนจะสื่ออะไรออกมาให้เราได้คิดแบบคาดไม่ถึงเสมอ ๆ บทกวี คือข้อความสั้น ๆ ตั้งแต่สามบรรทัดเป็นต้นไป บางครั้งแค่ตัวหนังสือสองสามบรรทัดนี่แหละ ที่ฉุดดึงพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวของเราให้ลุกขึ้นมาทำอะไร ๆ ตั้งมากมาย ผู้เขียนไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือแปลมากนัก แต่ด้วยชื่อของหนังสือที่สะดุดตา จึงทำให้อดที่จะหยิบขึ้นมาเปิดอ่านไม่ได้ ก็ต้องยอมรับว่าในส่วนที่เป็นภาษาอังกฤษนั้นไม่ได้อ่าน เพราะอ่านไม่ออกนั่นเอง แต่ก็ถือว่าคุณ “ช่อมาลี”แปลบทกวีไว้ได้ไพเราะ และงดงาม อ่านแล้วรู้สึกเพลิดเพลินไปกับตัวหนังสือที่เขาแปล มีบทกวีหลายบท ที่เสริมสร้างกำลังใจได้เป็นอย่างดี เช่นหากวันวานคือความสุขสมและรื่นรมย์ชีวิตที่น่ายินดีที่มิได้พบพานแต่ความยากไร้และวันนี้บาดแผลและความปวดร้าวก็เป็นเพียงบททดสอบสำหรับการก้าวข้ามไปเป็นชีวิตที่น่าปีติชื่นชม“ช่อมาลี”อนาคตคือหน้ากระดาษอันว่างเปล่าซึ่งจะเป็นไปตามแต่ที่เธอจะขีดเขียนเพียงตัวหนังสือไม่กี่บรรทัด บางครั้งอ่านแล้วรู้สึกมีพลังใจ ทำให้เราฮึดสู้กับความล้มเหลวที่พบเจอในระหว่างการเดินทางของชีวิต ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เราบั่นทอนหัวใจตัวเองจนทรุดลง และบ่อยครั้งที่เราอาศัยตัวหนังสือไม่กี่บรรทัดค้ำพยุงให้ลุกขึ้นมาต่อสู้อีกครั้ง หนังสือเสาะแสวงหา รอยยิ้มแห่งชีวิต เป็นอีกเล่มที่มีถ้อยคำดี ๆ ที่อ่านแล้วรู้สึกว่ายังมีถนนอีกยาวไกลให้เราก้าวเดินต่อไปความสำเร็จคือการเดินทางถ้อยคำที่สำคัญยิ่งในโลกนี้คือถ้อยคำที่เราจักบอกกล่าวกับตนเองเพราะสำคัญยิ่งกว่าวาทะทั้งปวงในหนังสือหนังหาที่สุมอยู่บนชั้นวางเป็นการกล่าวกระซิบของซุ่มเสียงที่สงบนิ่งและสมถะซึ่งจะหยั่งลึกลงไปสู่ห้วงในสุดของดวงวิญญาณบอกกล่าวกับหัวใจในยามที่ได้อยู่ตามลำพังเพราะไม่ว่าเราจะอยู่ในบทบาทใดที่เราได้เลือกเฟ้นที่จะแสดงในฉากหน้าของชีวิตสิ่งที่เราได้รับเป็นเพียงการโลดเต้นอันไร้ความหมายหากว่าความรุ่งโรจน์และคุณค่าแห่งชีวิตมิใช่ของเราในชีวิตที่เราดำรงอยู่กับตัวเองถ้อยคำที่สำคัญยิ่งเฮเลน ลอว์รี่ มาร์เชลล์บทกวีถ้อยคำที่สำคัญยิ่งบทนี้ ได้เตือนสติคนอ่านว่า ไม่ว่าจะเป็นถ้อยคำจากไหน หรือจากใคร ก็ไม่สำคัญเท่าถ้อยคำที่มาจากหัวใจของตัวเราเอง แฝงความหมายในนัยว่าเราควรให้กำลังใจตัวเราเองในยามท้อแท้ ซึ่งเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดในยามที่ชีวิตไม่มีรอยยิ้มนั่นเอง หนังสือบทกวีแปล เสาะแสวงหา รอยยิ้มแห่งชีวิต ที่แปลโดย “ช่อมาลี” พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้า ไม่ได้บอกไว้ว่าพิมพ์ พ.ศ.ไหน แต่บอกสงวนลิขสิทธิ์ภาพและข้อความในหนังสือนี้เมื่อ พ.ศ. 2530 ถ้านับอายุคนก็ สามสิบกว่าปีแล้ว หากใครสนใจอยากอ่านหนังสือเล่มนี้คงต้องลงทุนไปค้นตามร้านหนังสือเก่า เผื่อมีหลงเหลือให้ได้ซื้อหามาครอบครองกันบ้าง:::::::ภาพประกอบโดยผู้เขียน::::::