เนื่องจากผู้เขียนมีโอกาสดูหนัง'มะลิลา' ที่ออกฉายและกวาดรางวัลมากมายในปี 2561 อีกครั้ง แล้วอยากแชร์ความประทับและความเข้าใจในแก่นเรื่องในแบบฉบับของเรา จึงอยากมาเขียนรีวิวให้ทุกคนได้อ่าน ก่อนอื่นขอแนะนำข้อมูลคร่าว ๆ ของหนังเรื่องนี้ 'มะลิลา' หนังไทยแนวดรามา-โรแมนติกที่แฝงปรัชญาของชีวิต กำกับการแสดงโดย นุชชี่ อนุชา บุญยวรรธนะ ที่พ่วงตำแหน่งผู้เขียนบทร่วมกับ วาสุเทพ เกตุเพ็ชร์ ออกฉายครั้งแรก 15 กุมภาพันธ์ 2561เรื่องย่อhttps://youtu.be/ucYuomgAX5U?si=xmAL-9nN_L7pQG8a'เชน' หนุ่มเจ้าของสวนมะลิมีโอกาสเจอ 'พิช' คนรักเก่าที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ทั้งสองได้ใช้ชีวิตร่วมกันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่มะเร็งจะคร่าชีวิตพิชไปก่อนที่เขาจะทำบายศรีเสร็จเพื่อให้เชนใช้ในวันบวชหลังการตายของพิช เชนบวชให้คนรักตามสัญญา พระเชนออกธุดงค์ในป่าที่ทุรกันดารร่วมกับ 'หลวงพี่สัญชัย' อดีตนายทหารที่ตัดสินใจละทางโลกเข้าสู่ทางธรรม พระเชนจะใช้ธรรมะเยียวยาจิตใจและเรียกขวัญที่เคยหายไปกลับมาได้ไหม รับชมได้ใน 'มะลิลา' นักแสดงหลักเวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ รับบทเป็น 'เชน'/'พระเชน' หนุ่มอีสานที่ชีวิตครอบครัวพังทลาย ลูกสาวถูกงูรัดเสียชีวิต เขาติดเหล้าอย่างหนักจนภรรยาขอแยกทาง เมื่อเขาเริ่มได้สติจึงกลับมาตั้งตัวด้วยอาชีพทำสวนดอกมะลิ เชนมีโอกาสได้เจอพิช คนรักเก่า ที่เขาผิดสัญญาจนทำให้พิชหนีไปใช้ชีวิตที่กรุงเทพ เมื่อเชนรู้ว่าพิชป่วยหนัก เขายอมรับความจริงข้อนี้ไม่ได้เช่นเดียวกับที่เขายอมรับการตายของลูกสาวไม่ได้หลังพิชตายเชนได้บวชให้ตามสัญญาและออกธุดงค์ในป่าที่ทุรกันดาร เพื่อใช้ธรรมะเยียวยาจิตใจและเรียกขวัญที่แตกกระเจิงให้กลับมาการแสดงของเวียร์ ทำได้ดี ดูแล้วรู้สึกว่าเขาคือคนที่ขวัญหนีไปจากตัว ด้วยปัญหาชีวิตที่รุมเร้า คนรักล้วนตีจาก ทิ้งให้เขาเป็นคนข้างหลังที่ทำใจไม่ได้และไม่ยอมรับการสูญเสีย ทำให้เชนพยายามทุกทางเพื่อรักษาพิชไว้ ส่วนตอนที่เราประทับมาก ๆ คือ ตอนที่เวียร์เล่นเป็นพระเชน ยอมลงทุนโกนหัวจริง ถ่ายทอดบทพระที่พึ่งบวชใหม่ได้ดี สายตาท่าทางยังไม่ชินและดูประหม่ากังวลกับการทำกรรมฐาน โดยเฉพาะการปลงอสุภะฉากโรแมนติกและเลิฟซีนกับโอ เราดูแล้วลืมไปเลยว่าคือเวียร์ที่เคยเห็นในหน้าจอทีวีมาก่อน สลัดตัวตนและสวมบทเป็นเชนหนุ่มชาวสวนบ้าน ๆ ธรรมดาอย่างเป็นธรรมชาติและถือเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญในชีวิตการเป็นนักแสดงที่น่าจดจำ โอ อนุชิต สพันธุ์พงษ์ รับบทเป็น 'พิช' คนรักเก่าของเชนที่หวนกลับมาเจอกันอีกครั้งในตอนที่โรคมะเร็จกำลังจะคร่าชีวิต เขามีความสามารถด้านการทำบายศรีและงานดอกไม้ การแสดงของโอ ถึงแม้เขาจะเคยรับบทแนวชายรักชายมามากมาย ที่โด่งดังและจำได้ คือ เรื่อง พรุ่งนี้ก็รักเธอ เมื่อ 14 ปีก่อนสำหรับเรื่องนี้เขาทุ่มเทยอมลดน้ำหนักเพื่อให้เข้าบทที่เล่นเป็นคนป่วยระยะสุดท้าย คำพูดท่าทางดูเป็นคนที่ผ่านการรักษามาอย่างหนัก จนเขาปลงตกและขอกลับมาตายที่บ้านเกิดขอได้ใกล้ชิดคนรัก ตัวพิชชอบทำบายศรีและทำได้ดี ซึ่งโอก็ถ่ายทอดได้ดีเห็นถึงความนุ่มนวล อ่อนโยน ปราณีตในทุกขั้นตอนของการทำบายศรี เพื่อให้สำเร็จลุล่วงฉากโรแมนติกกับพิช เราสัมผัสได้ถึงความรักและความสุขผ่านแววตาจนลืมร่างอันซูบผอมของเขาไปได้ โดยเฉพาะตอนทำบายศรีเปี่ยมไปด้วยมวลของความรักมาก ๆ และขอชมอีกอย่างว่า การพูดไดอะล็อกของโอเป็นธรรมชาติมาก และ สำเร็จ เมืองพุทธ รับบทเป็น 'หลวงพี่สัญชัย' พระพี่เลี้ยงของพระเชน ทั้งสองออกธุดงค์ในป่าด้วยกัน ภูมิหลังของหลวงพี่เคยเป็นอดีตทหารออกรบเราไปค้นประวัติมาเห็นว่าพี่เขาเป็นนักแสดงบู๊ ดังนั้นบุคลิกภาพจึงสมบทมาก เหมือนเป็นทหารเก่าจริง ๆ คำพูดท่าทางเก็บรายละเอียดได้ดี อีกมุมหนึ่งที่ต้องเป็นพระนักปฏิบัติก็เล่นแล้วดูน่าศรัทธาเลื่อมใส หากเราเป็นพระเชนก็คงคล้อยตาม เป็นอีกหนึ่งการแสดงที่เข้าถึงบทมากและเล่นได้เป็นธรรมชาติดูเหมือนเป็นพระจริง ๆ ความประทับใจในหนัง 'มะลิลา'ประเด็นเรื่องสัจธรรมชีวิต ดูแล้วเชื่อมโยงกับดอกมะลิ ที่ผู้เขียนบทและผู้กำกับนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ แรกเริ่มดอกมะลิกว่าจะโต ผู้ปลูกต้องดูแลควบคุมปัจจัยหลายอย่าง ทั้ง ดิน น้ำ สภาพอากาศ เพื่อให้เติบโตออกดอกผลิบาน เมื่อผลิบานได้ที่จึงเก็บเอามาทำงานฝีมือในเรื่องสื่อผ่านการทำบายศรี ที่ทุกขั้นตอนต้องอาศัยความปราณีต การใช้ดอกมะลิต้องทำอย่างเบามือ เพื่อไม่ให้บอบช้ำและเสียหาย เปรียบเหมือนชีวิตของมนุษย์ กว่าเราจะเติบโตระหว่างทางต้องอาศัยการฟูมฟัก เมื่อเติบโตทุกคนก็ต้องพยายามทำให้ชีวิตของตัวเองไปถึงจุดสูงสุด เช่นเดียวกับดอกมะลิที่สวยงามออกดอกผลิบาน แต่มีอายุแค่สั้น ๆ ไม่นานก็เหี่ยวเฉาเหมือนกับชีวิตมนุษย์ที่ไม่ได้ยืนยาว วันหนึ่งเราทุกคนต่อให้จะสวยหล่อหรือถึงพร้อมแค่ไหนก็จะเหี่ยวเฉาแตกดับ และกลับคืนสู่ธรรมชาติเช่นเดียวกับบายศรีที่ใช้งานเสร็จก็ต้องลอยกลับคืนสู่สายน้ำประเด็นต่อมา เรื่อง 'บายศรี' ซึ่งเป็นพิธีกรรมความเชื่อของกลุ่มคนหนึ่ง ไม่ได้มีความสำคัญกับทุกคน ดังเช่นความรักของ เชน และ พิช ที่เกิดขึ้นในชุมชนชายขอบที่อยู่ห่างจากความเจริญและสังคมเมือง รักของทั้งสองไม่ใช่รักที่ต้องพิสูจน์อะไรกับสังคม มันคือวิถีชีวิตปกติที่พยายามเรียนรู้เข้าใจกัน โดยใช้บายศรีเป็นสื่อกลางเพื่อทำให้ขวัญกำลังใจของคนที่เรารักกลับคืนมาความรักในหนังที่มากกว่าแค่ชายรักชาย แต่เป็นความรักที่ถ่ายทอดออกมาได้สวยงาม ไม่ว่าเพศใดก็มีความรัก ห่วงหาอาทรให้กันได้ เพราะเครื่องเพศไม่จีรังยั่งยืน เมื่อตายมันก็จะเสื่อมสลายเน่าเฟะจนพิจารณาไม่ได้ เราดูแล้วมองว่าพิชและเชนไม่ใช่คู่เกย์แต่เป็นคนธรรมดา 2 คนที่รักกัน อยากใช้ชีวิตในชุมชนชายขอบไปด้วยกันนาน ๆ'ความตาย' ที่เราทุกคนล้วนต้องพบเจอ เชน ไม่ยอมรับและปลงไม่ได้กับความตาย อันเป็นปกติของมนุษย์ที่วนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร แตกต่างกับ พิช ที่เตรียมพร้อมอยู่เสมอ และพยายามทำให้เชนมีสติ ยอมรับและอยู่กับมันให้ได้ การยกระดับจิตใจรวมถึงเข้าถึงธรรมะทำให้ขวัญของเขากลับมาและเชนยอมรับ โอบกอดความตายเอาไว้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต การกำกับการแสดงและโปรดักชันงานภาพทำได้เรียลสมจริง เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ ดูเป็นชีวิตมนุษย์จริง ๆ ดูเป็นภาพชีวิตคนที่ไม่ได้ปรุงแต่ง ที่สำคัญภาพสวย ดูแล้วคมชัดสวยงาม ฉากแม่น้ำ ดูแล้วตีความได้เยอะมาก อินตามคิดถึงตัวเองตอนนั่งคิดอะไรริมน้ำหรือปล่อยใจไปกับสายน้ำที่ไหลเอื่อย ถ่ายภาพแม่น้ำออกมาได้สวยงามราวกับเป็นกระจกสะท้อนชีวิตของมนุษย์ และทำให้ปลงว่าชีวิตของมนุษย์ทเป็นเพียงอณูเล็ก ๆ ของสายน้ำ ดูบางเบาและพร้อมแตกสลายได้ทุกเมื่อในขณะที่สายน้ำจะยังคงอยู่ต่อไป สถานที่ถ่ายทำ ฉากดำเนินเรื่องส่วนใหญ่คือ ในป่า เป็นป่าที่เป็นป่าจริง ทุรกันดารสมจริง หาสถานที่มาได้เหมาะมาก ดูแล้วหวาดเสียวตามว่าจะมีอะไรโผล่ออกมาจากความรกและทึมทึบ งานกำกับศิลป์ พร็อพหลักอย่าง บายศรี สวยงามวิจิตรบรรจง มีความละเมียดละไม พร็อพที่ดูแล้วว้าวที่สุดคือ ศพที่พระสัญชัยและพระเชน เพ่งอสุภะ คือเรียลมาก ให้เห็นรายละเอียดชัดเจน ติดตากันเลยทีเดียว เสียงแมลงวันตอมทำให้เราฉุนจมูกและหนอนไชศพไปอีก เกือบอ๊วกแตกตามพระเชน ฉากนี้ถือว่าการกำกับและพร็อพถึงของมาก ส่งอารมณ์ให้นักแสดงได้ดีมาก การดำเนินเรื่อง แบ่งเป็น 2 พาร์ท คือ ช่วงต้นพาร์ทความรักระหว่างเชนและพิช ถ่ายทอดอย่างเนิบนาบ ชวนให้ผู้เชมซึมซับและซึมลึกไปกับความรักของทั้งสอง ตอนพิชทำบายศรีในพาร์ทนี้ดูเพลินมาก และพาร์ทหลัง ชีวิตของพระบวชใหม่อย่างพระเชนที่ออกธุดงค์ในป่า พาร์ทนี้เป็นพาร์ทที่เราชอบ มีหลากหลายอารมณ์ได้เห็นรายละเอียดของการออกธุดงค์ รวมทั้งการปฏิบัติกรรมฐาน ดูแล้วลุ้นระทึก หนังดึงให้เรามีอารมณ์ร่วม ชวนให้คิดว่าถ้าเป็นเราตกอยู่ในที่นั่งเดียวกับพระเชนจะทำอย่างไร ส่งท้ายมะลิลา ถือเป็นหนังนอกกระแสอีกเรื่องผู้เขียนคิดว่าดูได้ไม่ยาก และผู้เขียนชอบแก่นหลักของเรื่องมันทรงพลังและเป็นชีวิตจริงของมนุษย์ให้คะแนนภาพรวมหนัง 'มะลิลา' : 10/10 คะแนนหมายเหตุ : ผู้เขียนรับชมในขณะที่หนังเรื่องนี้สตรีมมิ่งอยู่บน Netflix เครดิตภาพหน้าปก ออกแบบโดย canvaภาพพื้นหลังหน้าปก มะลิลา Malila The Farewell Flower : ภาพที่ 1ภาพประกอบหน้าปก มะลิลา Malila The Farewell : Flower : ภาพที่ 1 ภาพประกอบเนื้อหา มะลิลา Malila The Farewell Flower : ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 ลิงก์คลิปวิดีโอประกอบเนื้อหา G Village Bangkok : คลิปที่ 1 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !